การที่ประจักษ์ต้องประจักษ์ตามลำดับ
สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๒๐๐
คุณศุกล ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา สิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร สิ่งที่ดับไปแล้วจะเป็นของใคร ก็ไม่ใช่ของใครทั้งสิ้น นี่คือความหมายของอนัตตา อนัตตา แล้วก็ธรรม แล้วก็ดับไป มันก็เลยรู้สึกว่า มันเหมือนว่า ความเข้าใจเบื้องต้นกับสิ่งที่กำลังจะเป็นความรู้ต่อไป มันก็เลยดูเหมือนว่า เราจับประเด็นตรงไหนที่จะทำให้เกิดไม่ต้องสับสน
ท่านอาจารย์ ให้เข้าใจถูก ขณะนี้มีคุณศุกลหรือเปล่า
คุณศุกล ครับ อันนี้ตามการศึกษาทราบว่า ไม่มีครับ แต่ว่ามีสภาพธรรมที่ประชุมรวมกัน
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น การที่ประจักษ์ต้องประจักษ์ตามลำดับหรือเปล่า
คุณศุกล จากที่การศึกษาก็กล่าวไว้อย่างนั้น ต้องตามลำดับ
ท่านอาจารย์ ตามลำดับ คือ ขณะนี้ ถ้าไม่มีความเข้าใจว่าเป็นธรรม เราจะไปทำอย่างอื่น ไปหาธรรมที่อื่น ขึ้นเหนือ ล่องใต้ ไปหาธรรม แต่ถ้ารู้ว่าขณะนี้เป็นธรรม ต้องไป แสวงหาที่อื่นหรือเปล่า
คุณศุกล ถ้ามีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจอยู่ที่ไหน ก็มีธรรมอยู่ที่นั่น
ท่านอาจารย์ จะไปหาธรรมที่อื่น ที่อื่นที่คุณศุกลว่า ไม่ว่าจะมีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่ไหนก็เป็นธรรมที่นั่น แล้วเดี๋ยวนี้
คุณศุกล เดี๋ยวนี้ก็มีธรรม
ท่านอาจารย์ ธรรมอะไรที่มี
คุณศุกล ธรรมที่กำลังเกิดขึ้นปรากฏ
ท่านอาจารย์ อะไรล่ะคะ
คุณศุกล ทางตา เป็นสิ่งที่ปรากฏ
ท่านอาจารย์ สิ่งที่ปรากฏ เป็นธรรมอะไรคะ
คุณศุกล เป็นธรรมที่ไม่รู้อารมณ์
ท่านอาจารย์ เป็นรูปธรรม
คุณศุกล ครับผม
ท่านอาจารย์ ก็ รู้จริงๆ อย่างนี้หรือยัง
คุณศุกล ยังไม่รู้จริง
ผู้ฟัง เพราะฉะนั้น ตามลำดับก็คือรู้จริงๆ อย่างนี้
คุณศุกล ตอนนี้ยังรู้เรื่อง รู้ชื่อ
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น คุณศุกลจะว่าไม่เป็นตามลำดับไม่ได้ เพราะว่าตามลำดับ คือรู้ว่าเป็นธรรม ไม่ไปแสวงหาธรรมที่อื่น จากขณะนี้ที่ธรรมกำลังปรากฏ ถ้าเข้าใจ แล้วขณะนี้ที่ธรรมกำลังปรากฏ ก็ถามว่าอะไรปรากฏ ก็บอกว่าสิ่งที่ปรากฏทางตา
คุณศุกล ครับ
ท่านอาจารย์ เป็นรูปธรรม
คุณศุกล เป็นรูปธรรม
ท่านอาจารย์ รู้อย่างนี้หรือเปล่า ถ้าไม่รู้ก็คือรู้ตามลำดับ นี่คือตามลำดับ รู้ว่าเป็นรูปธรรม รู้ว่าเป็นนามธรรมก่อน แล้วอย่างนี้จะไม่กล่าวว่า เป็นลำดับได้อย่างไร
ข้อสำคัญที่สุดก็คือ ได้มีโอกาสฟังพระธรรมจากการตรัสรู้ ก็จะไม่รู้ว่า อีกเมื่อไรเราจะได้ฟังอีก ถ้าไม่สะสมความเข้าใจของเรา ก็ย่อมจะช้า แล้วก็น้อย แต่ว่าถ้าสะสมความเข้าใจไป เวลาได้ฟังอีก เราก็เข้าใจได้เลย ตราบใดที่ยังมีพระธรรมคำสอน แล้วเราก็ยังมีโอกาสจะได้ฟัง ก็จะได้เข้าใจขึ้น
คุณบุญช่วยชอบลาภชนิดไหน ไม่มีใครไม่ชอบลาภ ใช่ไหมคะ ยศ สรรเสริญ สุข เอาแค่ลาภก่อนแล้วกัน ชอบลาภชนิดไหน
ผู้ฟัง ก็คิดบ้างค่ะ
ท่านอาจารย์ แต่ลาภานุตริยะ ลาภที่ยอดเยี่ยมก็คือ ศรัทธาในพระรัตนตรัย ลาภอันประเสริฐสุด ถ้ามีเมื่อไรก็เป็นลาภอันประเสริฐสุด เพราะว่าเป็นปัจจัยให้เรามีโอกาสได้ยินได้ฟังต่อไป ได้อบรมเจริญปัญญาต่อไป เพราะว่าทรงตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อมีอุปการะแก่สัตว์โลกโดยการทรงแสดงธรรม