มักน้อยในความรู้


    ท่านอาจารย์ พระธรรมทั้งหมด ทุกคำเป็นไปเพื่อดับกิเลส ใช่ไหมคะ

    อ.วิชัย เพื่อวิมุติครับ

    ท่านอาจารย์ จากทั้งโลภะ และอวิชชา เพราะฉะนั้น เวลาที่คลุกคลีเพราะติดข้อง และการคลุกคลีคืออย่างไร ไม่เหมือนเอาของไปใส่กระทะ แต่หมายความว่าได้พบได้เห็น และได้ฟัง แล้วก็สนทนา แล้วก็บริโภคร่วมกัน และกระทบสัมผัสด้วย

    อ.วิชัย มี ๕ ประการ

    ท่านอาจารย์ ๕ ประการที่แสดงถึงการคลุกคลี เพราะฉะนั้น ทั้งหมดเป็นไปเพราะโลภะ ใช่ และเมื่อจุดประสงค์เพื่อดับโลภะ คนนั้นก็สามารถมีปัญญาที่รู้อันตรายของการคลุกคลีได้ว่า ทั้งหมดเป็นไปเพราะโลภะ โดยไม่รู้ตัวเลย

    เพราะฉะนั้น จริงๆ แล้วพระธรรมที่ทรงแสดงอย่างกถาวัตถุ ๑๐ เป็นไปเพื่อไม่มีโลภะ ถ้ากล่าวว่าเป็นไปเพื่อไม่ติดข้อง ก็หมายความว่าต้องไม่มีโมหะ จะไม่มีโลภะโดยยังมีโมหะ เป็นไปไม่ได้เลย

    เพราะฉะนั้น ทั้ง ๒ อย่าง จะกล่าวถึงอย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้ จะกล่าวถึงโมหะก็ได้ จะกล่าวถึงโลภะก็ได้ แต่เวลาที่โมหะเกิด ไม่มีโลภะเกิดร่วมด้วย มองเห็นไหม แต่เวลาที่โมหะเกิด และมีโลภะเกิดร่วมด้วยมองเห็น พอจะเห็น ถ้าหยาบ หรือมีมาก หรือมีกำลัง แต่ถ้าละเอียดไม่เห็นเหมือนกัน

    เพราะฉะนั้น การดับโลภะ คิดดู จากอย่างมีมาก แล้วยางใยสิเน่หา สามารถติดข้องในทุกสิ่งทุกอย่าง ยากที่จะไถ่ถอนออกมาได้ จนกระทั่งสามารถดับได้หมด ปัญญาระดับไหน แต่เป็นไปได้ เพราะปัญญาอย่างเดียว แม้แต่อวิชชาก็ต้องเพราะปัญญาเกิดขึ้น จึงจะสามารถละโลภะได้

    เพราะฉะนั้น กถา คือ คำพูดที่เป็นไปเพื่อไม่มีโลภะ ยาก ต้องตามลำดับ มีแต่ว่าน้อย มักน้อย แต่ความจริงหมายความว่า ขณะนั้นไม่ได้มากเหมือนอย่างที่คนอื่นต้องการ และมักน้อยก็ต้องรู้ด้วย ได้ยินคำว่า “มักน้อย” หมายความว่าอะไร มักน้อยในอะไรบ้าง ในสุตตะ ในการศึกษา ในการฟัง ฟังเท่านี้ บางคนก็ผิดไปอีกแล้ว คิดว่า อย่าเรียนมากเลย น้อยๆ ก็พอ แต่ความจริงหมายความว่า ถึงจะรู้เท่าไร ก็ไม่แสดงว่าตนรู้ เป็นผู้มักน้อยในความรู้ ในการได้ฟัง ในการเข้าใจธรรม ไม่ใช่พอรู้แล้วก็บอกหมดเลย แล้วมักน้อยในการรู้แจ้งอริยสัจธรรม บางคนก็บอกว่า มักน้อยในการรู้แจ้งอริยสัจธรรม เป็นแค่นี้ต่อไปซิ แต่ความจริงแม้ถึงการรู้แจ้งอริยสัจธรรม ก็ไม่เปิดเผย เป็นการแสดงถึงโลภะทั้งนั้นว่า ถ้าไม่ใช่โลภะแล้วจะไม่ทำอย่างนั้นเลย แต่ถ้าเป็นโลภะก็ตรงกันข้าม ไม่ได้เป็นก็บอกว่าเป็น ไม่ได้ถึงก็บอกว่าถึง ไม่ได้ละก็บอกว่าละ ไม่ได้รู้ก็บอกว่ารู้ นั่นก็เป็นเรื่องของโลภะ

    เพราะฉะนั้น การฟังธรรมก็คือต้องรู้ว่า พระธรรมทั้งหมดเป็นไปเพื่อละโลภะ ซึ่งจะเป็นไปได้ด้วยการละอวิชชา ความไม่รู้


    หมายเลข 9598
    19 ก.พ. 2567