สมาธิสงบไหม
อ.อรรณพ สมาธิสงบไหม สมาธิคือสภาพธรรมอะไร มีกิจหน้าที่อย่างไร เกิดกับจิตทุกขณะหรือไม่ ขณะที่อกุศลจิตเกิดมีสมาธิไหม และขณะนั้นสงบหรือไม่
จากการสนทนาพื้นฐานพระอภิธรรมที่ มศพ. ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๕
ท่านอาจารย์ จิตเกิดลำพังโดยไม่มีปัจจัยทำให้เกิดได้ไหมคะ
ผู้ฟัง ไม่ได้แน่นอน
ท่านอาจารย์ อะไรเป็นปัจจัยหรือเป็นสภาพธรรมที่เกื้อกูลหรือสนับสนุน หรือเป็นปัจจัยให้จิตเกิดขึ้น จิตเกิดขึ้นลอยๆ เกิดขึ้นเองได้ไหม
ผู้ฟัง ไม่ได้แน่นอน
ท่านอาจารย์ ต้องมีปัจจัย ที่ใช้คำว่า “ปัจจัย” คือ สภาพธรรมอื่นอาศัยกัน และกันเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น จิตอาศัยสภาพธรรมที่เป็นนามธาตุ สภาพรู้ด้วยกัน อาศัยกัน และกันเกิดขึ้น ขณะที่กำลังรู้อารมณ์หนึ่ง จิตรู้อารมณ์ทีเดียวพร้อมกันหลายอารมณ์ไม่ได้ จิต ๑ ขณะเกิดขึ้นต้องมีเจตสิกเกิดร่วมด้วย เจตสิกหนึ่งซึ่งทำให้จิตตั้งมั่นรู้แจ้งในอารมณ์ที่ปรากฏอารมณ์เดียว จะตั้งมั่นทีเดียวหลายๆ อารมณ์ไม่ได้ เพราะจิตหนึ่งพร้อมกับเจตสิกแต่ละหนึ่งๆ ที่เกิดขึ้นก็ทำหน้าที่เฉพาะของตนๆ
เพราะฉะนั้น ในขณะที่จิต ๑ ขณะเกิด จะมีเจตสิกหนึ่งซึ่งต้องเกิดกับจิตทุกขณะ เจตสิกนั้นคือเอกัคคตาเจตสิก เป็นเจตสิกที่ตั้งมั่นในอารมณ์ จิตจึงรู้แจ้งอารมณ์ที่เอกัคคตาเจตสิกตั้งมั่น ถ้าจิตตั้งมั่นที่อารมณ์หนึ่งนานๆ บ่อยๆ ลักษณะของการที่อารมณ์นั้น อารมณ์เดียวปรากฏบ่อย ทำให้คนรู้ลักษณะของสมาธิ คือ สภาพที่ตั้งมั่นที่อารมณ์หนึ่ง เวลานี้จิตก็ตั้งมั่นที่อารมณ์เดียวทุกขณะที่เกิด แต่เดี๋ยวเปลี่ยนเป็นเห็นบ้าง เดี๋ยวเปลี่ยนเป็นได้ยินบ้าง เป็นคิดนึกบ้าง ลักษณะของความตั้งมั่นก็ไม่ปรากฏ แต่ถ้าตั้งมั่นอยู่ที่อารมณ์หนึ่งอารมณ์ใดนานๆ ลักษณะของความตั้งมั่นปรากฏ ที่ใช้คำว่า “สมาธิ”
สมาธิสงบหรือเปล่า
ผู้ฟัง สงบก็ได้ ไม่สงบก็ได้
ท่านอาจารย์ ต้องเป็นเจตสิกอื่นที่สงบ คือ ปัสสัทธิเจตสิก ไม่ใช่เอกัคคตาเจตสิก ศึกษาธรรมเพื่อเข้าใจถูก เพื่อเห็นถูก ยังไม่ต้องตามเรื่องที่ได้ยินได้ฟังไปถึงถ้าสติเกิด สมาธิตั้งมั่น หรืออะไรทั้งสิ้น แต่ต้องเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมซึ่งเมื่อปรากฏความตั้งมั่น เพราะจิต และเจตสิกรู้อารมณ์เดียวนานๆ แต่เป็นกุศลก็ได้ เป็นอกุศลก็ได้
เพราะฉะนั้น สภาพธรรมที่เกิดกับจิตที่เป็นอกุศล จะเป็นกุศลไม่ได้ ขณะใดที่จิตเป็นอกุศลเกิดขึ้น เอกัคคตาเจตสิกก็เกิด แต่ขณะนั้นไม่สงบ เพราะอกุศลสงบไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ก็ตั้งมั่นด้วยความไม่สงบ ก็เป็นอกุศลสมาธิ
เพราะฉะนั้น จะศึกษาธรรมให้เข้าใจสิ่งที่กำลังมี เพื่อเข้าใจว่า ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตน แต่ถ้าเราพูดถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น สิ่งนั้นยังไม่เกิด เราไม่สามารถรู้ได้ โดยไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้เสียก่อน
เพราะฉะนั้น ปัญญาหรือความเข้าใจธรรมต้องตามลำดับขั้นจริงๆ ที่จะรู้ว่า แม้เดี๋ยวนี้ก็มีเอกัคคตาเจตสิก เป็นกุศลหรืออกุศลคะ
ผู้ฟัง เดี๋ยวนี้ก็สลับกันไป
ท่านอาจารย์ ค่ะ เพราะเหตุว่ามีปัจจัยที่อกุศลจะเกิด ก็ต้องเป็นอกุศล ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ คือ ศึกษาให้เข้าถึงความเป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา
เพราะฉะนั้น คำถามทั้งหมดนำมาสู่ความเข้าใจสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ ถึงจะรู้จริงๆ โดยไม่ใช่คาดคะเน แม้ว่าขณะนี้เป็นอกุศล เอกัคคตาเจตสิกก็เกิด เวลาฟังเข้าใจ เอกัคคตาเจตสิกก็เกิด แต่ลักษณะของเอกัคคตาเจตสิกไม่ใช่สงบ และไม่ใช่ปัญญา ความเห็นถูก และไม่ใช่สติด้วย
เพราะฉะนั้น การศึกษาธรรมที่จะเข้าใจแต่ละหนึ่ง ก็จะละเอียดชัดเจนมากกว่าที่จะรวมๆ กัน