อำนาจของธรรม
ก็แสดงให้เห็นว่า ธรรมเป็นเรื่องละเอียด และลึกซึ้ง ข้อความที่ได้ยินได้ฟังเพียงครั้งเดียวก็ไม่พอ เวลาได้ยินได้ฟังไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม ไตร่ตรองจนกระทั่งเข้าใจถูกจริงๆ
เพราะฉะนั้น แม้แต่พระธรรมที่ทรงแสดงไว้แล้วสั้น แต่คนฟัง ฟังแล้วก็ฟังอีก หรือว่าฟังแล้วครั้งเดียวพอ ไม่ต้องฟังอีก ก็สามารถเข้าใจได้
นี่แสดงให้เห็นว่า แต่ละคำเป็นสิ่งที่ควรไตร่ตรอง พิจารณา โดยความหมาย อำนาจคือสิ่งที่ทำให้เป็นไปได้ ถ้าไม่สามารถทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นไปได้ จะมีอำนาจอะไร
เพราะฉะนั้น ธรรมดา “อำนาจ” จะหมายถึงสิ่งหรือธรรมที่ทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นไปได้ กล่าวโดยปรมัตถธรรมก็คือธรรมนั่นเอง มีใครสามารถเปลี่ยนธรรมได้ไหมคะ ให้ธรรมอย่างนี้เปลี่ยนเป็นอย่างนั้น ให้สิ่งนั้นเปลี่ยนเป็นอย่างนี้ไม่ได้
เพราะฉะนั้น แท้จริงแล้วใครหรือเปล่า หรือแท้จริงแล้ว ธรรมคือสิ่งที่มีจริงนั่นแหละเป็นอำนาจที่ทำให้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นตามกำลังของธรรมนั้นๆ ถูกต้องไหมคะ คือ การฟังแม้แต่คำเดียวก็ไม่เผินที่จะให้เข้าใจจริงๆ ว่า อำนาจไม่ใช่คน ไม่ใช่ใคร แต่เป็นสิ่งที่สามารถทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นเป็นไปได้
เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นฝ่ายธรรมที่ไม่ดี ก็ทำให้สิ่งที่ไม่ดีทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจเป็นไปในทางที่ไม่ดี นั่นคือกำลังของธรรมที่ไม่ดี แต่ถ้าเป็นธรรมที่ดีตรงกันข้ามที่จะไปทำสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้น เป็นไปไม่ได้
เพราะฉะนั้น กำลังของทั้ง ๒ อย่างก็ต่างกัน เพราะเหตุว่ากำลังของธรรมก็ย่อมทำให้สิ่งที่ดีงามเป็นประโยชน์เท่านั้นที่เกิดขึ้นเป็นไป
ด้วยเหตุนี้ถ้าเข้าใจก่อน โดยความเป็นปรมัตถธรรม เป็นธรรมที่มีจริง เราก็จะไม่สับสนว่า ใครมีอำนาจ ขณะนั้นเข้าใจว่า คนนั้นมีอำนาจ แต่อกุศลของคนนั้นทำให้อกุศลธรรมเป็นไปตามกำลังของอกุศลธรรมนั้นๆ ไม่ใช่เขาสามารถมีอำนาจทำให้อกุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นไป
นี่ทางฝ่ายอกุศล ทางฝ่ายกุศลก็เช่นเดียวกัน ใครมีอำนาจ ไม่ใช่คนหนึ่งคนใดเลย แต่ว่าขณะนั้นเพราะกุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นไป ก็ทำให้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นไปในทางที่ดีงามเกิดขึ้นเป็นไป
เพราะฉะนั้น อำนาจจริงๆ ที่สามารถทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นเป็นไปก็คือธรรมทั้งหมด แต่ก็มีธรรม ๒ อย่าง ธรรมที่เป็นฝ่ายอกุศล ไม่ดีงาม จะหมดไปได้อย่างไรคะ คิดดู ดูเหมือนมีอำนาจทำให้อกุศลทั้งหลายเกิดขึ้นได้ในวันหนึ่งๆ มีสิ่งนั้นสิ่งนี้เกิดขึ้นจากการเห็น การตรึก การสร้าง การทำทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดขึ้นด้วยความยินดี ด้วยความต้องการ ด้วยความพอใจ แต่สิ่งที่ไม่ดีงามเหล่านั้นหมดได้ไหม หมดสิ้นได้ไหม
เพราะฉะนั้น สิ่งที่ไม่ดีที่เป็นกุศลทั้งหลาย แม้จะดูว่า มีกำลัง มีอำนาจที่จะทำให้โลกพัฒนาเจริญไปในทางต่างๆ ก็จริง แต่อกุศลก็ยังคงเป็นอกุศล อกุศลจะเป็นกุศลไม่ได้เลย ด้วยเหตุนี้ผู้มีปัญญาที่เห็นถูกต้องตรงตามความเป็นจริง จึงสามารถเข้าใจถึงสภาพธรรมจริงๆ ว่า ธรรมแต่ละอย่างไม่ปะปนกัน ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่แม้ว่าอกุศลมีจริง ก็ยังสามารถดับหมดสิ้นไปได้ด้วยกำลังของสภาพธรรมที่เป็นกุศล ที่สามารถทำให้เป็นไป คือ ทำให้หมดกิเลสได้