สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๑๕๙
สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๑๕๙
ผู้ฟัง กระผมยังติดใจเรื่องวิบากกรรมเพราะว่าฟังแล้ว พยายามทำความเข้าใจ เพราะว่าฟังดูแล้วเหมือนกับว่า รับผลของกรรมเพียงเห็นนิดเดียวแล้วก็หมด ได้ยินนิดเดียวแล้วก็หมด ได้กลิ่นนิดเดียวแล้วก็หมด ลิ้มรสทุเรียนอร่อยๆ อย่างนี้ หมด แล้วก็กระทบสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็งตึงไหวก็หมด แต่ว่าความจริงแล้วเป็นเรื่องราวที่เรารับทานทุเรียน
ท่านอาจารย์ เราคิดถึงทุเรียน แต่ไม่เรียกทุเรียนได้ไหมคะ สิ่งนั้นมีกระทบลิ้น ไม่เรียกว่าทุเรียนได้ไหม
ผู้ฟัง ได้ครับ
ท่านอาจารย์ นั่นแหละค่ะคือความจริง แล้วเรามาใส่ชื่อทีหลัง จริงๆ คือรส ซึ่งน่าอัศจรรย์ ทุเรียนก็ลูกใหญ่ แล้วก็มีหนามด้วย แล้วก็มีเนื้อ จิตก็สามารถไปลิ้มรสที่อยู่ในเนื้อทุเรียนได้ คิดดู น่าอัศจรรย์ สามารถจะรู้ได้ทุกอย่างแม้นิพพาน แต่ต้องเป็นปัญญา ปัญญาเจตสิกที่เกิดกับจิตถึงระดับขั้นที่เป็นโลกุตตระ ถ้าเป็นโลกียะ คือการรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่เกิดดับ เพราะความหมายของโลก คือ สภาพธรรมใดๆ ก็ตามที่เกิดดับเป็นโลกทั้งหมด โลกคือสภาพธรรมที่แตกดับ เกิดแล้วก็ดับไป เกิดแล้วก็ดับไป แต่เหมือนไม่ดับ เพราะว่าไม่ใช่ปัญญาที่อบรมถึงขั้นที่จะประจักษ์ แต่นี่เป็นคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจากการตรัสรู้ ตรัสรู้ไม่ใช่การคิดประมวลเอาเหตุผลมา แล้วก็แสดง แต่ต้องเป็นการประจักษ์ลักษณะของสภาพธรรมหยั่งถึงความเป็นจริงของสภาพธรรม เพราะฉะนั้น คำใดที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส คำนั้นจะไม่เป็น ๒ คือจะไม่เป็นอื่น สภาพธรรมใดที่เกิด เกิดเพราะมีเหตุปัจจัยแล้วก็ดับ
นี่คือขณะนี้ทุกขณะตามความเป็นจริง สำหรับผู้ที่อบรม สำหรับพระอริยเจ้าทั้งหลาย แต่ถ้ายังไม่ถึงการประจักษ์แจ้ง ก็ยังเป็นผู้ที่ยังไม่ใช่พระอริยบุคคล ยังไม่มีปัญญาถึงกับสามารถจะดับความสงสัยในสภาพธรรม หรือว่าดับความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรม ทั้งๆ ที่เป็นธรรมแต่ละลักษณะทั้งวัน ก็ยึดถือว่าเป็นเราทั้งวัน ตัวคุณประทีปมีอะไรเป็นของคุณประทีปบ้าง เป็นตัวคุณประทีปบ้าง
ผู้ฟัง ลูกนัยน์ตาก็เป็นของกระผมครับ จมูกก็ของกระผมครับ ปากอะไรอย่างนี่ แล้วก็หูบ้างได้ยินบ้างอะไรอย่างนี้
ท่านอาจารย์ คุณประทีปทำให้เกิด หรือว่าเกิดแล้วเป็นของคุณประทีป
ผู้ฟัง ผมคงไม่ได้ทำให้เกิดครับ เพราะเขาเกิดมาตั้งแต่แรก เป็นอย่างนั้นเองครับ
ท่านอาจารย์ ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เหมือนกับไม่มีอะไร แต่ความจริงมีอากาศธาตุแทรกคั่นอย่างละเอียด ใครรู้ ละเอียดยิ่งกว่าผง เหมือนกับตอนที่ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น ก็มีรูปเกิดขึ้นด้วย แต่รูปนั้นเล็กมาก แล้วค่อยๆ เจริญเติบโตขึ้น แต่ถึงจะเจริญเติบโตอย่างไร ก็มีอากาศธาตุแทรกคั่นอยู่อย่างละเอียด พร้อมที่จะแตกสลาย ในนี้ก็เหมือนกัน ฉีกได้ ใช่ไหมคะ มีอากาศธาตุ นี่ก็แตกได้ทำลายได้ โลกที่เราเห็นว่า หนาแน่น แข็งแกร่ง ก็มีอากาศธาตุแทรกคั่นอยู่หมด ใครรู้
เพราะฉะนั้น สิ่งที่แม้อากาศธาตุหรือแม้แต่กลาป หรือกลุ่มเล็กๆ ของรูป เกิดเพราะกรรมก็มี เกิดเพราะจิตก็มี เกิดเพราะอุตุ ความเย็นความร้อนก็มี เกิดเพราะอาหารก็มี ใครรู้ ไม่มีการรู้เลย เพราะฉะนั้น คุณประทีปยึดถือกองฝุ่นเล็กๆ ละเอียดว่าเป็นของคุณประทีปหรือคะ หรือว่าเป็นตัวคุณประทีปเลย ในเมื่อรูปนั้นเกิดแล้วก็ดับ รูปเกิดจากกรรม ใครสร้างไม่ได้เลย รูปเกิดจากจิตมีอายุ ๑๗ ขณะของจิตเกิดดับ แล้วก็ดับ ทุกรูปมีอายุเท่ากับการเกิดดับของจิต ๑๗ ขณะแล้วดับ แล้วอันไหนเป็นของคุณประทีป ได้ยิน เกิดแล้วดับ เสียงเกิดแล้วดับ สิ่งที่เกิดแล้วดับแล้ว เป็นของใคร
ผู้ฟัง ก็คงไม่มีครับ
ท่านอาจารย์ แล้วจะเป็นของคุณประทีปได้อย่างไร เป็นธรรมได้ แต่เป็นคุณประทีปไม่ได้
ผู้ฟัง ฟังดูแล้วมันเรื่องธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ลึกลงไปกว่านั้นอีกที่เราคิดว่า ความเป็นตัวเป็นตนของเรา ผมก็มีบ้าน มีครอบครัว มีพี่น้อง
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น เกิดมาแล้วกี่ชาติก็ตาม ถ้าไม่มีโอกาสได้ฟังพระธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ความรู้อย่างนี้จะไม่มีเลย ไม่มีใครจะบอก ไม่มีใครจะแสดงโดยถี่ถ้วน ๔๕ พรรษาซึ่งประมวลเป็นไตรปิฎก ๓ ปิฎก พร้อมทั้งอรรถกถา ฎีกาอีก ที่จะทำให้เข้าใจอย่างถูกต้อง