พาลอยู่ที่ไหน
ท่านอาจารย์ คนพาลอยู่ไหน ใครพบคนพาลบ้าง เพราะฉะนั้น การฟังธรรม ไม่ใช่เพียงฟังเรื่องราว หรือคำที่กล่าวถึงเรื่องนั้น คำนั้นเท่านั้น แต่จะต้องไตร่ตรองให้ถูกต้องด้วย คนพาลอยู่ไหน หาเจอไหมคะ ที่นี่มีคนพาลหรือเปล่า
อ.กุลวิไล มีค่ะ
ท่านอาจารย์ เห็นไหมคะ ไม่ไกลเลย ไม่ใช่อยู่ในหนังสือ ไม่ใช่อยู่ในตำรา ขณะใดที่อกุศลเกิดขึ้น แล้วไม่รู้โทษของอกุศล ขณะนั้นไม่ได้คิดเลยใช่ไหมคะ โลกหน้าขณะจิตที่เป็นอกุศลนั้นจะเป็นอย่างไร มีความพอใจเพียงแต่ว่า โกรธหรือว่าโลภ หรืออะไรก็แล้วแต่ มีความต้องการ มีความอยากได้ เห็นแต่ว่า ในโลกนี้ถ้าได้มา ก็จะเป็นสุขอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ถ้าเป็นผู้ละเอียด แม้แต่ขณะที่โกรธ คนพาลเป็นอย่างไรคะโลกหน้าของขณะที่โกรธนั้นเป็นอย่างไร ไม่ได้คิดเลย เห็นแต่โลกนี้ นี่โกรธ และโลภะ มีความต้องการ มีความติดข้องมากมาย เห็นแต่เพียงชาตินี้จะมีความสุขด้วยความติดข้อง ไม่ว่าจะโดยทุจริต หรือจะโดยประการใดก็ตาม แม้สุจริต ขณะที่ติดข้องในสิ่งที่ได้มาโดยสุจริต ความติดข้องขณะนั้น โลกหน้าเป็นอย่างไร ก็ไม่ได้คิดเลย ไปไหน ก็ไม่ได้คิดอีก
เพราะฉะนั้น เราสามารถเข้าใจธรรม ประโยชน์ของการฟัง ประโยชน์ของการทรงแสดง เพื่อใครคะ อนุเคราะห์ผู้ไม่รู้ ขณะโกรธ ขณะนั้นอวิชชาไม่เห็นโทษแน่ๆ ถึงแม้โกรธแล้ว ขณะนั้นก็ไม่รู้อีกว่า จะไปไหนจากความโกรธ จะไปไหนจากความโลภ จะไปไหนจากความหลง การไม่รู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏ ถ้าหลงไปไหนคะ สัตว์เดรัจฉานก็ได้ ไม่รู้อะไร เกิดมาแล้วก็เท่านั้นเอง กินนอน ดูมด ดูหนอน ดูอะไรทุกสิ่งทุกอย่างก็เท่านั้นเอง
นี่แสดงให้เห็นว่า ถ้าเป็นผู้รู้เหตุรู้ผลจริงๆ ย่อมคำนึงถึงผลของสิ่งที่เกิดจากโลกนี้ ถ้าโลกนี้เป็นอกุศลมากๆ โลกหน้าเป็นอย่างไรก็รู้ได้เลย
เพราะฉะนั้น พาลกับบัณฑิตก็ต่างกันที่ว่า คนพาลไม่ได้คิดถึงอกุศลที่เกิดว่า จะไปสู่โลกไหน แต่ถ้าเข้าใจจริงๆ ก็สามารถมีปัญญาเป็นบัณฑิตเห็นโทษของอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย ไม่ใช่แต่เฉพาะชาตินี้ชาติเดียว ยังจะต้องติดตามไปอีก
คนพาลอยู่ใกล้หรืออยู่ไหนคะ คนรอบข้างเป็นคนพาลอยู่ใกล้ๆ หรือพาลจริงๆ คนพาลจริงๆ อยู่ไหน
