สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๑๒๙
สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๑๒๙
ผู้ฟัง ก็รู้อยู่ผู้ที่รับผลกรรมจะลงไปสู่อบายภูมิ ๔ อบายภูมิ แต่ว่ากำลังจะรู้จัก คือว่า นรกอย่างนี้ เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน แล้วใน ๓ ประเภท อบายภูมินี้ แม่นมนุษย์อีก เขาจำแนกกรรมอะไรจึงจะไปเกิดต่างกัน ก็รู้จักว่ารับกรรมอยู่ เพราะว่ามันกรรมทั้งนั้นในตัว จะไปเฮ็ดมัน น้อยนึงนะ อาจารย์
ท่านอาจารย์ กรรมที่ทำแต่ละกรรมเสมอกันหรือเท่ากันไหม
ผู้ฟัง ไม่เสมอกัน
ท่านอาจารย์ อย่างเวลาที่เรามีศรัทธาเกิดขึ้น จะสวดมนต์ไหว้พระ กราบพระ แม้แต่การก้มลงกราบแต่ละครั้งเท่ากันหรือเปล่า ในศรัทธา และปัญญา
ผู้ฟัง ...
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ผลของกรรมจะเป็นอย่างเดียวกันได้ไหมคะ
ผู้ฟัง เรื่องเจ้ากรรมนายเวรนั้น ผมมีความสนใจว่า มันสิได้รับหรือไม่ เจ้ากรรมนายเวรมีหรือไม่ เจ้ากรรมนายเวร ตามที่ได้ฟังธรรม แล้วเข้าใจธรรม หรืออ่านจากหนังสือ บ มีเจ้ากรรมนายเวร อยากจะสอบถามอาจารย์ ขออยากให้อาจารย์อธิบายให้พอเป็นหนทางหรือพอสังเขป พอฮู้
ท่านอาจารย์ ขอเชิญคุณศุกล
คุณศุกล ไม่ใช่แต่ประเทศใดประเทศหนึ่ง ขึ้นชื่อว่าเป็นชาวพุทธ มีความเข้าใจว่าต้องมีคำว่า “เจ้ากรรมนายเวร” ก็เกิดความรู้สึกว่า ถ้าเราทำบุญแล้วไม่กล่าวอุทิศส่วนกุศลให้ เดี๋ยวจะทำให้เจ้ากรรมนายเวรมาเบียดเบียนมาทำให้เดือดร้อน แต่เราก็ไม่รู้จริงๆ ว่า ตัวเจ้ากรรมนายเวรมันคืออะไรกันแน่ แต่ว่าท่านอาจารย์สุจินต์ท่านก็ให้ เหตุผล แล้วให้ทุกคนพิจารณาเองว่า คำว่า “เจ้ากรรม” หมายความถึงกรรมที่แต่ละคนทำ ไม่ได้ทำอะไรไว้กับใคร ที่ไหนอย่างไร เวลาที่ผลของกรรมซึ่งเป็นวิบากจะให้ผล ก็ต้องให้ในขณะที่มีทางที่จะรับ ถ้าไม่มีทางที่จะรับ กรรมนั้นก็ให้ไม่ได้ ทางที่รับผลของกรรมที่เรียกว่าวิบาก ก็มีอยู่ ๕ ทาง ทางตา เห็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น และทางกาย ผมก็มีความเห็นแค่นี้ครับ
ท่านอาจารย์ ค่ะ คำกล่าวอุทิศส่วนกุศลมีตั้งแต่ครั้งพุทธกาล ตั้งแต่พระผู้มีพระภาคยังไม่ดับขันธปรินิพพาน ในครั้งที่พระเจ้าพิมพิสารได้ทำบุญอุทิศแก่เปรตซึ่งเคยเป็นญาติในอดีต เพราะฉะนั้นในคำกล่าวอุทิศส่วนกุศล มีคำว่า “เจ้ากรรมนายเวร” หรือเปล่า
ผู้ฟัง ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่รู้นะ
ท่านอาจารย์ แต่คำอุทิศส่วนกุศล สืบต่อภาษาบาลีมากระทั่งขณะนี้ แต่ไม่มีคำว่า อุทิศแก่เจ้ากรรมนายเวร ไม่มีใช่ไหมคะ ไม่มีแน่นอนนะคะ
ผู้ฟัง มีแต่สัพเพ สัตตา
