สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๑๔๑


    สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๑๔๑


    ผู้ฟัง การเจริญสติปัฏฐาน ผมไม่ทราบว่าจะเริ่มอย่างไรสำหรับคนที่ยังไม่เคย เริ่ม

    ท่านอาจารย์ คนที่ยังไม่เคยเริ่ม ก็คงเริ่มไม่ได้ ต้องมีความเข้าใจเรื่องของสภาพธรรม อย่างมั่นคง เพราะว่าถ้าเราเข้าใจตั้งแต่ต้นว่า ทุกอย่างเป็นอนัตตา ทุกอย่างเป็นธรรม สิ่งที่มีจริงต้องเป็นธรรม เพราะมีลักษณะเฉพาะที่ปรากฏให้รู้ได้ ถึงจะกล่าวว่าเป็นสิ่งที่มีจริง อย่างในขณะนี้ สิ่งที่มีจริงก็จะปรากฏทางตา มีจริงแน่นอน ปรากฏทางหูก็มีจริง ถ้าเป็นกลิ่น ทางจมูก เป็นรส ทางลิ้น เป็นการรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ มีจริง แล้วก็มีลักษณะเฉพาะอย่างด้วย ถ้าเรามีความเข้าใจว่า เป็นธรรมที่เกิดขึ้นแล้วดับไป เพราะเหตุว่าถ้าไม่เกิดก็ไม่ปรากฏ คือ พื้นฐานสำคัญที่สุด เกือบจะกล่าวได้ว่า เราไม่ต้องไปคิดเรื่องสติปัฏฐาน หรือไม่ต้องไปคิดเรื่องอะไรเลยทั้งสิ้น แต่ว่ามีความเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏเพิ่มขึ้น เพราะว่าเราทราบว่า ไม่มีตัวตน เป็นอนัตตา แล้วอะไรจะทำให้สติเกิด ก็ต้องเป็นความรู้ความเข้าใจที่มั่นคง เพราะว่าถ้าศึกษาเรื่องขันธ์ ก็จะทราบว่า รูปทุกรูปเป็นรูปขันธ์ รูปนี่ต้องเจริญสติปัฏฐานไหมคะ ไม่ต้องแน่นอน เพราะว่ารูปไม่ใช่สภาพรู้ เวทนาขันธ์ ตัวเวทนาต้องเจริญสติปัฏฐานหรือเปล่า ก็ไม่ต้องอีก เพราะเหตุว่าเป็นสภาพที่รู้สึก สัญญาก็เป็นสภาพที่เป็นความจำ แต่อะไรเจริญ ต้องสติ และปัญญา ซึ่งก็เป็นธรรมที่ไม่ใช่เรา

    ก่อนอื่นหัวใจของพระพุทธศาสนาจากการตรัสรู้ คือ ทุกอย่างเป็นอนัตตา ต้องไม่ลืมคำนี้เลย ไปถึงไหนตรงไหนก็ต้องมี ความเข้าใจเรื่องอนัตตาอย่างมั่นคง เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องของปัญญาที่ฟังธรรม พิจารณา แล้วก็มีความเข้าใจว่า สิ่งที่มีจริงเป็นสัจจธรรมที่จะทำให้ผู้ที่สามารถประจักษ์แจ้งจริงๆ ในการเกิดขึ้น และดับไปเป็นพระอริยบุคคล เพราะว่ามีความเห็นถูก มีความเข้าใจถูกในลักษณะของสภาพธรรมนั้น จนคลายความเป็นเรา เพราะถ้าใช้คำว่า “ธรรม” ใช้คำนี้เมื่อไหร่หมายความว่าคนนั้นเข้าใจ ความหมายของอนัตตา จะมีความเป็นเราอีกไม่ได้ แม้ในขั้นของความเข้าใจ จิตเป็นธรรม เป็นอนัตตา เจตสิกมีจริง เป็นธรรม เป็นอนัตตา รูปเป็นธรรม มีจริง เป็นอนัตตา ทุกอย่างเป็นอนัตตาหมด แล้วก็มีการเกิดขึ้นจึงปรากฏ แต่กว่าเราจะเข้าใจถึงลักษณะแท้ๆ ของความเป็นอนัตตาของทุกอย่าง แล้วรู้ว่า สิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้เพราะเกิดขึ้น ก็ต้องใช้เวลานานมาก เพราะฉะนั้น จะไม่มีตัวตนที่ไปทำ เพราะเหตุว่านั่นคือไม่เข้าใจถ่องแท้จริงๆ ว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา

    เพราะฉะนั้น ในขณะที่กำลังฟัง เห็นมี กว่าเราจะรู้ว่าเป็นธรรมจริงๆ จนกระทั่งหยั่งถึงความเป็นธรรมของสภาพเห็น ต้องฟังอีกนาน แล้วสิ่งที่กำลังปรากฏก็มีจริง แล้วสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ก็เป็นสภาพธรรมชนิดหนึ่ง ซึ่งปัญญาสามารถอบรมจนเข้าใจถูกต้องว่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา เท่านั้นเอง ยากไหมคะ ไม่มีใครเลย นอกจากเป็นสิ่งที่ปรากฏทางตา แล้วความจริงเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าคะ


    หมายเลข 9447
    21 ส.ค. 2567