นี่คือประโยชน์จากการฟังพระธรรม ต้องเข้าใจให้ถูกต้อง ก็มีคนพาลหลายระดับ บางคนก็บอกว่า เกิดมาแล้วไม่ได้ทำผิดอะไร สบายอยู่แล้วก็สบายต่อไป ก็เป็นคนพาลหรือเปล่าคะ โมหะ ไม่รู้ตามความเป็นจริงเลย แล้วเป็นประโยชน์ไหมคะที่จะรู้จักตามความเป็นจริง รู้จักตัวเองตามความเป็นจริง
ผู้ฟัง ใช่ครับ รู้สึกว่า เราเป็นคนพาลอยู่ตลอดเวลา ที่ว่าจะหาคนพาลก็คือ หาตรงนี้แหละ
ท่านอาจารย์ แล้วก็จะดับความเป็นตัวตนได้อย่างไรคะ เป็นพาลแท้ๆ เลย แม้ขณะที่ไม่โลภ ไม่โกรธ ก็ยังไม่รู้ความจริงของสภาพธรรม
เพราะฉะนั้น พระธรรมที่ทรงแสดงให้เป็นผู้ไม่ประมาท และตรงตามความเป็นจริงด้วย
เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้ว่า การฟังพระธรรมไม่ได้มีตัวตนที่จะไปทำอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดขึ้น แต่ความเข้าใจก็จะรู้ว่า ไม่มีตัวตนที่จะทำอะไรได้ แต่ความเข้าใจ และกุศลธรรม โสภณธรรมที่เกิดในขณะนี้ต่างหากที่เป็นปัจจัยที่ทำให้สภาพธรรมต่อไปเป็นอะไร
นี่ก็เป็นบัณฑิตในขณะเข้าใจถูกต้อง แต่ยังไม่ใช่บัณฑิตแท้ บัณฑิตแท้ๆ คือ พระอริยบุคคล
ท่านอาจารย์ คนพาลอยู่ไหน ใครพบคนพาลบ้าง เพราะฉะนั้น การฟังธรรม ไม่ใช่เพียงฟังเรื่องราว หรือคำที่กล่าวถึงเรื่องนั้น คำนั้นเท่านั้น แต่จะต้องไตร่ตรองให้ถูกต้องด้วย คนพาลอยู่ไหน หาเจอไหมคะ ที่นี่มีคนพาลหรือเปล่า
อ.กุลวิไล มีค่ะ
ท่านอาจารย์ เห็นไหมคะ ไม่ไกลเลย ไม่ใช่อยู่ในหนังสือ ไม่ใช่อยู่ในตำรา ขณะใดที่อกุศลเกิดขึ้น แล้วไม่รู้โทษของอกุศล ขณะนั้นไม่ได้คิดเลยใช่ไหมคะ โลกหน้าขณะจิตที่เป็นอกุศลนั้นจะเป็นอย่างไร มีความพอใจเพียงแต่ว่า โกรธหรือว่าโลภ หรืออะไรก็แล้วแต่ มีความต้องการ มีความอยากได้ เหน็นแต่ว่า ในโลกนี้ถ้าได้มา ก็จะเป็นสุขอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ถ้าเป็นผู้ละเอียด แม้แต่ขณะที่โกรธ คนพาลเป็นอย่างไรคะโลกหน้าของขณะที่โกรธนั้นเป็นอย่างไร ไม่ได้คิดเลย เห็นแต่โลกนี้ นี่โกรธ และโลภะ มีความต้องการ มีความติดข้องมากมาย เห็นแต่เพียงชาตินี้จะมีความสุขด้วยความติดข้อง ไม่ว่าจะโดยทุจริต หรือจะโดยประการใดก็ตาม แม้สุจริต ขณะที่ติดข้องในสิ่งที่ได้มาโดยสุจริต ความติดข้องขณะนั้น โลกหน้าเป็นอย่างไร ก็ไม่ได้คิดเลย ไปไหน ก็ไม่ได้คิดอีก
