ให้บุญกันได้ไหม
บุญของเราที่ทำแล้ว ให้คนอื่นได้ไหมคะ คือ ธรรมไม่ใช่ไม่คิดแล้วตอบ แต่ลองคิดดู เป็นจิตใช่หรือเปล่า ไม่ใช่วัตถุ ถ้าให้วัตถุเหมือนขายหรือซื้อหรือเปล่า ถ้าต้องการสิ่งที่แลกเปลี่ยนได้ ให้เขาเพื่อเขาจะให้เรา เป็นบุญหรือเปล่า ให้เขาเพราะหวังว่า เขาจะให้เรามากกว่าที่เราให้เขาอีก เป็นบุญหรือเปล่า แต่การให้เพื่อประโยชน์สุขของผู้รับ เป็นบุญ ขณะนั้นไม่ได้หวังอะไรตอบแทนเลยทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้น บุญของใครก็ตามที่ได้กระทำแล้ว เอาบุญนั้นให้คนอื่นไปได้ไหม ตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่า ไม่ได้ เพราะเหตุว่ากุศลจิตเกิดแล้วดับแล้ว เป็นเหตุให้เกิดจิตที่เป็นผลของบุญนั้นในภายหลัง
เพราะฉะนั้น จิตที่เป็นเหตุที่ได้กระทำแล้วเป็นปัจจัยให้เกิดจิตที่เป็นผล ซึ่งขณะนี้ถ้าไม่ฟังธรรม เราก็เพียงแต่รู้ว่า ต้องมีผล แต่จิตที่เป็นผลนั้นคืออะไร เมื่อไร ก็ไม่ใช่คิดเอง แต่ต้องศึกษาแล้วเป็นชีวิตจริงๆ ธรรมดานี่แหละ แต่ให้ทราบว่า ในเมื่อเป็นจิตที่เกิดขึ้นเป็นกุศลแล้วก็ดับไป เพราะฉะนั้น ผลของกุศล คือ ผู้ที่ได้กระทำกุศลนั่นเองเป็นปัจจัยให้จิตที่เป็นผลของบุญเกิดขึ้น
เพราะฉะนั้น อุทิศส่วนกุศล หรืออุทิศส่วนบุญ ไม่ใช่หมายความว่า บุญของเราเอาไปให้ใครได้ แต่บุญที่ได้กระทำแล้ว คนอื่นมีส่วนที่จะเกิดกุศลอนุโมทนาได้ในบุญนั้น เพราะเหตุว่าความดีความงามเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม น่ายินดี ยากที่จะกระทำได้ อย่าประมาทว่า บุญเล็กบุญน้อย ให้สักนิดสักหน่อย หรือช่วยใครสักนิดสักหน่อย ขณะนั้นถ้าเป็นอกุศล ทำไม่ได้เลย จะช่วยใครก็ช่วยไม่ได้ จะให้อะไรใครสักนิดหนึ่งก็ให้ไม่ได้ เพราะว่าขณะนั้นเป็นอกุศลจิต แต่ขณะใดก็ตามที่กุศลสามารถจะเกิดขึ้นได้ แล้วเป็นสิ่งที่ทุกคนชื่นชมแน่ๆ ว่า คนนั้นได้ทำสิ่งที่ดี ขณะที่ยินดีในสิ่งที่คนอื่นกระทำกุศล แม้เราไม่ได้กระทำเอง จิตขณะนั้นก็เป็นกุศล
เพราะฉะนั้น ที่จะอุทิศส่วนกุศลหรือส่วนบุญก็ต้องรู้ว่า ใครสามารถจะอนุโมทนาหรือไม่อนุโมทนา บางคนมีญาติพี่น้อง คุณพ่อคุณแม่ ปู่ย่าตายายที่บ้าน ไม่ชอบฟังธรรม ไม่สนใจธรรม แล้วพอมาฟังธรรม กลับไปจะอุทิศส่วนกุศลที่ได้ฟังธรรมให้ท่าน ท่านจะอนุโมทนาไหมคะ แต่ถ้าไปบอกว่า ได้อะไรมา เป็นสิ่งที่หายาก ดีใจกันไหมคะ
เพราะฉะนั้น ก็แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่รู้จักบุญจึงอนุโมทนาในบุญ ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จัก แล้วจะไปอนุโมทนา
เพราะฉะนั้น ถึงแม้ว่าจะได้ฟังธรรมวันนี้เข้าใจ แต่บุคคลที่ใกล้ชิดไม่สนใจ บอกก็ไม่อนุโมทนา เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เราจะไปให้ใครอนุโมทนาได้ แต่กุศลจิตที่เห็นประโยชน์ของบุญ พอได้ฟังเรื่องของบุญ ไม่ว่าจะเป็นของใคร ก็อนุโมทนายินดีด้วย
