ความประมาท
ท่านอาจารย์ ขณะที่กำลังคิดอย่างนั้น ยังไม่ต้องถึงรถชน แต่ในกายของคุณวิจิตรเองก็อาจจะมีวิบากอะไรที่ทำให้สิ้นชีวิตก็ได้ หายใจไม่ออกขึ้นมาเฉยๆ ก็ได้ ขณะนั้นก็มีกาย มีกายปสาท มีวิบากซึ่งเกิดแล้วเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่ว่าเราจะไปนึกว่าเราจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ให้วิบากเกิด แต่ความจริงตราบใดที่ยังมีรูป พ้นวิบากไม่ได้เลย แม้แต่ในขณะที่กำลังนั่งอยู่ในขณะนี้ วิบากทางกายก็มีเพราะว่ามีกายปสาท เพราะฉะนั้น เรื่องคิดเป็นเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องที่จะเกิดกระทบกับกายปสาทเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ผู้ฟัง อย่างกรณีเศษของกรรมจะมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรหรือไม่
ท่านอาจารย์ กรรมที่ยังให้ผลไม่หมดก็ทำให้แม้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว ผลของอกุศลกรรมก็ทำให้รับทุกข์ทางกายได้
ผู้ฟัง แล้วความประมาท
ท่านอาจารย์ ความประมาทขณะนั้นไม่ใช่วิบาก เป็นเรื่องอกุศลจิต
ผู้ฟัง ความประมาทเป็นเรื่องของอกุศลจิต แล้วความไม่ประมาท
ท่านอาจารย์ ขณะนั้นก็มี ๒ อย่างสำหรับผู้ที่ไม่ใช่พระอริยบุคคล ถ้าไม่ใช่ชาติที่เป็นวิบากก็เป็นกุศลหรืออกุศล ถ้าเป็นพระอรหันต์ก็มีวิบากกับกิริยา ถ้าคนที่ไม่ใช่พระอรหันต์ก็มีทั้งกุศล อกุศล และวิบาก และกิริยาด้วย แต่ไม่ใช่โสภณกิริยา
ผู้ฟัง สรุปแล้วเวลาที่เราดำเนินชีวิตไปแต่ละวัน สิ่งที่ควรจะระลึกอยู่ตลอดเวลาก็คือให้มีความไม่ประมาทเป็นเนืองนิจ
ท่านอาจารย์ บังคับคิดไม่ได้ ก็แล้วแต่เหตุปัจจัย ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เข้าใจความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม ถ้าเข้าใจก็ต้องเข้าใจโดยตลอดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นกุศลจิต อกุศลจิต วิบากจิต กิริยาจิต ใครก็สร้าง ใครก็ทำให้เกิดขึ้นไม่ได้ ต้องเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย
ผู้ฟัง แล้วที่ปัจฉิมโอวาทของพระพุทธเจ้าบอกว่าให้มีความไม่ประมาท
ท่านอาจารย์ แล้วคุณวิจิตรประมาทหรือเปล่า
ผู้ฟัง ก็คงมีบ้างบางขณะจิต
ท่านอาจารย์ ก็แสดงให้เห็นว่าบังคับไม่ได้
ที่มา ...