สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๑๘๕
สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๑๘๕
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ในขณะที่กำลังได้ยินเสียง อะไรเป็นอารมณ์ของจิตได้ยิน เข้าใจคำว่า “อารมณ์” แล้วใช่ไหมคะ อารมณ์ คือ สิ่งที่จิตรู้ จิตรู้อะไร สิ่งนั้นเป็นอารมณ์ของจิต เพราะฉะนั้น ขณะที่ได้ยินเสียง แต่ก่อนนี้เป็นเรา แต่สภาพธรรมมี ๒ อย่าง นามธรรมกับรูปธรรม ที่ยึดถือว่าเป็นเรา คือ ยึดถือทั้งนามธรรมกับรูปธรรมว่าเป็นเรา หรือว่าเป็นของเรา หรือว่าเป็นตัวเรา เพราะฉะนั้น เพียงขณะนี้ที่กำลังได้ยิน มีจริงๆ เป็นธรรม ได้ยินมีจริงๆ ไหมคะ ได้ยินมีจริงๆ ไหมคะ เป็นนามธรรมหรือรูปธรรมคะ ได้ยิน
ผู้ฟัง ได้ยินเสียงเป็นรูปธรรม
ท่านอาจารย์ สภาพได้ยินค่ะ เสียงไม่รู้อะไรเลย กลิ่นไม่รู้อะไรเลย รูปธรรมไม่ใช่สภาพรู้ แต่มีจริง แล้วก็เกิดขึ้นมาด้วย แต่ไม่รู้อะไรเลยทั้งสิ้น ไม่สามารถจะรู้อะไรได้ หิวไม่ได้ โกรธไม่ได้ ดีใจไม่ได้ คิดไม่ได้ นั่นคือรูปธรรม
เพราะฉะนั้น ในขณะนี้มีทั้งนามธรรม และรูปธรรม ถ้ามีแต่รูปธรรมโดยไม่มีนามธรรมเลย อะไรๆ ก็ไม่ปรากฏ ไม่มีใครเดือดร้อนอะไร ไฟจะไหม้ ฝนจะตก น้ำจะท่วม ไม่มีสภาพรู้ ก็เป็นแต่เพียงไฟก็ไหม้ไป ไม่มีใครเดือดร้อนปวดเจ็บ ถูกไหม้ ไม่มี ใช่ไหมคะ น้ำจะท่วม น้ำก็ท่วมไป ไม่มีใครรู้อะไร แต่มีธาตุชนิดหนึ่งซึ่งเป็นสภาพรู้ ได้แก่ จิต และเจตสิก เกิดขึ้นเมื่อไรต้องรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใด ไม่รู้ไม่ได้เลย ขณะที่กำลังเห็นก็เป็นจิตที่เห็น คือจิตรู้ว่าขณะนี้ มีสิ่งที่กำลังปรากฏอย่างนี้แหละทางตา คนตายไม่มีทางที่จะรู้เลย ว่าขณะนี้มีสิ่งนี้ที่กำลังปรากฏอย่างนี้แหละให้เห็น แต่ว่าคนเป็นมีจิต เพราะฉะนั้น จิตก็ทำหน้าที่เห็น คือรู้ว่าขณะนี้มีสิ่งที่ถูกเห็น กำลังปรากฏอย่างนี้ ไม่เป็นอย่างอื่น นี่คือขณะที่จิตกำลังเห็น
ทีนี้พูดถึงจิตที่ได้ยินเสียง มีนามธรรมกับรูปธรรม อันนี้ต้องเป็นพื้นฐานเบื้องต้นของการที่จะฟังธรรมที่จะรู้ว่าธรรมคืออะไร ขณะที่จิตกำลังได้ยินเสียง อะไรเป็นอารมณ์ของจิตได้ยิน
ผู้ฟัง เสียงเป็นอารมณ์ของจิตได้ยิน เข้าใจมากเลยค่ะ
ท่านอาจารย์ ถูกต้องค่ะ ถ้าไม่คิดเอง จะไม่ใช่ปัญญาของเรา
ผู้ฟัง นี่คิดเอง
ท่านอาจารย์ ถ้าคิดเองแล้วเราจะไม่ลืมเลย ใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้น ถ้าจะบอกๆ ๆ ไปโดยที่ไม่คิด จะไม่มีประโยชน์เลย แต่ถ้าคิดเอง แล้วก็จะจำได้ แล้วจะเข้าใจความหมายด้วย แล้วเวลาที่กำลังได้กลิ่น สภาพที่ได้กลิ่นสามารถที่จะรู้กลิ่น เวลาที่กลิ่นปรากฏ มีสภาพที่รู้กลิ่น กลิ่นจึงปรากฏ สภาพรู้เป็นนามธรรมหรือรูปธรรม รูปไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลย ไม่รู้เลยจริงๆ ถ้าไม่มีนามธรรม รูปไม่ปรากฏ เพราะไม่มีใครรู้ลักษณะของรูปแต่ละรูป แต่ที่รูปแต่ละรูปปรากฏเพราะมีนามธรรม นามธรรมคือจิต และเจตสิกซึ่งเกิดพร้อมกัน ถ้าเป็นกลิ่น นามธรรมนั้นก็กำลังได้กลิ่น หรือรู้กลิ่นนั่นเอง ที่เคยเป็นเราทั้งหมดในชีวิตประจำวัน ก็มีนามธรรมกับรูปธรรม เพราะฉะนั้น เวลาที่กำลังได้กลิ่น กลิ่นปรากฏกับอะไร
ผู้ฟัง จมูก
ท่านอาจารย์ จมูก เวลานอนหลับก็มีจมูก ได้กลิ่นหรือเปล่าคะ
ผู้ฟัง ตัวรู้ ก็ตัวฆานวิญญาณ
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น จมูกเป็นรูป จมูกเป็นรูป แต่จิตที่อาศัยจมูกเป็นทางรู้กลิ่น เป็นนามธรรม
ต้องขอทบทวนนิดหนึ่ง แต่ความจริงคงยังไม่ได้กล่าวโดยลำดับ แต่ว่าข้ามๆ ไป คือว่า สิ่งซึ่งมีจริงๆ เป็นธรรม แล้วก็ธรรมที่มีจริงมีลักษณะเฉพาะแต่ละอย่างเป็นปรมัตถธรรม คือ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ มีลักษณะเฉพาะๆ ของตนๆ แล้วการที่ทรงแสดงเรื่องธรรมโดยละเอียด ในส่วนของปิฎกนี้ ชื่อ อภิธรรม เพราะเหตุว่าแสดงเรื่องของปรมัตถธรรมล้วนๆ