อยู่คนเดียวในโลก
ท่านอาจารย์ โลกคืออะไร ความหมายของโลกแท้จริงๆ ถึงที่สุดคืออะไร ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาเลยสักอย่างเดียว สักนิดเดียว โลกจะมีไหมคะ คำตอบคือไม่มีแน่นอน แต่เมื่อมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้น นั่นคือโลก เพราะว่าถ้าเราจะคิดถึงโลกที่อยู่ที่นี่ แล้วดูเหมือนว่า มีคนมากมาย มีสิ่งของเยอะแยะ แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็ไม่มี แต่ที่เกิดมีเป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ ก็เพราะเหตุว่ามีสิ่งที่เกิดขึ้น แม้เพียงสิ่งที่เล็กน้อยที่สุด สั้นที่สุด สิ่งนั้นก็เกิดแล้วเป็นโลกแล้ว เพราะเหตุว่ากว่าจะเป็นเราได้ กว่าจะเป็นสิ่งของสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ กว่าจะเป็นโลกได้ ก็ต้องมีหลายอย่าง ซึ่งเกิดแล้วรวมกัน เช่น ถ้ากล่าวถึงคนหนึ่งก็ต้องมีทั้งตา ทั้งหู ทั้งจมูก ทั้งลิ้น ทั้งร่างกาย ทั้งจิตใจ จึงจะกล่าวว่าเป็น ๑ คน หรือเก้าอี้สักตัวก็มีขา ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่า เก้าอี้ ได้ไหม
เพราะฉะนั้น กว่าจะเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ ก็ต้องหมายความว่า มีสิ่งที่เกิดขึ้นรวมกันหลายอย่าง จึงเข้าใจว่า มีโลก แต่ถ้าไม่มีสักหนึ่ง ขาไม่มี ๑ ก็เป็นเก้าอี้ไม่ได้ หรือที่จะกล่าวว่าเป็นสัตว์ บุคคล ถ้าไม่มีจิตใจ ไม่มีความรู้สึก ก็ไม่ใช่
เพราะฉะนั้น ก็แสดงให้เห็นว่า โลกคือทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริงๆ ที่เกิดขึ้นปรากฏ เพียงแค่คำเดียว คือคำว่า “โลก” ก็เป็นเรื่องน่าคิด ทั้งที่พูดคำนี้มาบ่อยๆ นานแล้ว แต่ถ้าจะให้เข้าใจจริงๆ ก็ต้องเป็นผู้ที่ละเอียดที่จะเข้าใจถูกต้อง
มีใครเคยคิดบ้างไหมว่า ทำไมเราถึงมาเกิดในโลกนี้ เพราะว่าบางคนสงสัยเรื่องสวรรค์ สงสัยเรื่องนรก ทั้งๆ ที่กำลังอยู่ในโลกนี้ ก็คิดถึงโลกอื่น ไม่น่าคิดหรือว่า ทำไมถึงมาเกิดที่นี่ ก็น่าคิด น่าคิดทุกอย่าง จนกว่าจะได้ฟัง แล้วค่อยๆ เข้าใจขึ้นว่า แท้ที่จริงแล้วสิ่งที่เป็นโลก หรือมีในโลกที่เกิดขึ้น ความจริงเป็นอะไร ถ้ามีแต่ที่เราใช้คำเรียกสมมติว่า ต้นไม้ ภูเขา โต๊ะ เก้าอี้ แต่ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครได้ยิน ไม่มีใครรู้เรื่องเลย จะมีโลกที่เป็นความคิดนึก หรือเป็นเราได้ไหม ก็ไม่ได้
เพราะฉะนั้น ที่ว่าเป็นโลก มีสิ่งที่มีจริงแน่นอน เช่น เสียง เสียงเป็นโลกหรือเปล่า เสียงเป็นโลก เพราะอะไรคะ โลกนี้มีเสียง ถ้ามองกลับกัน แต่เสียงที่มีเกิดขึ้นเป็นสิ่งหนึ่งแล้วก็ดับไป แต่ถ้าไม่มีการได้ยินเลย เสียงจะปรากฏได้ไหม ก็ไม่ได้ คือที่เรารวมๆ กันเป็นโลก ก็มีหลายๆ อย่าง หลายๆ สิ่งที่เราไม่รู้เลย ต้องค่อยๆ เข้าใจว่า สิ่งที่รวมกันเป็นโลกกำลังมีอยู่ในขณะนี้ ปรากฏให้เข้าใจได้ว่า มีโลก แต่เป็นโลกทางไหน เช่น ขณะนี้เห็น มีแน่นอน แล้วก็มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็นด้วย เป็นโลกของสีสันวัณณะต่างๆ ทำให้จำว่าเป็นอะไร แล้วคิดนึกเรื่องสิ่งนั้นมากมาย เป็นเหตุการณ์ต่างๆ ด้วย นี่ก็โลกหนึ่งสำหรับคนที่มีตา แต่ถ้าตาบอด โลกนี้ไม่มี จะกล่าวว่ามี ไม่ได้เลย
อีกทางหนึ่ง ก็คือเสียงที่กำลังได้ยินในขณะนี้เป็นโลกหรือเปล่า ก็ต้องเป็นอีกโลกหนึ่ง ต่างกับโลกทางตา คนที่หูหนวก โลกนี้ไม่มี เพราะฉะนั้น แต่ละคนก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ละทาง ก็เป็นแต่ละโลก
ถ้าศึกษาธรรม ก็จะได้ยินข้อความที่ว่า “อยู่คนเดียวในโลก” เริ่มรู้สึกแปลกๆ แล้วใช่ไหม ต่างกับที่เคยคิด เคยคิดว่าอยู่กับคนนั้น อยู่กับคนนี้ ที่นี่ก็มีตั้งหลายคน แต่ตามความเป็นจริงสิ่งที่จริง เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แม้แต่คำว่า “อยู่คนเดียวในโลก” ถ้ากล่าวถึงขณะนี้ เห็น เห็นคนเดียว หรือคนอื่นมาร่วมเห็นด้วยในขณะที่คนนี้กำลังเห็น ก็คนเดียว ได้ยิน เสียงปรากฏ ได้ยินเสียงนั้นคนเดียว หรือมีหลายๆ คนมาร่วมด้วยในขณะที่ได้ยิน
อ.อรรณพ ทุกคนก็ได้ยินเสียงเดียวกัน แต่ว่าเป็นคนเดียวในแต่ละโลก
ท่านอาจารย์ คนที่ไม่ได้ยินมีไหมคะ
อ.อรรณพ มี
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น คนนั้นจะมีโลกได้ยินไหม
อ.อรรณพ ไม่มี
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ขณะที่คนหนึ่งได้ยิน ได้ยินคนเดียวหรือเปล่า ไปรวมคนที่ไม่ได้ยินด้วยหรือเปล่า
อ.อรรณพ ไม่รวม
ท่านอาจารย์ ไม่รวมค่ะ เพราะฉะนั้น ในขณะที่ได้ยินก็เป็นโลกหนึ่งซึ่งเกิดปรากฏว่า มีเสียงจริงๆ แล้วมีได้ยินจริงๆ เท่านั้นเอง แล้วก็ดับไป
เพราะฉะนั้น ความหมายของโลก หรือโลกะ ในภาษาบาลี หมายความถึงทุกอย่าง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วดับไป เป็นโลกทั้งหมด