ขณะที่อกุศลเกิด ไม่รู้ จนกว่าสติเกิดระลึก


    อ.กุลวิไล สำหรับโทสมูลจิต มีลักษณะก็คือมีความดุร้ายเป็นลักษณะ อันนี้เราจะเห็นในชีวิตประจำวัน ถ้าหากเป็นความโกรธเมื่อไหร่ ดุมากเลย เพราะว่าความเมตตาไม่มีแล้ว เราไม่พอใจในอารมณ์นั้น เราอาจจะไม่มีกระจกส่อง แต่ผู้อื่นเห็นเรา เขาจะกล่าวได้เลยว่าทำไมดุจังเลย แต่ก็ความที่เห็นได้ง่ายก็คือลักษณะที่เป็นโทสมูลจิตนั่นเอง เพราะว่าเวทนาซึ่งเป็นโทมนัสเวทนาจะแตกต่างจากที่มีความยินดีติดข้องหรือว่าเฉยๆ ซึ่งก็เป็นสภาพธรรมที่มีในชีวิตประจำวัน

    ท่านอาจารย์ มีใครเห็นว่าใครที่มีโทสะแล้วน่ารักบ้างไหม คุณกุลวิไลก็แสดงชัดเจนเลยว่าสำหรับคนอื่นเห็นได้เลยว่าเขากำลังไม่น่ารักทั้งกิริยาท่าทาง ทั้งอาการคำพูด แต่ว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกเลย ยากที่จะรู้ตัวว่าขณะนั้นมีคำพูดหรือว่ามีเสียง หรือว่ามีการกระทำแม้ว่าเพียงเล็กน้อยซึ่งเกิดจากโทสะแล้ว ซึ่งไม่น่ารักเลย แต่ว่าไม่รู้สึกตัววางของแรงๆ ดีไหม จิตประเภทไหน ก็บางคนเขาอาจจะไม่รู้ อาจจะคิดว่าเป็นอุปนิสัยสะสมมาก็ได้ แต่ว่าสภาพของจิตเป็นสภาพที่ละเอียดมาก ขณะนั้นต้องเป็นอกุศลแน่นอน ถ้าเป็นของที่เรารัก เราทะนุถนอม เราจะกระแทกวางแรงๆ หรือเปล่าใช่ไหม เราก็ไม่ได้สังเกตเลย แต่ว่าถ้าเป็นของที่ขว้างปาแรงๆ หรือว่าอะไร จิตขณะนั้นอาจจะไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเป็นอกุศลประเภทหนึ่งประเภทใด ซึ่งถ้าขณะนั้นลักษณะของโลภะไม่มีลักษณะที่เป็นโมหมูลจิตก็ไม่มี ขณะนั้นจิตเป็นยังไง ความรู้สึกแม้เพียงเล็กน้อยนิดหน่อย แต่ก็แปรไป เพราะเหตุว่าความรู้สึกปกติจะเป็นเฉยๆ อุเบกขาคือไม่สุขไม่ทุกข์บอกไม่ได้ขณะนี้คือสุขหรือเปล่า ทุกข์หรือเปล่า แต่ขณะที่มีความรู้สึกผันแปรไป จากนั้นเป็นอื่นก็เริ่มที่จะสังเกตได้ว่าขณะนั้นเป็นความยินดี เพลิดเพลิน พอใจ สนุกสนานต้องการเท่าไหร่ไม่พอ หรือว่าขณะนั้นมีความขุ่นเคืองแม้เพียงเล็กน้อย ลักษณะของความไม่พอใจก็มีตั้งแต่อย่างหยาบเล็กน้อยมากจนกระทั่งถึงขั้นที่รุนแรง หน้าตาท่าทางอะไรก็ไม่น่ารักทั้งนั้น จนถึงขั้นประทุษร้าย นี่ก็แสดงให้เห็นว่าเวลาที่อกุศลเกิดนั้น ไม่รู้เลย ถ้าใครกำลังเล่าเรื่องหนึ่งเรื่องใดด้วยความโกรธ คนฟังรู้ไหมว่าคนนั้นโกรธระดับไหน นี่ก็คือคนที่กำลังเล่าเรื่องที่เขาโกรธมากๆ เขาจะไม่รู้ตัวเลยว่าขณะนั้นกายเป็นยังไง วาจาเป็นยังไง สีหน้าเป็นยังไง ดุแค่ไหน แต่ว่าคนฟังดูก็รู้ตลอดเลยว่าความโกรธของเขาถึงระดับไหน นี่ก็เป็นเรื่องสภาพธรรมนี่แหล่ะ เราอาจจะคิดสิ่งที่ปรากฏภายนอก แต่ก็เป็นเรื่องราวเป็นตัวตน ไม่ใช่รู้ลักษณะจริงๆ ของธรรม ถ้ารู้ลักษณะจริงๆ ของธรรมๆ เป็นธรรม เป็นอื่นไม่ได้เลย และขณะนั้นก็ต้องเป็นสภาพธรรมที่สติระลึกด้วยจึงสามารถที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมนั้นได้


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 149


    หมายเลข 9669
    31 ส.ค. 2567