สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๗๒
สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๗๒
ผู้ฟัง เมื่อสักครู่นี้ ก่อนที่คุณจรัลจะเรียนถาม ท่านอาจารย์ได้บอกว่า ในขณะที่รู้แข็ง ไม่ได้คิดถึงแข็ง อาจารย์ช่วยขยายตรงนี้ได้ไหมครับ เพราะว่าฟังแล้วเข้าใจยาก
ท่านอาจารย์ พูดถึงเมื่อ ๓ ปีก่อนไม่รู้อะไรเลย เดินเข้าไปในสวน แต่ ๓ ปีหลังก็เดินเข้าไปในสวนนั้นแหละ แต่ว่าสามารถที่จะนึกถึงรสของป๊อบคอร์น เพียงแค่นึก
เพราะฉะนั้น จะต้องมีปัญญาที่รู้ว่า ขณะนั้นเป็นสติที่ระลึกลักษณะของรส หรือว่าระลึกลักษณะของสภาพที่กำลังลิ้มรส เพราะว่ามีความเข้าใจจากการเรียนว่า ขณะนั้นต้องมีความจริง ๒ อย่าง คือ สภาพหนึ่งเป็นรส และอีกสภาพหนึ่งเป็นสภาพที่ลิ้มรส จะไม่มีอย่างอื่นเลยในขณะนั้น เพราะฉะนั้น ขณะนั้นเป็นขณะที่เริ่มจะเข้าใจ ค่อยๆ ศึกษา
เมื่อกี้นี้เราพูดถึงด้ามมีด ความไม่รู้ในลักษณะของสภาพธรรมซึ่งกำลังปรากฏในขณะนี้ ปรากฏจริงๆ เพราะฉะนั้น แต่ละคนก็สามารถที่จะรู้ด้วยตัวเองว่า ความไม่รู้ในสิ่งที่กำลังปรากฏของแต่ละคนมากน้อยแค่ไหน หรือว่าเพิ่งจะเริ่มระลึก แต่ก็ยังมากอยู่ หรือว่าระลึกไป แล้วแต่ว่าจะกี่ชาติก็ตามแต่ กี่กัปก็แล้วแต่ หรือเดี๋ยวนี้ก็อาจจะเคยระลึกมาแล้วก็ได้
เพราะฉะนั้น แต่ละคนก็เป็นผู้ที่ตรงต่อธรรมว่า ขณะนี้สามารถที่จะเข้าใจ รู้ในความเป็นธาตุ หรือนามธาตุ หรือรูปธาตุที่กำลังปรากฏ ขณะนั้นรู้ได้เลยว่า ต้องมีสติสัมปชัญญะตามปกติ การอบรมเจริญสัมมาสติไม่ควรจะรอ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเร่งรัด ให้เป็นไปด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะเหตุว่าถ้ามีความเข้าใจที่ถูกต้อง ก็ไม่ไปทางผิด แต่ถ้าไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ไปง่ายมาก เพราะว่ายังไม่ได้รู้ความจริงของสภาพธรรม เพราะฉะนั้น ก็มีโลภะเป็นตัวที่จะทำให้หลงไป
ผู้ฟัง กระผมก็คิดว่าอย่างน้อยก็ส่องให้เห็นว่า กิเลสมีความพอใจของผม ยินดีติดใน แม้กระทั่งติดในพระธรรมก็ยังหวัง มันก็คงสะสมตัวนี้มาแยะพอสมควร คงมากครับ
ท่านอาจารย์ หวังเป็นปรมัตถธรรม หรือเปล่าคะ
ผู้ฟัง เป็นครับผม
ท่านอาจารย์ ห้ามไม่ได้
ผู้ฟัง ห้ามไม่ได้
ท่านอาจารย์ เป็นอนัตตา
ผู้ฟัง ครับผม
ท่านอาจารย์ สติระลึกได้ไหมคะ
ผู้ฟัง ระลึกได้
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ก็ต้องทราบว่า หวังเป็นสภาพที่มีจริง แต่ว่าต้องรู้ในขณะที่หวังเกิด จึงจะละหวังได้ ละโดยการรู้ว่า ไม่ใช่เรา ถ้าพูดอย่างนี้เป็นสติปัฏฐาน เป็นมหาสติปัฏฐานสูตรหรือเปล่าคะ
ผู้ฟัง เป็นครับผม
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องติดที่ชื่อ ขณะใดที่พูดเรื่องสภาพธรรมที่มีจริง แล้วหนทางที่จะทำให้รู้สภาพธรรมที่มีจริงนั้นได้ ก็เป็นสติปัฏฐาน ซึ่งมีทั่วไปในพระไตรปิฎก แต่ว่าที่รวมไว้ในทีฆนิกาย คือ มหาสติปัฏฐานสูตร
ผู้ฟัง หวังที่ไม่ใช่ชื่อเป็นอย่างไรครับ ท่านอาจารย์ ที่เป็นสภาพธรรม
ท่านอาจารย์ คุณประทีปเองบอกว่าหวังไง
ผู้ฟัง เมื่อกี้เราไม่รู้จักสภาพธรรม หวัง แต่เราก็พูดหวัง
ท่านอาจารย์ ติดข้องค่ะ ลักษณะของโลภะ แม้แต่อาสา ในภาษาบาลี ซึ่งหมายความถึงหวัง ก็เป็นโลภะ ใครหวังอะไรบ้าง นั่นคือลักษณะของโลภะ ทุกครั้งที่หวังคือโลภะ
ผู้ฟัง ถึงแม้ว่าไม่ใส่ชื่อ ความหวังก็มี
ท่านอาจารย์ ไม่ต้องใส่ชื่อ ไม่ต้องเรียกชื่อ มี จะเรียกอะไรก็ได้ นี่เราก็มาถึงความหมายของปรมัตถธรรมที่เราตั้งต้นศึกษาว่า เป็นสภาพธรรมที่มีจริง แม้ไม่เรียกชื่อ จะเปลี่ยนชื่อก็ได้ สภาพนั้นก็มีลักษณะซึ่งเปลี่ยนไม่ได้
ผู้ฟัง ท่านอาจารย์เปลี่ยนไม่ได้ หมายความว่าเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นมานานแล้ว
ท่านอาจารย์ สภาพนั้นมีจริงๆ มีลักษณะอย่างนั้น มีกิจหน้าที่อย่างนั้น มีอาการปรากฏอย่างนั้น มีเหตุใกล้ให้เกิดอย่างนั้น ไม่ใช่สภาพธรรมอื่น
ผู้ฟัง สิ่งนี้ที่พระพุทธเจ้าเรียก “ธรรม” ใช่ไหมครับ
ท่านอาจารย์ ปรมัตถธรรม
ผู้ฟัง ปรมัตถธรรม