เดิมเป็นเรารู้ จริงๆ คือจิตรู้
ผู้ฟัง อาจารย์ช่วยกรุณาแนะนำว่า เราควรจะรู้อะไรก่อน ถ้าเผื่อเราไปจงใจรู้ก่อนก็ค้านกับคำว่า “อนัตตา” อีก
ท่านอาจารย์ ในพระไตรปิฎกทรงแสดงธรรมที่มีจริงกับผู้ที่กำลังฟัง มิฉะนั้นผู้ฟังก็ไม่สามารถที่จะไตร่ตรอง ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ว่าตรัสเรื่องอะไร ไม่ว่าใครจะไปที่ไหนก็ตาม จะอยู่ที่ไหนก็ตาม จะพ้นจากตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ได้ไหม ไม่ได้ เพราะฉะนั้น เราก็ไม่ต้องไปคำนึงถึงเลยว่า ปริเฉทไหน เล่มไหน เป็นอย่างไร แต่ในขณะที่กำลังฟังไม่ว่าจะฟังสิ่งใด ประโยชน์จริงๆ ของการฟังทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นธรรมหรือไม่ใช่ธรรมก็ตาม ขณะนั้นก็คือเข้าใจสิ่งที่กำลังฟังจึงชื่อว่าฟัง ไม่ใช่ไปคิดเรื่องอื่น ไม่ใช่ไปเข้าใจเรื่องอื่นแต่ทุกคำที่ได้ยิน ฟัง ไตร่ตรอง พิจารณา แล้วก็จะรู้ว่ามีความเข้าใจในสิ่งที่ฟังแค่ไหน เช่นคำว่า “ธรรม” ได้ยินบ่อย ใครจะว่ายังไงจะพูดยังไงก็แล้วแต่ แต่ความเข้าใจของเราจากการฟังคำนี้ เข้าใจไหมว่าหมายความถึงอะไร เป็นพื้นฐานที่กว้างก็คือว่าเป็นสิ่งที่มีจริงๆ และไม่ใช่ใครเลยทั้งสิ้น เป็นสิ่งที่มีภาวะลักษณะเฉพาะของตนๆ มีการเกิดขึ้นปรากฏแล้วก็ดับไป ฟังแค่นี้ แล้วต่อไปจะฟังอีกสักเท่าไหรก็ตาม เข้าใจอย่างนี้ไหม แต่ว่าถ้ากล่าวถึงปรมัตถธรรม สภาพธรรมที่มีจริงๆ ก็จะมี ๔ อย่าง คือจิตเป็นธาตุที่เป็นใหญ่ เป็นประธานในการรู้แจ้งลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ แค่นี้ เราสามารถที่จะเข้าใจลักษณะของจิตเดี๋ยวนี้ได้ไหม ว่าไม่ใช่เจตสิก ไม่ใช่ความโกรธ ไม่ใช่ความเฉยๆ หรือไม่ใช่ความสุข หรือไม่ใช่ความเมตตา แต่เป็นลักษณะที่กำลังรู้แจ้งคือสามารถที่จะรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏตามปกติตามความเป็นจริง บางคนก็อาจจะสงสัยว่าแล้วแจ้งแค่ไหน ก็ไปคิดอีก ทำไมไปคิดในสิ่งที่ไม่ได้ฟัง ขณะนี้กำลังฟังว่าจิตเป็นสภาพที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ แล้วคำว่ารู้แจ้งก็คือสามารถที่จะรู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏอย่างนี้แหละ คือแจ้งอย่างนี้ตามที่ปรากฏกับจิตที่กำลังเห็น นี่คือลักษณะของจิต จิตทำอย่างอื่นไม่ได้เลย จิตจะไปรู้อย่างอื่นที่เป็นหน้าที่ของสภาพธรรมอื่นไม่ได้ จะไปเป็นเจตสิกแต่ละชนิดไม่ได้ จิตเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขณะไหน เป็นสภาพที่รู้แจ้งในสิ่งที่กำลังปรากฏ ขณะนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าจิตเป็นอะไร อยู่ที่ไหนในขณะที่กำลังเห็นก็คือภาวะลักษณะที่กำลังเห็นแจ้ง จะใช้คำว่ารู้ก็ได้ เพราะเป็นสภาพรู้คือเห็นสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา ขณะที่เสียงปรากฏ รู้ลักษณะของจิตแล้วใช่ไหม จิตเป็นสภาพที่รู้แจ้งเสียง เรารู้เลยว่าเสียงมีลักษณะอย่างนี้ๆ แต่เดิมป็นเรารู้ แต่ความจริง ก็คือจิตกำลังรู้แจ้งคือได้ยิน เสียงอะไรก็เสียงนั้นแหละแต่ละเสียง เพราะจิตเป็นสภาพที่รู้แจ้งเสียงที่กำลังปรากฏ ถ้ามีความเข้าใจในขณะที่กำลังได้ฟัง พอไหมที่จะเข้าใจจริงๆ ไม่ลืม
ที่มา ...