ถ้ารู้จริงๆ ว่าเป็นธรรม คลายได้ทุกอย่าง


    สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๒๐๗


    เวลาอกุศลจิตเกิด วุ่นวายมากเลย เดือดร้อนไม่อยากมี ทำไมเราเป็นอย่างนี้ ทำไมเราเป็นอย่างนั้น แต่พอรู้ว่าเป็นธรรม ก็ดับไปแล้ว แล้วจะเอาอะไรไปคลายความกังวล หรือความเป็นเรา ถ้าไม่รู้ความจริงว่า เป็นสิ่งที่เกิด ไมใช่เรา จะดีก็ไม่ใช่เรา ปัญญาก็ไม่ใช่เรา โทสะก็ไม่ใช่เรา ทุกอย่างไม่ใช่เรา ก็เป็นธรรมแต่ละอย่าง ถ้าจะรู้จริงๆ ว่าเป็นธรรม คลายได้ทุกอย่าง คลายความติดในกุศล คลายความไม่พอใจในอกุศล เพราะว่าเป็นแต่เพียงธรรม แต่จะรู้ได้ว่า ใครยังมากยังน้อยจากความคิด การกระทำ คำพูด

    คุณซีเคยได้ยินคนถามไหมคะ ทำอย่างไรสติถึงจะเกิดมากๆ นั่นแหละค่ะ เป็นเครื่องส่องแล้ว ใช่ไหมคะ ความเป็นตัวตน ความรักตน อยากจะให้มีสติมากๆ มาแล้ว ไม่รู้ตัวเลย โลภะมา ไม่บอกใครเลย อยู่ด้วยตลอดเวลา จนกว่าปัญญาจะเห็นว่าเป็นโลภะที่ต้องการ ก็ทำไมไม่คิดถึงนานแสนนานมาแล้ว จะเป็นชาตินี้ หรือชาติก่อนๆ กี่ชาติก็ตาม ความไม่รู้มากแค่ไหน แล้วอยู่ดีๆ ทำอย่างไรสติปัฏฐานถึงจะเกิดบ่อยๆ คำพูดอย่างนี้ไม่สมเหตุสมผล เป็นไปไม่ได้ แล้วก็เป็นด้วยโลภะ หาทางลัด เฮ็ดเน็ค ทุกอย่าง เพื่อความไม่รู้ทั้งนั้นเลยคะ ไม่ได้ต้องการที่จะรู้ถูกต้อง แต่ต้องการผล ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะผลนั้นต้องเป็นปัญญาที่อบรมแล้วเท่านั้น ผลอย่างนั้นจึงจะเกิดได้ ถ้าไม่ใช่ปัญญาที่อบรมแล้ว ไม่มีทางที่จะรู้ว่า ขณะนี้เป็นธรรม การฟังก็ต้องฟังจนกระทั่งเข้าใจ จนกระทั่งที่ใช้คำว่า ซึมซับไปเลยว่า ขณะนี้เป็นธรรม เหมือนกับอวิชชา ทำไมมาเร็ว

    เพราะฉะนั้น ถ้าเราอบรมปัญญา อบรมสติไว้ ก็สามารถที่จะมีปัจจัยให้เกิดได้ แต่ไม่หวังผล ไม่ใช่ว่าพออโลภะเกิด อโทสะเกิด วันนี้เราจะให้เป็นอย่างนั้นให้สติเกิด ให้รู้ว่าเป็นธรรม ไม่ต้องหวังอะไรเลย แล้วแต่อะไรจะเกิด จริงทั้งหมด เป็นการสะสมของเรา เป็นตัวแท้ๆ ของเราทั้งหมด ซึ่งจะไปเปลี่ยนแปลงไม่ได้ จะไปยกให้คนอื่นก็ไม่ได้ จะเอาของคนอื่นมาเป็นของเราก็ไม่ได้ ต่างคนก็ต่างเป็นแต่ละบุคคล ตามการสะสมของแต่ละวัน


    หมายเลข 9559
    20 ส.ค. 2567