เพราะฉะนั้น เราสามารถเข้าใจธรรม ประโยชน์ของการฟัง ประโยชน์ของการทรงแสดง เพื่อใครคะ อนุเคราะห์ผู้ไม่รู้ ขณะโกรธ ขณะนั้นอวิชชาไม่เห็นโทษแน่ๆ ถึงแม้โกรธแล้ว ขณะนั้นก็ไม่รู้อีกว่า จะไปไหนจากความโกรธ จะไปไหนจากความโลภ จะไปไหนจากความหลง การไม่รู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏ ถ้าหลงไปไหนคะ สัตว์เดรัจฉานก็ได้ ไม่รู้อะไร เกิดมาแล้วก็เท่านั้นเอง กินนอน ดูมด ดูหนอน ดูอะไรทุกสิ่งทุกอย่างก็เท่านั้นเอง
นี่แสดงให้เห็นว่า ถ้าเป็นผู้รู้เหตุรู้ผลจริงๆ ย่อมคำนึงถึงผลของสิ่งที่เกิดจากโลกนี้ ถ้าโลกนี้เป็นอกุศลมากๆ โลกหน้าเป็นอย่างไรก็รู้ได้เลย
เพราะฉะนั้น พาลกับบัณฑิตก็ต่างกันที่ว่า คนพาลไม่ได้คิดถึงอกุศลที่เกิดว่า จะไปสู่โลกไหน แต่ถ้าเข้าใจจริงๆ ก็สามารถมีปัญญาเป็นบัณฑิตเห็นโทษของอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย ไม่ใช่แต่เฉพาะชาตินี้ชาติเดียว ยังจะต้องติดตามไปอีก
คนพาลอยู่ใกล้หรืออยู่ไหนคะ คนรอบข้างเป็นคนพาลอยู่ใกล้ๆ หรือพาลจริงๆ คนพาลจริงๆ อยู่ไหน
นี่คือประโยชน์จากการฟังพระธรรม ต้องเข้าใจให้ถูกต้อง ก็มีคนพาลหลายระดับ บางคนก็บอกว่า เกิดมาแล้วไม่ได้ทำผิดอะไร สบายอยู่แล้วก็สบายต่อไป ก็เป็นคนพาลหรือเปล่าคะ โมหะ ไม่รู้ตามความเป็นจริงเลย แล้วเป็นประโยชน์ไหมคะที่จะรู้จักตามความเป็นจริง รู้จักตัวเองตามความเป็นจริง
ผู้ฟัง ใช่ครับ รู้สึกว่า เราเป็นคนพาลอยู่ตลอดเวลา ที่ว่าจะหาคนพาลก็คือ หาตรงนี้แหละ
ท่านอาจารย์ แล้วก็จะดับความเป็นตัวตนได้อย่างไรคะ เป็นพาลแท้ๆ เลย แม้ขณะที่ไม่โลภ ไม่โกรธ ก็ยังไม่รู้ความจริงของสภาพธรรม
เพราะฉะนั้น พระธรรมที่ทรงแสดงให้เป็นผู้ไม่ประมาท และตรงตามความเป็นจริงด้วย
เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้ว่า การฟังพระธรรมไม่ได้มีตัวตนที่จะไปทำอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดขึ้น แต่ความเข้าใจก็จะรู้ว่า ไม่มีตัวตนที่จะทำอะไรได้ แต่ความเข้าใจ และกุศลธรรม โสภณธรรมที่เกิดในขณะนี้ต่างหากที่เป็นปัจจัยที่ทำให้สภาพธรรมต่อไปเป็นอะไร
นี่ก็เป็นบัณฑิตในขณะเข้าใจถูกต้อง แต่ยังไม่ใช่บัณฑิตแท้ บัณฑิตแท้ๆ คือ พระอริยบุคคล