สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๑๗๔


    สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๑๗๔


    ท่านอาจารย์ ขณะนี้มีสภาพธรรมที่กำลังปรากฏหรือเปล่าคะ มี รู้หรือเปล่า คุณบุญช่วยรู้หรือเปล่าคะ

    ผู้ฟัง ยังไม่ทันรู้ค่ะ

    ท่านอาจารย์ ค่ะ ฟังเข้าใจ รู้ตามความเป็นจริงคือฟังเข้าใจ แล้วความเข้าใจจะเข้าใจได้แค่ไหนก็แล้วแต่บุคคล แต่ขณะนี้กำลังฟังเข้าใจ ห่างไกลมากกับการที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมเป็นพระอริยบุคคล

    เพราะฉะนั้น คงไม่ใช่ในชาตินี้ แต่อบรมไปเรื่อยๆ ที่จะรู้ได้ว่าอบรม ก็คือว่าปัญญา ความเข้าใจค่อยๆ มีขึ้น ไม่ใช่ความเข้าใจเพียงคำที่ได้ยิน แต่เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เพราะว่าทุกคำที่ได้ยิน แสดงลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ ให้เข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ

    เพราะฉะนั้น ประโยชน์สูงสุดเราก็ทราบว่า ไม่ใช่เพียงขั้นจำชื่อ จำเรื่อง ได้ยินมาก็รู้ว่าเป็นจิต เจตสิก จิตเกิดขึ้นมีเจตสิกเกิดร่วมด้วยเท่าไร นั่นเป็นเรื่องการจำเรื่อง แต่ไม่ได้เข้าใจลักษณะที่เป็นนามธรรมของสภาพที่รู้ขณะนี้ คือ เห็น หรือได้ยิน และขณะนั้นก็ไม่ได้ศึกษาพิจารณาลักษณะของรูปว่า เป็นรูปที่ตรงตามลักษณะ เช่น รูปที่ปรากฏทางตา ขณะนี้มี ถ้ามีความเข้าใจถูกต้องว่า ไม่มีใครเลย แต่มีสิ่งหนึ่งซึ่งปรากฏให้เห็น นั่นคือลักษณะของรูปชนิดนี้

    นี่คือการฟัง แล้วก็ค่อยๆ เข้าใจขึ้น จนกระทั่งรู้ตามความเป็นจริงว่า ปริยัติ คือการฟัง ปฏิปัตติ คือขณะที่สัมมาสติเกิดระลึกลักษณะของสภาพธรรม อันนี้เป็นเรื่องอีกไกลเหมือนกัน แต่ให้ทราบว่าไม่ใช่เพียงขั้นฟัง แล้วความรู้จากการที่สัมมาสติระลึก จะค่อยๆ รู้จริงในลักษณะของสภาพธรรมนั้นจนกว่าจะประจักษ์แจ้งว่า ไม่มีเรา ไม่มีอะไรเลย ขณะเห็นจะมีแข็งได้ไหมคะ จะมีเสียงได้ไหมคะ

    เพราะฉะนั้น แต่ละอย่างก็มีชั่ว ๑ ขณะ เห็น คือขณะนั้นมีธาตุรู้ซึ่งกำลังมีสิ่งที่กำลังปรากฏทางตาให้รู้ ก็รู้ในสิ่งที่กำลังปรากฏ ชั่วขณะหนึ่งแล้วก็ดับไป ถ้ามิฉะนั้นเราจะไม่รู้จักพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย เห็นแต่เพียงพระพุทธรูป ก็กราบไหว้ แต่พระปัญญาคุณอยู่ที่ไหน พระบริสุทธิคุณอยู่ที่ไหน พระมหากรุณาคุณอยู่ที่ไหน อยู่ที่พระธรรมที่ได้ทรงแสดง ให้ผู้ที่เริ่มเข้าใจถูกได้เห็นความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มิฉะนั้นแล้วใครก็ไม่สามารถที่จะบอกเราได้ว่า ขณะนี้เป็นธรรมซึ่งเป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน สภาพธรรมใดกำลังปรากฏ สภาพธรรมนั้นเกิดแล้วดับแล้ว มิฉะนั้นความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่ต่างกับคนอื่นธรรมดาๆ เลย ใช่ไหมคะ แต่นี่ต่าง ไม่มีบุคคลใดเปรียบปานได้ ไม่ใช่เฉพาะในโลกมนุษย์ ในเทวโลก พรหมโลก ทรงเป็นพระศาสดา

    เพราะฉะนั้น เมื่อได้ศึกษาแล้ว เริ่มระลึกถึงพระคุณแล้วเข้าใจในความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เข้าใจในพระธรรมที่ทรงแสดง แล้วก็พระสงฆ์ สาวกซึ่งได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถ้ารู้เพียงพระองค์เดียว จะไม่เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบารมีที่ทรงบำเพ็ญก็ต้องน้อยมาก เพียงเพื่อที่จะรู้เพียงพระองค์เดียว แต่ว่านี่ได้บำเพ็ญ พระบารมีมาก จนกระทั่งสามารถประกอบด้วยทศพลญาณ ทรงแสดงพระธรรมให้บุคคลอื่นสามารถรู้ตาม แล้วก็ดับทุกข์ตามได้ เป็นพระมหากรุณาสูงสุด เพราะทุกอย่างที่เราได้ยินได้ฟังวันนี้ แล้วมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นทีละน้อยๆ นั่นคือพระมหากรุณาคุณที่ได้ทรงแสดงไว้

    คุณทศพร ไม่ทราบเรื่องอภิชฌา โทมนัส คงเข้าใจแล้วนะคะ ขณะใดที่เป็นกุศล แต่ว่ากุศลก็มีหลายระดับ แล้วโดยเฉพาะเรื่องของการอบรมเจริญปัญญาเป็นเรื่องลึกซึ้ง ต้องไม่ลืมว่าอริยสัจ ๔ ลึกซึ้งทั้ง ๔ จะทิ้งอันหนึ่งอันใดไม่ได้เลย แม้แต่หนทางก็ลึกซึ้ง เพราะฉะนั้น ต้องเป็นความเข้าใจที่มั่นคง รู้จริงๆ ในทุกคำที่ได้ทรงแสดง เช่น คำว่า ธรรม ก็คือขณะนี้


    หมายเลข 9515
    20 ส.ค. 2567