เครื่องผูกที่เพลิดเพลิน
ทุกคำที่ได้ยินควรเข้าใจขึ้นๆ และละเอียดขึ้นด้วย เช่น คำว่า “กาม” เป็นสภาพที่ติดข้อง เป็นสภาพที่พอใจ เป็นสภาพที่ใคร่ ต้องการในสิ่งที่กำลังปรากฏ
เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้มีสิ่งที่ปรากฏทางตา มีใครไม่ใคร่จะเห็นบ้างไหมคะ เห็นไหมคะว่า ความต้องการหรือความใคร่ ใคร่ที่จะมีสิ่งนั้น เห็นแล้วพอไหม หรือว่าพรุ่งนี้ก็เห็นอีก ต่อไปทุกวันเห็นเรื่อยๆ ก็ดีกว่าไม่เห็น ใช่ไหมคะ
เพราะฉะนั้น นี่คือความติดใจสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ผ่านไปแล้วนะคะ เสียง มีใครไม่ติดข้องบ้าง แต่พอได้ยินแล้วก็รู้ว่า เป็นสิ่งที่มี แล้วแต่ว่าเสียงนั้นเป็นลักษณะที่ชอบหรือไม่ชอบ ก็แล้วแต่ แต่อย่างน้อยที่สุดก็พอใจแล้วที่จะได้ยิน
เพราะฉะนั้น “กาม” หมายถึงความใคร่ หรือความพอใจ ในชีวิตประจำวันก็ในการเห็นรูป ในการได้ยินเสียง ในการได้กลิ่น ในการลิ้มรส ในการรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส และในเรื่องราวที่คิดนึก ไม่มีใครไม่อยากจะคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ไม่ว่าเรื่องอะไรที่คิด ก็เป็นสิ่งที่ต้องการจะคิด มีความพอใจที่จะคิดเรื่องนั้นๆ ทั้งๆ ที่เรื่องนั้นบางทีก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าสนุกเลย แต่ก็ต้องการที่จะคิด ไม่ใช่อยู่เฉยๆ แค่เห็นแล้วไม่คิด แค่ได้ยินแล้วไม่คิดก็ไม่ใช่
นี่แสดงให้เห็นว่า ก่อนอื่นต้องเข้าใจคำนี้ “กาม” เป็นสภาพธรรมที่ติดข้อง ต้องการ และใคร่ที่จะมี ในชีวิตประจำวันก็ไม่พ้นจากรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
เพราะฉะนั้น คำว่า “กาม” จึงเป็นอีกชื่อหนึ่งของคำว่า “รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ” แสดงว่าเกิดมาในโลกนี้ เราคงไม่หวังที่จะได้อะไรมากไปกว่านี้ ใช่ไหมคะ เห็นสิ่งที่น่าพอใจแต่ละวัน ได้ยินเสียง ได้กลิ่น ลิ้มรส ทุกคนต้องรับประทานอาหารวันละหลายครั้ง ก็มีความยินดีในรส และในการกระทบสัมผัสด้วย สิ่งสบาย ร้อนไปก็ลำบากแล้ว ขวนขวายแล้ว หาพัดแล้ว อะไรบ้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็คือมีความต้องการทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ไม่พ้นจากกาม ยังไม่เห็นโทษเลย
เพราะฉะนั้น เราจะอยู่ในโลกอื่นที่ไม่มีกามไม่ได้ เพราะยังติดข้องอยู่ โลกนี้สิ่งที่ปรากฏเป็นสิ่งที่น่าพอใจก็มี ไม่น่าพอใจก็มี เห็น ได้กลิ่นขยะ ดีไหมคะไม่น่าพอใจเลย แล้วถ้าเห็นแล้วก็ได้กลิ่นที่ดี ก็พอใจ ก็ติดข้อง แต่ก็เลือกไม่ได้เลย แต่ก็ไม่พ้น เพราะยังไม่เห็นโทษตามความเป็นจริง แต่ว่าจิตหลากหลายมาก ไม่ได้มีเพียงเท่านี้เลย สำหรับผู้ที่มีปัญญา ก็จะรู้โทษของสิ่งที่ปรากฏให้ติดข้องว่า ทุกคนขณะนี้วุ่นวาย เดือดร้อน ทะเลาะวิวาทกันสารพัดอย่าง ก็ต้องการแค่รูป เสียง กลิ่น รส และสิ่งที่กระทบกาย ซึ่งไม่ขาดจากธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม
เพราะฉะนั้น คิดดีๆ แล้ว รบกัน โกรธกัน ทะเลาะกัน เพราะต้องการสิ่งที่เย็นๆ ร้อนๆ อ่อนๆ แข็งๆ ประเทศทุกประเทศต้องมีเย็น ร้อน อ่อน แข็ง จะว่ามีทรัพย์สมบัติ มีน้ำมัน มีเพชร มีอะไรก็แล้วแต่ ก็ไม่พ้นจากธาตุต่างๆ เหล่านี้
เพราะฉะนั้น ตลอดชีวิตก็หมกมุ่นติดข้องอยู่ในเรื่องของกาม คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ยังไม่มีปัญญาที่จะเห็นโทษว่า ถ้าไม่ติดข้องในสิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็เป็นสุขขึ้น ลองคิดถึง กำลังพอใจในสิ่งหนึ่งสิ่งใด ดูเหมือนมีความสุขที่ได้มาในสิ่งที่พอใจ แต่ถ้าคิดว่า ถ้าไม่ต้องการเสียเลย ไม่ดีกว่าหรือ ไม่ติดข้องเลย จะได้หรือไม่ได้ จะได้อะไรมา ก็แล้วแต่ ตาจะต้องเห็นแน่นอน หลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะฉะนั้น ปัญญาก็มีหลายระดับขั้น แต่ต้องเห็นโทษของการติดข้อง แล้วอบรมความสงบของจิตจากการติดข้องรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ ใช้คำว่า “โผฏฐัพพะ” หมายความว่า สิ่งที่สามารถกระทบกาย ได้แก่ ธาตุดิน อ่อนหรือแข็ง หรือธาตุไฟ เย็นหรือร้อน กระทบกายก็รู้สิ่งนั้น หรือว่าธาตุลม คือ ตึงหรือไหว อย่างลมหายใจ ทุกคนก็พูดได้ ลมหายใจ ก็เพราะเหตุว่ามีการเคลื่อนไหวขณะนั้น
เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้ว่า เพราะเรามีความติดข้องในสิ่งต่างๆ เหล่านี้มาก จนไม่รู้ว่า แท้ที่จริงแล้ว ถ้าไม่ติดข้อง ไม่พอใจเสียเลย จะดีกว่าไหม แต่คิดไม่ออก ไม่เคยคิดเลยว่า เมื่อไรจะไม่พอใจในสิ่งที่กำลังปรากฏ อย่างเห็นดอกไม้ สวยแล้ว ชอบแล้ว อยากได้แล้ว กำลังชอบ บอกว่าไม่ชอบซิ ไม่ติดข้องซิ ไม่มีทางเป็นไปได้เลย แต่หารู้ไม่ว่า แม้เห็น แต่ไม่ติดข้อง ย่อมดีกว่าขณะที่กำลังติดข้องหรือต้องการ
เพราะฉะนั้น ก็เป็นสิ่งที่ค่อยๆ คิด ค่อยๆ พิจารณา ค่อยๆ เข้าใจความจริงของสิ่งที่ปรากฏ เพื่อเข้าใจถูก ไม่ใช่ให้เราไปฝืน การที่เราพอใจสิ่งหนึ่งสิ่งใดจนเป็นอุปนิสัย อย่างบางคนชอบสีเหลือง บางคนชอบสีฟ้า บางคนชอบสีแดง บางคนชอบสีเขียว ต้องมีเหตุปัจจัยที่แต่ละคนทำไมถึงหลากหลายไป แม้แต่เพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา ก็เป็นอุปนิสัยแล้ว
เพราะฉะนั้น ถ้าเราไม่ติดข้องเลย เพราะรู้ความจริงมากขึ้น เราก็จะพ้นจากการเห็น การได้ยิน ไปเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้ต้องเข้าใจความหมายของ “กาม” ความติดข้องพอใจ โดยเฉพาะในสิ่งที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใช้คำว่า “กามคุณ” ความหมายของ “คุณ” อีกนัยหนึ่ง คือ เครื่องผูก อีกความหมายหนึ่งก็คือ ทำให้เราเพลิดเพลิน เพลิดเพลินกันทุกวันนี้จากอะไร เดี๋ยวก็ไปดูนั่น ดูนี่ จะไปร้องรำทำเพลงกันเมื่อไร ก็คือเพลิดเพลินในสิ่งนั้น จะมีเพลงที่เพราะ ถูกใจ ฟังแล้วไม่เบื่อ ก็คือเพลิดเพลินในสิ่งนั้นอีก ก็ไม่พ้นจากทางตา หู จมูก ลิ้น กาย
เพราะฉะนั้น นี่คืออีกความหมายหนึ่งของ “กาม”