ความเลื่อมใสที่พ้นอบาย
อ.อรรณพ เลื่อมใสอย่างไรจึงจะไม่ไปอบายภูมิ การเพียงกราบไหว้โดยไม่เข้าใจในคุณของพระรัตนตรัยจะเป็นความเลื่อมใสในสิ่งที่เลิศได้ไหม แต่ความเลื่อมใสที่เลิศจริงๆ ก็คือมีปัญญาเข้าใจในเหตุในผล จึงจะมีศีลที่บริสุทธิ์ และไม่ไปอบาย
จากการสนทนาจุนทิสูตร ที่ มศพ. ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๕
ท่านอาจารย์ ไม่อยากจะเกิดในทุคติใช่ไหมคะ แต่อย่างไรก็ต้องเกิดถ้ามีเหตุที่จะให้เกิด หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย เพราะธรรมเป็นธรรม สิ่งที่มีจริงๆ ขณะนี้ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงให้เป็นอื่นได้เลย เพราะฉะนั้น ในขณะที่สิ่งที่มีจริงในขณะนี้เกิดแล้ว แต่ไม่รู้ตามความเป็นจริงว่า ไม่ใช่ใคร และไม่ใช่ของใคร ถ้าเข้าใจอย่างนี้มั่นคงจนกระทั่งสามารถไม่คิดถึงสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ไม่ว่าสภาพธรรมใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อนั้นก็จะไม่เกิดในอบายภูมิ
เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่จะคิดว่า เลื่อมใสอย่างไรแล้วจะไม่ไปสู่อบายภูมิ แต่ต้องเข้าใจจริงๆ ว่า ขณะนี้ไม่ใช่เราจะไม่ไปสู่อบายภูมิ แต่ต้องเป็นธรรม เป็นธาตุ เป็นกุศลธรรมที่สามารถละการยึดถือสภาพของธรรมใดๆ ที่ปรากฏว่าเป็นเราได้
นี่คือการฟังธรรม ต้องเข้าใจจริงๆ ไม่ใช่ฟังแล้วก็เลื่อมใสพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็จะไม่ได้ไปสู่อบายภูมิ แล้วเลื่อมใสอย่างไร ไม่ใช่เลื่อมใสกราบไหว้บูชา แต่ไม่เข้าใจอะไรเลย นั่นก็ไม่ใช่เหตุผล
เพราะฉะนั้น การศึกษาธรรมก็เป็นเรื่องละเอียดที่จะต้องรู้ว่า ฟังธรรม เพราะรู้ว่า ขณะนี้เป็นสิ่งที่มีจริง จะใช้คำว่า “ธรรม” หรือไม่ใช้คำว่า “ธรรม” แต่หมายความว่า กำลังฟังให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริง
ถ้ากล่าวว่า กำลังศึกษาธรรม แต่ไม่เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริง จะมีประโยชน์ไหมคะ ก็ไม่มีประโยชน์
เพราะฉะนั้น ในภาษาที่ตนเองสามารถเข้าใจได้ ก็ไม่มีอะไรมากั้นว่า ขณะนี้มีสิ่งที่กำลังปรากฏ ทางตาก็เห็น แล้วก็มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ทางหูก็ได้ยิน แล้วก็มีสิ่งที่ปรากฏให้ได้ยิน ทางใจก็มีคิดนึกเรื่องราวต่างๆ แล้วเป็นเราหรือเปล่า หรือความจริงก็เป็นลักษณะของสิ่งที่มีจริงแต่ละอย่าง ซึ่งเกิดเพราะมีเหตุปัจจัย ถ้าเข้าใจอย่างนี้ ศีล ๕ จะบริสุทธิ์ไหมคะ จะไปฆ่าสัตว์เบียดเบียนใครหรือเปล่า เพราะเหตุว่าขณะนั้นก็รู้ว่า เมื่อเหตุที่ไม่ดีมี ผลที่ดีจะเกิดไม่ได้ เมื่อเหตุที่ไม่ดีมี ก็เป็นเหตุให้ผลที่ไม่ดีเกิด
อ.กุลวิไล พราะฉะนั้น ผู้ที่เลื่อมใสสิ่งที่เป็นเลิศ ก็ย่อมได้ผลที่เป็นเลิศ
ท่านอาจารย์ แล้วเป็นเลิศ เป็นอย่างไรคะ ไม่มีปัญญาเป็นเลิศไหม มีใครที่เป็นเลิศ เป็นผู้ไม่มีปัญญาบ้าง เพราะฉะนั้น เลิศก็คือปัญญา ไม่ใช่อย่างอื่นเลิศ อโลภะ ความไม่ติดข้องก็ยังไม่เลิศ ยังไม่บริสุทธิ์ เพราะเหตุว่ายังไม่มีความเห็นถูกต้องว่า ไม่ใช่ตัวตน แต่เป็นธรรม อโทสะ ความไม่โกรธ ความเมตตา ก็ยังไม่เลิศ ตราบใดที่ยังไม่รู้ความจริงว่า ไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรม เพราะฉะนั้น ปัญญาเท่านั้นที่เป็นเลิศ
ด้วยเหตุนี้ใครเป็นผู้เลิศ ตอนนี้รู้ได้ใช่ไหมคะ ใครเป็นผู้เลิศที่สุดในสากลจักรวาล ตอนนี้ก็รู้ได้ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วผู้เลิศตามลำดับก็คือ พระอรหันต์ พระอนาคามีบุคคล พระสกทาคามีบุคคล พระโสดาบันบุคคล ปุถุชนเป็นเลิศหรือยังคะ แต่ถ้ามีปัญญาขณะใด ขณะนั้นก็ถึงความเป็นเลิศเล็กๆ น้อยๆ จนกว่าจะเป็นผู้ที่เลิศจริงๆ
มีใครประมาทปัญญา คิดว่า ปัญญาเลวทรามต่ำต้อยบ้างไหม เป็นไปไม่ได้เลย เพราะเหตุว่าปัญญาสามารถเข้าใจถูก เห็นถูกในสิ่งที่คนอื่น หรืออวิชชา หรือความไม่รู้ ไม่สามารถจะเห็นได้เลย