สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๘๔


    สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๘๔


    มีใครอยากรู้บ้างหรือเปล่าคะ อยากก็ไม่รู้ เสียเวลาอยาก แต่ฟังแล้วค่อยๆ เข้าใจขึ้น ค่อยๆ อบรมปัญญาไปเรื่อยๆ

    ความอยากเป็นอะไร ลองกล่าวสักอย่างหนึ่ง ชื่อ โลภะ ไม่เรียกโลภะก็ได้ เรียกได้ตั้งหลายชื่อ เพราะว่าลักษณะของโลภะมีต่างๆ

    นี่คือการที่เราจะค่อยๆ คิดถึงให้กว้างขึ้นกว้างขึ้นๆ เป็นปัญญาของเราเอง เอาโลภะตัวเดียวเป็นอะไรบ้าง เท่าที่ทราบหรือว่า เท่าที่ได้ฟังมาแล้ว มีคนบอกว่า เป็นกิเลส แล้วเป็นอะไรอีก เป็นอกุศล เป็นอะไรอีก เป็นตัวก่อให้เกิดกรรม เป็นอะไรอีก เป็นเครื่องเนิ่นช้า เป็นอะไรอีก เป็นสมุทัยในอริยสัจจะ ถ้ายังมีอยู่ กั้นทันที

    เพราะฉะนั้น หนทางนี้ตรงกันข้ามกับการที่จะต้องการ ต้องการเป็นหน้าที่ของโลภะ มองไม่เห็นเลย ทั้งๆ ที่กำลังถามว่า ทำอย่างไรปัญญาจะเกิดมากๆ ไม่รู้เลยว่า ขณะนั้นโลภะกำลังทำ ทำให้พูด ทำให้คิดว่า ทำอย่างไรปัญญาถึงจะเกิดมากๆ เขาซ่อนเร้นมาก ไม่มีใครรู้จัก ถ้าสติปัฏฐานไม่เกิด ไม่เห็น แต่เรียกชื่อถูก รู้กิจการงานได้ รู้ว่าเขาเป็นเหตุ เป็นนายช่างสร้างเรือน เรือน คือ สังสารวัฏฏ์ มีที่อยู่ ขณะนี้เราอยู่ในโลกนี้ ใครพามาโลกนี้ แล้วก็โลกอื่นๆ ทั้งหมดที่เป็นสังสารวัฏฏ์ ก็เพราะโลภะ แล้วแต่ว่าต้องการอะไร ต้องการสวรรค์ โลภะก็ทำให้ไปสวรรค์ได้ ต้องการเป็นพรหม โลภะก็ทำให้เป็นพรหมได้เหมือนกัน ต้องการเป็นอรูปพรหม โลภะก็ทำให้เป็นอรูปพรหม ทำได้ทุกอย่างที่จะไม่ให้ออกจากสังสารวัฏฏ์

    เพราะฉะนั้น จะเห็นเขาจริงๆ ต่อเมื่อสติปัฏฐานเกิด เมื่อนั้นจะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างตามที่ได้ทรงแสดงไว้ในพระไตรปิฎก เพราะว่าก่อนนั้นเรารู้จักชื่อ แต่เวลาที่สติปัฏฐานเกิด ไม่ใช่ชื่อ แต่เป็นตัวจริงของธรรมทั้งหมด ไม่ว่าสติระลึกอะไรก็มีลักษณะนั้นๆ ปรากฏให้รู้ความเป็นสภาพธรรมนั้นๆ ก็เริ่มรู้จักโลกของปรมัตถธรรม โลกของสัจจธรรม ซึ่งจะค่อยๆ คลายความไม่รู้ ค่อยๆ คลายความเป็นเรา แต่ว่าเหมือนจับด้ามมีดทีละเล็กทีละน้อย ไม่มีความรู้สึกว่า วันนี้ด้ามมีดสึกไปเท่าไร


    หมายเลข 9377
    21 ส.ค. 2567