สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๑๔๒


    สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๑๔๒


    ผู้ฟัง เราไม่สามารถที่จะ check ได้ว่าสติปัฏฐานเกิดหรือเปล่า หรือว่าอันนี้เป็นความคิดของเราเอง เราจะ check ได้อย่างไร

    ท่านอาจารย์ เรายังไม่ต้องไปพูดถึงสติปัฏฐานเลย ไม่ต้องไปห่วงใยเลย เพราะว่าสติปัฏฐานต้องเกิดพร้อมกับปัญญา เพราะฉะนั้น ถ้าปัญญาของเรายังไม่พร้อมที่จะเกิดกับสติสัมปชัญญะขั้นนั้น เป็นปัญญาขั้นที่เพียงฟัง ฟังไปก่อน ฟังไปเรื่อยๆ เพราะว่าปัญญาเป็นสังขารขันธ์ สติเป็นสังขารขันธ์ ธรรมอื่นนอกจากเวทนา ความรู้สึก กับสัญญาแล้ว เป็นสังขารขันธ์หมด ทีนี้เราจะเอาตัวเราเข้าไปใส่เรื่อยๆ พอฟังตรงนี้ เราเข้าใจตรงนี้ แต่ความจริงที่เข้าใจนั้นคือปัญญา และสติ แม้ในขณะที่กำลังนั่งอยู่เดี๋ยวนี้ มีรูป แล้วก็มีจิต แล้วก็มีเจตสิก มีปัญญา และเจตสิกขณะที่ฟังเข้าใจ คือต้องถอดความเป็นเราจากที่เคยเป็นเรา จนรู้ว่าเป็นธรรม แล้วธรรมอะไร เป็นจิตหรือเป็นเจตสิก ซึ่งเป็นนามธรรม หรือว่าเป็นรูป แม้แต่ในขั้นการฟัง แล้วเราจะไม่ไปห่วงกังวลเรื่องสติปัฏฐานเลย แต่ว่าเวลาที่ฟังเข้าใจขึ้น เข้าใจขึ้น เขาเป็นสังขารขันธ์ เขาจะทำหน้าที่นำไปสู่สติสัมปชัญญะอีกขั้นหนึ่งซึ่งไม่ใช่ขั้นเข้าใจ แต่เป็นขั้นที่รู้ลักษณะเดี๋ยวนี้เองที่กำลังปรากฏ

    เพราะฉะนั้น ในพระไตรปิฎก จะมี ๒ คำ หลงลืมสติ กับ มีสติ ซึ่งหมายความว่า ขณะนั้น สติสัมปชัญญะเกิดเป็นสติปัฏฐาน เรายังไม่ต้องใจร้อนไปถึงสติปัฏฐาน แต่ว่าเรารู้ว่า ขณะนี้สติกับหลงลืมสติ ต่างกันอย่างไร แล้วหลงลืมสติที่กล่าวถึงไม่ใช่สติขั้นทาน ไม่ใช่สติขั้นศีล แต่เป็นสติสัมปชัญญะขั้นที่ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ จึงจะเป็นสติปัฏฐาน คือเป็นที่ตั้งของสติที่ระลึกแล้วปัญญาจะค่อยๆ เข้าใจถูกในลักษณะของสภาพธรรมนั้น จนกระทั่งสามารถที่ประจักษ์ความจริงของสภาพธรรมนั้นได้

    เพราะฉะนั้น จะไม่มีการข้ามขั้น อย่างปริยัติ แล้วก็นำไปสู่ปฏิบัติ นำไปสู่ปฏิเวธ ทีนี้บางคนก็อาจจะสงสัยว่า ปริยัติแล้วเมื่อไรจะถึงปฏิบัติ ก็เลยอยากจะทำ เพราะเข้าใจว่าปฏิบัติ คือทำ แต่โดยรูปศัพท์ ปฏิบัตติ ปฏิ แปลว่า เฉพาะ ปัตติ แปลว่าถึง ถึงเฉพาะ ขณะนี้ถึงเฉพาะอะไร อะไรถึง มีสภาพธรรมกำลังปรากฏ ไม่เคยเข้าใจ อวิชชา ปิดบังไม่ให้รู้ความจริง แต่ถ้าจะถึงเฉพาะก็คือสติเกิดรู้ลักษณะของสภาพที่กำลังปรากฏ ถึงเฉพาะอย่าง เฉพาะอย่าง ทีละอย่าง

    ผู้ฟัง เรื่องการเจริญ มันค่อนข้างจะกว้างไปสักหน่อย

    ท่านอาจารย์ ก่อนอื่นเราจะเคยฟังแต่ว่าให้ทำวิปัสสนา แล้วพอไม่ทำวิปัสสนาแล้ว มีความรู้เพิ่มขึ้นนิดหน่อยก็จะเป็นเจริญสติปัฏฐาน เราได้ยินคำบอกเล่าอย่างนี้ แต่ว่าเรายังไม่เคยคิดว่า ไม่ใช่เรื่องของการทำ ไม่ใช่เรื่องของเรา ตัวตน แต่เป็นเรื่องการอบรมความรู้ความเข้าใจ เอาความเข้าใจจริงๆ เพิ่มขึ้น แล้วก็ปัญญาเขาจะทำหน้าที่ของเขาเอง


    หมายเลข 9448
    21 ส.ค. 2567