ฟังน้อยแต่เข้าใจ


    ท่านอาจารย์ ทุกคนที่ฟังต้องรู้จุดประสงค์ว่า ฟังเพื่ออะไร ฟังเล่นๆ ฟังเพลินๆ หรือฟังเพื่อเข้าใจสิ่งที่ได้ฟัง ถ้าฟังแล้วยังไม่เข้าใจ ก็ฟังอีก ทีละน้อยๆ ไม่ต้องมาก เข้าใจทีละน้อยๆ ๆ ก็เข้าใจขึ้น ถ้าฟังมากๆ ทีเดียวแล้วไม่เข้าใจเลย จะมีประโยชน์ไหมคะ

    ผู้ฟัง ฟังน้อยแล้วเข้าใจดีกว่า

    ท่านอาจารย์ ทีละน้อยๆ ใช่ไหมคะ ขอยกตัวอย่าง ฟังน้อย ขณะนี้มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ แค่นี้ น้อยแค่นี้ เข้าใจลึกซึ้งแค่ไหน สิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็นได้ขณะนี้ เป็นสิ่งที่เพียงปรากฏให้เห็นได้ ฟังประโยคนี้แล้วค่อยๆ ไตร่ตรองจนกระทั่งเข้าใจอย่างมั่นคง มั่นคงว่า เดี๋ยวนี้เป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อไรจะรู้ว่า เป็นอย่างนั้นจริงๆ ฟังแล้วผ่านหูไปหลายครั้ง มีสักครั้งหนึ่งไหมที่เริ่มลึกขึ้นว่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้เท่านั้น แค่นี้ประโยคสั้นๆ เคยเป็นคุณอรวรรณ เคยเป็นดอกไม้ เวลานี้ก็เข้าใจว่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ แค่นี้ค่ะ ละคลายความติดข้องทีละน้อย โดยไม่รู้ตัว เพราะสามารถถึงการรู้จริงๆ ว่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ แค่หลับตาไม่ปรากฏ เพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย ก็เป็นความจริงของสิ่งที่สามารถปรากฏให้เห็นได้ แล้วติดอะไรหนักหนากับสิ่งที่เพียงปรากฏให้เห็นได้ เพียงหลับตาก็ไม่มีเหลือ จะให้มาปรากฏอย่างนี้ไม่ได้เลย

    เพราะฉะนั้น ชั่วขณะที่ปรากฏเมื่อกี้นี้ที่ไม่รู้แล้วติดข้อง แล้วหลับตา สิ่งใหม่ก็เกิดขึ้น เห็นใหม่ก็เกิดขึ้น ความติดข้องใหม่ก็เกิดขึ้น เพราะไม่รู้ความจริงว่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ ฉันใด ทีละเล็กทีละน้อย พอเริ่มรู้ว่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นครั้งหนึ่ง เข้าไปนิดเดียวในใจ ยังไม่จรดกระดูก เพียงปรากฏให้เห็นได้นี่จริง ไม่มีอะไรเหลือเลย ก็แค่ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม แล้วก็มีสิ่งที่อยู่ตรงนั้นที่มากระทบตาทำให้เป็นรูปร่างสัณฐานต่างๆ แล้วก็ติดข้อง ความจริงอยู่ไหน ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลมเมื่อกี้นี้อยู่ไหน ไม่ต้องไปกล่าวถึงที่ผ่านมาแล้วแสนโกฏิกัปป์ เพียงชั่วขณะก่อนนี้ก็ไม่เหลือแล้ว

    เพราะฉะนั้น พอถึงขณะสุดท้าย จากโลกนี้ไปแล้วเห็นชัดเลย แต่ก่อนนั้นก็ต้องค่อยๆ เปลี่ยน ค่อยๆ เป็นไปโดยที่ไม่มีใครสามารถรู้ได้ เพราะว่าต้องเป็นปัญญาที่เริ่มเข้าใจความรอบรู้ในปริยัติ ไม่ใช่ฟังชื่อ ฟังจำนวน จำได้ แต่เข้าใจในสิ่งที่มี ที่กำลังปรากฏ ไม่ว่าจะพูดถึงสิ่งที่เพียงปรากฏให้เห็นได้ ภาษาบาลีก็ รูปารมณ์ไงล่ะ จำไม่ได้หรือว่า จักขุวิญญาณเห็นอะไร ก็เห็นรูปารมณ์ พูดได้ จักขุวิญญาณเห็นรูปารมณ์ ก็เดี๋ยวนี้ไง ก็เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้เท่านั้น ทำไมไม่เข้าใจให้ตรงว่า รูปารมณ์หมายเฉพาะสิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็น ในขณะที่เห็นเกิด เท่านั้นเอง

    นี่ฟังไม่มากใช่ไหมคะ ถามคุณอรวรรณว่าเห็นอะไร คุณอรวรรณจะตอบว่า สิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้แน่ๆ แต่ความเข้าใจลึกถึงแค่ไหนที่จะมั่นคงจริงๆ ว่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้

    เพราะฉะนั้น พระธรรมทุกคำเป็นคำจริง อริยสัจธรรมแน่นอน ทำให้ถึงการรู้แจ้งสภาพธรรมได้ แต่ต้องค่อยๆ เข้าใจขึ้น จนกระทั่งมั่นคงเป็นสัจญาณ

    อดทนไหมคะ ปรากฏ ไม่ใช่ไม่ปรากฏ เห็นเมื่อไรก็เมื่อนั้นแหละ มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ แต่กว่าจะรู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ ก็ต้องอาศัยการไม่ลืมในสิ่งที่ได้ยินได้ฟังแล้ว แล้วค่อยๆ เข้าใจขึ้นด้วยในขณะที่สิ่งนั้นกำลังปรากฏ เพราะถ้าเราบอกว่า เราเข้าใจ แต่ไปนึกคิด โดยที่สิ่งนั้นไม่ปรากฏ ก็ไม่เหมือนกับขณะนี้ที่กำลังปรากฏ แล้วเริ่มรู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏ จึงสามารถรู้ว่า ขณะนั้นกำลังเข้าใจอะไร เข้าใจสิ่งที่มีจริงที่ปรากฏตามความเป็นจริงของสิ่งนั้น ถ้าสามารถเข้าใจละเอียดขึ้น ทั่วถึงขึ้น ก็สามารถประจักษ์การเกิดขึ้นแล้วดับไปได้ แต่ขณะนี้แม้แต่เกิดขึ้นแล้วดับไป ก็ได้แต่ฟัง แล้วเริ่มเข้าใจ แล้วก็ลืม แล้วฟังอีก นี่เป็นเหตุที่จักขุวิญญาณ มีอะไรเป็นอารมณ์ รู้อะไร ก็ตอบว่า รูปารมณ์ แค่นั้นไม่พอ แต่ต้องเข้าใจจริงๆ ถึงความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ


    หมายเลข 9556
    19 ก.พ. 2567