ก็มีข่าวเรื่องของคนที่ทำความดี อย่างเด็กที่เรียนหนังสือ แล้วก็ดูแลพ่อแม่ที่ป่วยไข้ แม่ก็พิการ ก็มีคนเห็นว่า เด็กคนนี้น่ารักทำความดี ดูแลแม่ ก็มีการตั้งทุนให้เด็กคนนี้ได้รักษาแม่ และได้เรียนหนังสือด้วย เห็นไหมคะ ความดีสำหรับคนที่รู้คุณของความดี ก็อนุโมทนา
เพราะฉะนั้น แม้ว่าเราจะไม่ได้ร่วมกุศลนั้นด้วยตัวเอง แต่ก็ยินดีด้วยในความน่ารัก ในการกตัญญูรู้คุณของความดีของเด็กแม้เพียงเล็กๆ ขณะนั้นก็เป็นกุศลจิต
ด้วยเหตุนี้ต้องรู้ด้วยว่า การจะอนุโมทนาในกุศล ไม่ใช่เราจะไปบังคับใคร หรือเราจะเที่ยวไปบอกใครให้อนุโมทนา เขาไม่อนุโมทนาก็ได้ แต่แม้ว่าคนที่เราไม่บอก เขาไม่ต้องมาบอกเรา แต่เรารู้ข่าว จิตของเราก็เป็นกุศล แล้วก็อนุโมทนา กุศลที่เราไม่ได้ทำเอง แต่ก็ยังยินดีในกุศลของคนอื่น ก็ชื่อว่า อนุโมทนา แต่บุคคลที่กระทำแล้ว แล้วก็รู้ว่าคนอื่นสามารถจะยินดีได้ ถ้าเราเห็นว่า เขาสามารถจะยินดี ถ้ายังเป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ถ้าเรารู้จักเขา และเขายินดีในกุศล ก็บอกให้เขารู้ก็ได้ หรือแม้ไม่บอก เขาอนุโมทนาเองก็ได้ แต่คนที่ล่วงลับไปแล้ว เกิดที่ไหน ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ เขาจะรู้ไหมว่า เราเคยเป็นญาติพี่น้อง และกำลังทำบุญที่เขาจะมาอนุโมทนา
เพราะฉะนั้น สำหรับคนที่เกิดเป็นมนุษย์ เวลานี้ญาติพี่น้องของคุณคำปั่นชาติก่อนกำลังทำกุศลหรือเปล่า กำลังฟังธรรมให้คุณคำปั่นอนุโมทนาก็ยาก ใช่ไหมคะ แต่เวลาที่มีการให้ทาน และรู้ว่า ถ้าบุคคลนั้นเกิดในภูมิที่สามารถอนุโมทนาได้ ก็อุทิศส่วนกุศลเจาะจงถึงบุคคลนั้น ซึ่งเป็นการทำให้บุคคลนั้นปลาบปลื้มยินดีในการที่บุคคลอื่นเป็นผู้รู้คุณในความเป็นมิตรสหาย ในความเป็นผู้มีอุปการะ เป็นมารดาบิดา หรือเป็นญาติพี่น้องก็ยังไม่ลืม ก็ยังระลึกถึง เมื่อทำความดีก็ยังอุทิศส่วนกุศลให้ได้อนุโมทนา
เพราะฉะนั้น การที่แต่ละบุคคลจะอนุโมทนาก็เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ญาติ แต่ใครทำความดี เราก็อนุโมทนาได้ หรือถ้าเป็นญาติพี่น้องที่จากโลกนี้ไปแล้ว หรือเราจากโลกนี้ไปด้วยตัวเอง แต่สามารถจะล่วงรู้ว่า ใครกำลังระลึกถึง และทำสิ่งที่ดี และอุทิศส่วนที่เป็นบุญนั้นให้เราได้ทราบด้วย เพื่อเราจะได้อนุโมทนา เราก็ระลึกถึงคุณของผู้นั้นด้วย และก็อนุโมทนาในกุศลจิตของบุคคลนั้น ก็คือแม้ไม่ต้องทำเอง แต่อนุโมทนา เป็นปัตตานุโมทนามัย บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนา หรือผู้กระทำ กระทำแล้วก็ยังสามารถเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีเมตตาให้คนอื่นได้ล่วงรู้เพื่อเขาจะเกิดกุศลจิตในการอุทิศส่วนกุศล ขณะนั้นก็เป็นปัตติทาน การอุทิศส่วนกุศลให้บุคคลอื่นอนุโมทนา