คุณของปัญญา


    อ.อรรณพ ปัญญาคือความเข้าใจถูก มีคุณคือสามารถละคลายกิเลสอกุศลได้ตามลำดับของปัญญา ตั้งแต่ปัญญาที่เริ่มเห็นโทษของอกุศลที่มีอยู่มากมายในชีวิตประจำวัน ก็เป็นประโยชน์แล้ว และเมื่อปัญญาค่อยๆ เจริญขึ้นรู้ และประจักษ์สภาพธรรมตามความเป็นจริงโดยลำดับ ก็จะสามารถละคลายดับกิเลสจนหมดสิ้นได้

    จากการสนทนาจุนทิสูตร ที่ มศพ. ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๕

    ท่านอาจารย์ ทุกคนมีอวิชชามาก มีโลภะมากใช่ไหมคะ แล้วจะทำอย่างไร ไม่ได้ให้ทำ เข้าใจให้ถูกต้องว่า เป็นสิ่งที่มีจริงที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ตราบใดที่มีความไม่รู้ก็ต้องมี แต่จะหมดไปได้เมื่อมีความเห็นถูก ความเข้าใจถูก เพราะฉะนั้น ก็สะสมความเห็นถูก ความเข้าใจถูก แต่ไม่ใช่ไปทำอย่างอื่น

    อ.ประเชิญ พระนิพพานเป็นที่ย่ำยีความเมา กำจัดความกระหาย ถอนซึ่งอาลัย จะถอนในขณะไหนครับ

    ท่านอาจารย์ ค่ะ แล้วใครรู้นิพพาน

    อ.ประเชิญ ปัญญา

    ท่านอาจารย์ ปัญญาเท่านั้นใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้น กว่าจะถึงปัญญาที่สามารถรู้แจ้งนิพพานได้ ต้องมีปัญญาก่อน ไม่ใช่มีปัญญารู้แจ้งนิพพานได้ทันที

    เพราะฉะนั้น จะเห็นคุณของปัญญา เพียงโลภะเกิด ถ้าปัญญาเกิดขณะนั้นต่างกันแล้ว ใช่ไหมคะ แล้วถ้าปัญญามีกำลังขึ้นสามารถเห็นว่า ขณะนั้นเป็นอกุศลตามลำดับขั้น คือเห็นโทษของการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด หรือเป็นตัวตนก่อน แต่ก็ยังละโลภะไม่ได้ แต่ก็มีปัญญาที่สามารถเริ่มเข้าใจถูก เห็นถูกตามความเป็นจริงของสิ่งนั้น เช่น ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ปรากฏ จะละได้อย่างไร ในเมื่อนิมิต รูปร่าง สัณฐานต่างๆ ปรากฏเป็นความพอใจในสิ่งนั้นบ้าง สิ่งนี้บ้าง แต่ถ้าสามารถเริ่มเข้าใจว่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ชั่วคราว ถ้ามั่นคงขึ้น การสละหรือการไม่ติดข้องจะมากขึ้นไหม ในเมื่อเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างตามความเป็นจริงว่า สิ่งที่เราเห็นว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด แท้จริงก็คือลักษณะของสิ่งที่มีจริงแต่ละอย่าง เช่น ธาตุดินก็แข็ง ธาตุไฟก็ร้อน ธาตุลมก็ตึงไหว แล้วก็มีสีที่เกิดที่มหาภูตรูปทั้ง ๔ และเกิดดับทั้งหมดด้วย มหาภูตรูปก็เกิดดับ สิ่งที่ปรากฏทางตาก็เกิดดับ ถ้าเข้าใจมั่นคงขึ้น ชั่วคราว ความพอใจลดลงบ้างไหม

    อ.ประเชิญ ลดลงครับ

    ท่านอาจารย์ ปัญญาแค่นี้เอง ปัญญาแค่นี้ก็ยังลดลง แต่ว่าปัญญามากกว่านี้ที่กำลังรู้แจ้งลักษณะของสภาพธรรม จะติดข้องไหม

    เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นปัญญาที่สามารถรู้แจ้งลักษณะของธาตุที่ไม่เกิด ไม่ดับ ขณะนี้ปัญญาก็สามารถดับอกุศลตามลำดับขั้นเป็นสมุจเฉท ไม่เกิดอีกเลย

    เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นประโยชน์ของปัญญาจริงๆ ทุกคนมีอวิชชา มีโลภะ มีความติดข้อง โกรธ มานะ ความสำคัญตนต่างๆ ไม่ได้รู้เลยว่า ไม่ดี แต่ก็มี และถึงรู้ว่า ไม่ดี แต่ก็ยังมี เพราะเหตุว่าปัญญายังไม่ถึงขั้นที่จะรู้จริงๆ ที่จะประจักษ์ลักษณะของสภาพธรรมได้ แต่เพียงปัญญาเล็กน้อยขั้นฟัง ก็ยังเห็นประโยชน์อย่างนี้ และถ้าเพิ่มมากขึ้นจะเป็นอย่างไร

    เพราะฉะนั้น พระธรรมที่ทรงแสดงไว้ด้วยดีแล้วโดยประการทั้งปวง ก็เป็นที่พึ่งจริงๆ เพราะเหตุว่าปัญญาเท่านั้นที่สามารถเห็นโทษของอกุศล เพราะว่าทุกคนมีอกุศล แล้วก็ฟังธรรม ก็ยังมีอกุศล แสดงว่าความเห็นโทษของอกุศลยังไม่พอ ไม่ใช่ไม่รู้ ถามก็รู้ว่า อกุศลมีโทษมาก แต่ก็ยังมี เพราะเหตุว่าบังคับบัญชาไม่ได้

    เพราะฉะนั้น ต้องอบรมเจริญปัญญาเท่านั้น ไม่ใช่ไปคิดเอง ไปทำเอง แต่เข้าใจสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง ซึ่งกำลังมีจริงๆ ในขณะนี้เพิ่มขึ้น นี่ก็เป็นหนทางเดียว และจะเห็นคุณจริงๆ ว่า ถ้าขณะใดก็ตามกำลังโกรธ พอระลึกถึงความจริง ขณะนั้นไม่โกรธแล้วได้ ใช่ไหมคะ แทนที่จะโกรธ ก็มีเมตตาด้วยได้ เห็นคุณของปัญญาไหมคะ ปัญญาเพียงเข้าใจแค่นี้ก็ยังมีคุณอย่างนี้ และถ้าเป็นปัญญาที่ยิ่งกว่านี้ คุณของปัญญานั้นจะมากสักแค่ไหน

    อ.ประเชิญ ปัญญาละอกุศลได้ทั้งหมด แต่ปัญญาที่ประจักษ์แจ้งพระนิพพานละอกุศลได้เป็นสมุจเฉท อย่างนั้นใช่ไหมครับ

    ท่านอาจารย์ เพราะว่าต่อให้บอกว่า ขณะนี้เห็นไม่ใช่เรา ยังไม่ใช่นิพพาน เพียงแค่เห็นไม่ใช่เรา ก็ยังไม่สามารถละความยึดถือว่าเป็นเราได้


    หมายเลข 9482
    19 ก.พ. 2567