ท่านอาจารย์ อันนั้นแผ่เมตตา ไม่ใช่อุทิศกุศล หลังจากที่ทำกุศลแล้ว มีกุศลสืบต่อจากการกระทำกุศล ก็คืออุทิศส่วนกุศลที่ได้กระทำแล้วให้ผู้อื่นเกิดกุศลจิตอนุโมทนา เมื่อเขาสามารถที่จะรู้ และเกิดกุศลจิต แต่ถ้าเขาไม่เกิดกุศลจิต ใครจะเอากุศลของเราไปให้เขา ไม่ได้เลย กุศลของใครก็ของคนนั้น แต่การอุทิศส่วนกุศลก็เพื่อให้เขาเกิดกุศลจิตว่า เราได้ตั้งใจทำบุญ แล้วก็อุทิศส่วนกุศลให้เขา ไม่มีคำว่า “เจ้ากรรมนายเวร”
เพราะฉะนั้น ก็น่าคิดว่า เจ้ากรรมนายเวรมีหรือเปล่า ในเมื่อกรรมใครทำ กรรมนั้นแหละที่ทำแล้วจะต้องเป็นเหตุให้เกิดวิบาก และไม่ใช่ไปเกิดกับคนอื่น กุศลจิตของใครที่เกิดแล้วก็ดับไป ก็สะสมสืบต่อเป็นกรรมปัจจัยพร้อมที่จะให้วิบากจิตเกิดเมื่อไร ถึงกาลที่วิบากจิตประเภทไหนจะเกิด วิบากจิตนั้นก็เกิดเพราะกรรม เราไม่ใช่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น เราจะบอกไม่ได้เลยว่า ขณะที่เห็นเดี๋ยวนี้เป็นผลของกรรมที่ได้ทำมาตั้งแต่ครั้งไหน เมื่อไร ถ้าไปทูลถามพระผู้มีพระภาคทรงแสดงได้เลย เป็นผลของกรรมชาติไหน แต่ในชีวิตของเรา ทั้งวันเราไม่พ้นจากการรับผลของกรรม เพราะมีการเห็น มีการได้ยิน มีการได้กลิ่น มีการลิ้มรส ถ้าเราเห็นดี เป็นเพราะเราทำดี เจ้ากรรมนายเวรเอาอะไรที่ดีๆ มาให้เราหรือเปล่า หรือว่ากรรมของเราต่างหากที่ได้กระทำไว้ ถ้าเป็นกรรมที่ดีก็ให้เป็นสิ่งที่ดี ถ้าเป็นกรรมที่ไม่ดี ก็ให้เห็นสิ่งที่ไมดี ไม่มีคนอื่นสามารถจะเอาอะไรมาให้เราได้ ที่เราเกิดมา ขณะแรกที่เกิด เจ้ากรรมนายเวรพาเรามาเกิดหรือเปล่า หรือกรรมของเราต่างหาก กรรมหนึ่งที่ได้กระทำแล้ว ถ้าเกิดเป็นมนุษย์หรือเกิดในสุคติภูมิ คือแม้บนสวรรค์ ก็เป็นผลของกุศลกรรมที่เราได้กระทำ คนอื่นจะทำอะไรไม่ได้เลย จะมาทำให้เกิดเป็นอกุศล ให้ผลเป็นอกุศลวิบากก็ไม่ได้ ไม่มีส่วนมาเกี่ยวข้องกับกรรมของบุคคลใดที่ได้กระทำแล้ว กรรมนั้นแหละจะเป็นปัจจัยทำให้ผล คือ วิบากจิตเกิด ชาตินี้เคยฆ่าสัตว์ไหมคะ เคยฆ่าอะไรมาบอกสักอย่าง
ผู้ฟัง ฆ่าปลา
ท่านอาจารย์ ฆ่าปลา แล้วอุทิศส่วนกุศลเพราะคิดว่าปลาเป็นเจ้ากรรมนายเวรหรือเปล่าคะ
ผู้ฟัง ผมคิดอย่างนั้น
ท่านอาจารย์ หรือคะ ปลารู้ไหมคะ
ผู้ฟัง ไม่รู้
ท่านอาจารย์ แล้วอุทิศไปทำไม ปลาจะรู้ได้อย่างไร ตอนเป็นปลาก็ไม่รู้ว่าใครมาฆ่า แล้วเราไปถือว่าปลาเป็นเจ้ากรรมนายเวร แล้วอุทิศส่วนกุศลให้ แต่ปลาก็ไม่รู้ อุทิศเท่าไร ปลาก็ไม่รู้ ไปเกิดที่ไหนเป็นอะไรแล้วก็ไม่รู้ แล้วเราอุทิศอะไรให้ใครที่ไม่รู้ แล้วกรรมนั้นก็ให้ไม่ได้ด้วย
ผู้ฟัง ถ้าว่าเป็นมนุษย์ ตัวอย่างที่ว่าเราก็ไม่รู้ เพราะว่าเราเกิดมาชาตินี้
