สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๗๙
สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๗๙
ผู้ฟัง ท่านอาจารย์พูดถึงความสงสัย ความสงสัยเคยมีพยัญชนะที่ว่า ความสงสัยปิดบังโลกไม่ให้ปรากฏ อาจารย์ครับ ความสงสัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอารมณ์ปัจจุบันที่ถามกันอยู่ หรือว่าเรื่องปัญจทวาร และมโนทวาร หรือแม้กระทั่งเรื่องอนุสัย ความสงสัยต่างๆ เหล่านี้จะเป็นเครื่องกั้นการอบรมเจริญสติปัฏฐานไหมครับ
ท่านอาจารย์ ขณะที่สงสัยหรือสภาพที่เป็นอกุศลกรรมเกิดขึ้น ก็มีเหตุปัจจัยที่จะให้เกิด เพราะฉะนั้น จะกั้นหรือไม่กั้น อยู่ที่ปัญญาของบุคคลนั้นว่า ได้สะสมมามากเพียงใด เพราะว่าความสงสัยจะดับเมื่อถึงโสดาปัตติมรรคจิตเกิด เพราะฉะนั้น แต่ละบุคคลจะรู้จักตัวเองตามความเป็นจริง มีศรัทธาหรือไม่มีศรัทธา มีศรัทธาที่มั่นคง หรือว่ายังไม่มั่นคง แล้วมีการรู้ลักษณะของสภาพธรรมโดยขั้นไหน หรือว่าสติปัฏฐานยังไม่ได้เกิด หรือเกิดบ้างแต่น้อยมาก หรือเกิดแล้วก็อยากจะเกิดมากๆ จนกระทั่งไปทำอย่างอื่น ซึ่งไม่ใช่สติปัฏฐาน โลภะชวนเก่งที่สุด ทำอะไรก็ได้ที่จะไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ
ผู้ฟัง คนที่ศึกษาธรรมมากๆ กำลังคิดถึงแต่เรื่องราวมากๆ เป็นเครื่องกั้นเหมือนกัน
ท่านอาจารย์ ขณะนั้นเขารู้ไหมว่า เขาศึกษาอะไร
ผู้ฟัง รู้ว่าศึกษาธรรม
ท่านอาจารย์ ศึกษาชื่อ เรื่อง ก็เป็นเท่านั้นเอง ก็ยังเป็นชื่อ เป็นเรื่องไปเรื่อยๆ แต่ก็น่าคิดว่า ไม่ใช่เรื่อง เป็นสภาพธรรม เพราะเหตุว่าเห็นอย่างนี้ ไม่ใช่เรื่อง แต่มีเห็นจริงๆ คิดนึกก็ไม่ใช่เรื่อง แต่มีคิดนึกจริงๆ ทุกอย่างเป็นจริงหมด เมื่อเวลาที่ศึกษาหรืออ่านหรือฟังเรื่องที่เกี่ยวกับธรรม ก็น้อมที่จะรู้ความจริงว่า แท้ที่จริงก็คือเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ ให้ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นก็เหมือนทัพพีไม่รู้รสแกง ตักแกงทุกวัน แต่ไม่รู้ว่า แกงมีรสอย่างไร ก็พูดถึงเรื่องนามธรรมรูปธรรมทุกวัน แต่ไม่รู้ว่า นามธรรมรูปธรรมมีลักษณะอย่างไร
ผู้ฟัง อย่างพี่แอ๊ด รู้ว่าเห็นบ้านหลังหนึ่ง พี่แอ๊ดบอกว่ากิเลสมันเกิดทันที ก็เพียงแต่พูดถึงชื่อ ใช่หรือเปล่า
ท่านอาจารย์ ก็เราก็ชินกับคำ กับเรื่อง พอเราชอบ เราก็รู้ว่า เป็นกิเลส แต่ก็เป็นเรา แล้วกิเลสนั้นก็เป็นเห็น หรือว่าเป็นอะไร ก็ไม่มีการแยกที่จะรู้เฉพาะแต่ละลักษณะจริงๆ เพียงแต่รวมๆ กัน รวมๆ กันก็พูดได้ คนที่ไม่ใช่พระอรหันต์ก็มีกิเลส ก็พูดถูก แต่ว่ารู้อย่างนั้นหรือเปล่าว่า กิเลสเมื่อไร ขณะไหน อย่าให้ผิดปกติเท่านั้น แม้แต่ขณะนั้น สติสัมปชัญญะก็เกิดได้ ระลึกได้ รู้ลักษณะของสภาพธรรมในขณะนั้นได้ คือ ทุกอย่างที่มีจริงเพื่อที่จะให้มีการรู้ถูกต้อง จึงได้ทรงแสดงพระธรรม หลังจากที่พระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว เพราะคนอื่นอย่างไรๆ ก็ไม่มีทางที่จะถึงความเป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า แน่ ถ้าไม่ได้อบรมบารมีถึงระดับขั้น
จริงๆ ที่ทุกคนรักที่สุดคือรักตัว อยากจะให้ตัวเองดีขึ้น ดีขึ้นเรื่อยๆ ใช่ไหมคะ พอรู้สึกจะไม่ดี ก็เราชักจะไม่ดี ก็ไม่พ้นจากความเป็นเรา แต่ถึงจะดีสักเท่าไร ดีไม่พอ ถ้าเราคิดอย่างนี้อยู่เสมอ วันหนึ่งๆ เราจะทำดีเพิ่มขึ้นอีกไหม แต่ถ้าเราคิดว่าเราดีพอแล้ว ไม่มีทางเลยที่เราจะดีกว่านั้นได้ เพราะเราคิดว่าพอ แต่ถ้าเรารู้ว่า ดีอย่างไรก็ยังไม่พอ ดีกว่านี้อีกก็ดีขึ้น ดีขึ้นได้ จนกระทั่งสามารถจะดับกิเลสได้หมด นั่นแหละค่ะ ไม่ต้องมีกิจที่จะต้องกระทำอีกแล้วในเรื่องของการดับกิเลส