ภาระเพื่อหมดภาระ
อ.กุลวิไล พูดถึงขันธ์ ๕ เป็นธรรมที่เกิดแล้วต้องดับไป ทำไมถึงเป็นภาระคะ
ท่านอาจารย์ ไม่เห็นดีกว่าไหมคะ อยู่ดีๆ ก็ต้องเห็น ไม่เห็นก็ไม่ได้ อยู่ดีๆ ได้ยินอีกแล้ว คิดนึกอีกแล้ว ตลอดวันไม่หยุดเลย ไม่น่าเหนื่อยหรือ
เพราะฉะนั้น ก็แสดงให้เห็นความสงบที่แท้จริง ก็คือไม่ต้องเห็น ไม่ต้องได้ยิน ไม่ต้องรู้อารมณ์ ไม่ต้องมีการเกิดขึ้นใดๆ เลย
อ.อรรณพ ขณะที่กุศลเกิดก็อ่อน เบา ควรแก่การงาน แล้วกุศลเป็นภาระอย่างไรครับ
ท่านอาจารย์ กุศลก็ต้องทำหน้าที่ของกุศล หน้าที่ก็ต้องทำ เพราะฉะนั้น จึงดับทั้งกุศล และอกุศล จนกระทั่งถึงวันปรินิพพาน ก็เหมือนลูกจ้างที่คอยเวลาเลิกงาน
อ.อรรณพ แล้วกุศลที่เจริญขึ้นเพื่อให้พ้นจากภาระล่ะครับ
ท่านอาจารย์ งานหนัก งานเบามีไหม
อ.อรรณพ มีครับ
ท่านอาจารย์ งานอะไรหนัก
อ.อรรณพ อกุศล
ท่านอาจารย์ หนักมาก ก็ไม่รู้ค่ะ
อ.อรรณพ แต่ก็เป็นหน้าที่ของกุศลที่จะทำงานไปเรื่อยๆ จนกว่าจะละอกุศล
ท่านอาจารย์ ก็ต้องเกิด ก็ต้องทำ กุศลไม่ทำหน้าที่ของกุศลได้อย่างไร กุศลแต่ละประเภท อย่างขณะนี้มีศรัทธาแน่นอน ถ้าไม่ศรัทธาจะนำไปสู่ภาระที่จะทำให้พ้นจากการเกิดไหมคะ ให้ทราบว่า แม้ศรัทธาขณะนี้ก็นำไปสู่ความสำเร็จ คือ การรู้แจ้งอริยสัจธรรมได้ ถ้าไม่มีศรัทธาเลยในการฟัง ในการเข้าใจ ก็ไม่มีทางทำให้รู้แจ้งอริยสัจธรรม
เพราะฉะนั้น ประมาทแม้กุศลในขณะที่กำลังฟัง และเข้าใจไม่ได้เลยว่า ถ้าไม่มีอย่างนี้ แล้วจะไปดับกิเลสได้อย่างไร
เพราะฉะนั้น แม้แต่ศรัทธาในขณะที่เกิดขึ้น มีการฟัง มีการเข้าใจ ย่อมนำไปสู่ความสำเร็จของงานนั้น คือ ดับกิเลสไม่เหลืออีกเลย