ท่านอาจารย์ ยังถือว่าปลาเป็นเจ้ากรรมนายเวรหรือเปล่า
ผู้ฟัง ผมคิดว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวร
ท่านอาจารย์ เขาเป็นอย่างไร เป็นเจ้ากรรมอย่างไร เขาทำให้เราเกิด หรือทำให้เราเห็น
ผู้ฟัง บางครั้งชาติต่อไปผมก็จะไปเกิดเป็นปลา เขาก็มาฆ่าผม
ท่านอาจารย์ ถ้าจะเกิดเป็นปลา ปลาตัวนั้นทำให้เราเกิดเป็นปลา หรือกรรมของเรา ทำให้เกิดเป็นปลา
ผู้ฟัง กรรม
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ปลานั้นไม่เกี่ยวแล้ว ใช่ไหมคะ เจ้ากรรมนายเวรตัวนั้นไม่เกี่ยวแล้ว ไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวรเลยสักนิดเดียว เพียงแต่ความคิดของเราเท่านั้นเอง คิดว่า เขาเป็นเจ้ากรรมนายเวร เพราะว่าไม่เข้าใจว่า แท้ที่จริงกรรมต่างหาก กรรมของเราเองเท่านั้นที่จะทำให้เราเกิด ที่จะทำให้เราเห็น ที่จะทำให้เราสุข หรือทุกข์ ได้ลาภ ได้ยศ นินทา สรรเสริญ ทั้งหมด เป็นเรื่องของกรรมของเรา คนอื่นไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย ถ้าเขาทำให้เราเกิดได้ เขาเป็นเจ้ากรรมนายเวร แต่เราเกิด ไม่ใช่เพราะใครทำ แต่กรรมของเราที่เราทำเอง ยังมีเจ้ากรรมนายเวรหรือเปล่าคะ
ผู้ฟัง ทำไมผมจึงถามอาจารย์ เพราะว่าบางครั้งผมเป็นผู้นำพิธีกรรม พิธีทางศาสนา ข้าพเจ้าผู้ยังศรัทธา เฉพาะเจาะจงถึงเจ้ากรรมนายเวรโดยเฉพาะอย่างเดียว ไม่ ได้หมายถึงคนอื่นด้วย เฉพาะเจ้ากรรมนายเวรเท่านั้น
ท่านอาจารย์ ก็ถามเขาว่า ใครเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเขา
ผู้ฟัง ไม่รู้
ท่านอาจารย์ นั่นสิคะ ทำอะไรด้วยความไม่รู้ แล้วผลคืออะไรคะ ถึงอย่างไรก็ยังไม่รู้อยู่ดี อย่างปลาไปอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้ ตัวที่ถูกฆ่า เกิดเป็นคนก็ได้ เขาก็ไม่รู้ว่าเราอุทิศส่วนกุศลให้ เพราะเขาไม่ใช่เจ้ากรรม แล้วก็ไม่ใช่นายเวรอะไรด้วย แล้วคนไทยก็ชอบทำให้คล้องกัน กรรม เวร ก็มีเจ้านาย ก็แยกเสียว่าเป็นเจ้ากรรม แล้วก็นายเวร แต่ทั้งหมดจริงๆ ไม่มี มีแต่กรรมเป็นของๆ ตน พอที่จะมีความมั่นใจหรือยัง ไม่ต้องกลัว
ผู้ฟัง สำหรับผมเข้าใจแล้ว แต่ว่าคนอื่นยังไม่รู้
ท่านอาจารย์ แล้วกลัวเจ้ากรรมนายเวรไหมคะ กลัวเจ้ากรรมนายเวรหรือเปล่า
ผู้ฟัง ไม่กลัวแล้ว บัดนี้ สำหรับผม
ท่านอาจารย์ ไม่กลัวเพราะอะไรคะ
ผู้ฟัง เพราะว่ามันขึ้นอยู่กับตัวเราเอง เราทำอะไรไว้ เราจะได้รับกรรมอันนั้น
ท่านอาจารย์ เพราะไม่มีเจ้ากรรมนายเวร แต่มีกรรมที่ได้กระทำแล้วเป็นของๆ เรา ไม่มีการอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรอีกต่อไป ใช่ไหมคะ