อารมณ์ของบิดา


    อารมณ์ที่ไม่ใช่ของบิดา ก็คือความไม่รู้ เป็นชั้นๆ ที่ติดเป็นตัง แต่อารมณ์ของบิดาก็คือความเห็นที่ถูกต้องว่า สิ่งที่กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ กำลังปรากฏให้เห็นมีจริงๆ รับรองได้ทุกคน แต่เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ นี่คืออารมณ์ของบิดา เพราะเหตุว่าสติปัฏฐาน ที่ตั้งของสติ เพื่ออะไร เอาไปตั้งไว้เฉยๆ อย่างนั้นหรือคะ ให้สติเกิด อย่างนั้นไมใช่เลย

    แม้แต่สติเป็นโสภณเจตสิก เกิดกับธรรมฝ่ายดีเท่านั้น แต่ธรรมฝ่ายดีก็มีทั้งทานบ้าง ศีลบ้าง หรือแม้แต่การฟังธรรมในขณะนี้ เพื่อจะเข้าใจถูกต้อง และขณะนี้ใครที่กำลังรู้ว่า สิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ นั่นคืออารมณ์ของบิดา คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะทรงแสดงความจริงว่า สิ่งที่ปรากฏจริงๆ ที่กำลังมองเห็นได้ เป็นสิ่งที่มีจริงอย่างหนึ่ง เท่านั้นเอง หลังจากนั้นก็คิด เพราะนิมิตที่ปรากฏ

    ถ้าปกติธรรมดาที่ไม่ได้ฟังธรรมเลย ก็เป็นโลภะ เป็นตัง เป็นชั้นๆ ไปทั้งวัน ทุกชาติไป แต่พอเป็นอารมณ์ของบิดาก็เริ่มรู้ว่า หลงยึดถือสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ว่า เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง โดยนิมิต เป็นดอกไม้ เป็นคน เป็นสิ่งต่างๆ แต่ตามความเป็นจริงเมื่อไรจะเข้าใจถูกว่า แท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นอื่นไม่ได้ แค่หลับตาก็ไม่ปรากฏแล้ว เพราะฉะนั้น ลืมตาเมื่อไร ไม่ใช่เห็นคน เพราะเหตุใดคะ ตามความเป็นจริงทรงแสดงไว้โดยละเอียดว่า ที่ว่าเป็นคนแต่ละคน หรือเป็นดอกไม้ หรือเป็นโต๊ะ เป็นเก้าอี้ ก็จะต้องมีธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม มีเย็น มีร้อน มีอ่อน มีแข็ง มีตึง มีไหว มีธาตุที่เกาะกุมธาตุทั้ง ๔ แล้วก็ยังมีสิ่งอื่นที่เกิดร่วมอีก ที่ทำให้ปรากฏให้มองเห็นได้ คือสิ่งที่กำลังปรากฏทางตาขณะนี้ที่กระทบตาก็อยู่ที่ธาตุนั้น แล้วก็มีกลิ่น มีรส มีโอชา เล็กมาก เพราะมีอากาศธาตุแทรกคั่นอยู่อย่างละเอียด นั่นหรือคะ คน รูปไหนเป็นคน ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม และสิ่งที่กำลังกระทบปรากฏให้เห็น รส กลิ่น โอชา และอากาศธาตุที่แทรกคั่นรูปแต่ละกลุ่มเล็กๆ ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และกำลังเกิดดับอยู่ทุกขณะ นั่นหรือคะคือคน

    เพราะฉะนั้น มีสิ่งเดียวที่กำลังปรากฏกระทบตาให้เห็นได้ แต่ว่าเกิดดับอย่างเร็วจนกระทั่งซ้ำกัน ปรากฏเป็นนิมิตต่างๆ เป็นรูป และอนุพยัญชนะ คือ ส่วนละเอียดของรูปนั้น แม้แต่ดอกไม้ดอกเดียวกันก็ยังมีสิ่งต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน ตามส่วนละเอียดของสิ่งนั้น สีเข้มก็มี สีจางก็มี หลายๆ สีก็มี

    นี่แสดงให้เห็นว่า ขณะใดก็ตามที่ไม่เข้าใจความจริงของธรรมมากขึ้น ก็ยังไม่ใช่มีอารมณ์ของบิดา เพราะเหตุว่าไม่ได้ทำให้เข้าใจตามความเป็นจริง

    เพราะฉะนั้น สิ่งที่กำลังเกิดดับขณะนี้สามารถรู้ได้เมื่อเข้าใจขึ้น แต่ต้องเริ่มจากการเห็นอะไร จากการฟังแล้วฟังอีก “ตัง” หรืออารมณ์ของบิดา ถ้าตัง ก็คือเป็นคนนั้นเป็นคนนี้ ใส่เสื้อสีนั้น ใส่เสื้อสีนี้ ลวดลายของเสื้อเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ หลายชั้นไหมคะ จากแค่คน เสื้อสีต่างๆ และลวดลายต่างๆ แค่เสื้อ แล้วยังหน้าตาอีก อย่างอื่นอีก ทั้งหมดเลย เพราะฉะนั้น เมื่อไรที่เข้าใจถูกต้องว่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ แม้น้อยมาก ก็ยังดีกว่าไม่เคยเกิดเสียเลย หรือไม่เคยเข้าใจถูกต้องเสียเลย สักนิดเดียว

    เพราะฉะนั้น อย่าประมาทแม้แต่ความเข้าใจเล็กๆ น้อยๆ สามารถมีกำลังจนกระทั่งสละความติดข้อง เพราะได้อบรม เพราะรู้บ่อยๆ เพราะเข้าใจขึ้นจนกระทั่งรู้ว่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้


    หมายเลข 9604
    19 ก.พ. 2567