วันนี้มีกุศลรึยัง
ท่านอาจารย์ วันนี้คิดอะไรบ้างตั้งแต่เช้ามา ลองพิจารณาย้อนกลับไป ขณะที่คิดเป็นกุศล หรือคิดเป็นอกุศล ยังไม่รู้เลย ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วก็ขำระล้างร่างกาย แต่งตัวเรียบร้อยไปรับประทานอาหาร เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล คะ
ผู้ฟัง ดิฉันว่าเป็นกุศล
ท่านอาจารย์ ทุกคนเห็นด้วยหรือเปล่าคะ เป็นอกุศลค่ะ จริงๆ ค่ะ มีเหตุผลด้วย ทำไมเป็นอกุศล เพราะว่าลักษณะของโลภะ เป็นความติดข้อง ต้องการ เพียงแค่เห็น ติดในสิ่งที่เห็น ไม่รู้ตัวเลย บางคนก็เข้าใจว่า ต้องอยากได้มากๆ ต้องกระทำทุจริต หรือต้องไปแสวงหามาถึงจะเป็นโลภะ แต่ลักษณะของโลภะ เป็นสภาพที่ติดโดยไม่รู้ตัวเลย ตั้งแต่เกิดมาพอรู้สึกตัวก็ติดข้องในความเป็น จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ มีความติด มีใครอยากตายบ้างคะ แม้แต่สัตว์ก็ดิ้นรนที่จะหนีความตาย เพราะอะไรคะ เพราะติดข้องในความเป็น จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ มีความติดข้องโดยที่ไม่รู้ตัวเลย เราติดทั้งวัน ทั้งเดือน ทั้งปี กี่วัน กี่เดือน กี่ปี โดยไม่รู้จักว่า แท้ที่จริงแล้วมีสหายสนิทร่วมมาตั้งแต่เกิด บางแห่งจะใช้คำว่ามีครู และอาจารย์ ทั้ง ๒ อย่าง ใช้คำว่ากระซิบ ไม่ดังเลย แต่ทำตามตลอดเวลา ทุกอย่างที่เราทำ เพราะความต้องการทั้งหมด
ถ้าเป็นกุศลต้องเป็นไปในทาน การให้สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบุคคลอื่น เพื่อประโยชน์ของเขา ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของเรา บางคนก็ให้เพราะว่าได้บุญ ใช่ไหมคะ ตัวเองจะได้บุญ แล้วผลตอบสนองก็คือ ได้อะไรๆ ที่ดี เกิดบนสวรรค์บ้าง อะไรบ้าง คิดหวังเพื่อตัวเองแต่จริงๆ นั่นไม่ใช่บุญ ขณะที่หวังเป็นความติดข้อง ต้องการผล ไม่ใช่การสละ
เพราะฉะนั้น ทานคือการให้ ต้องเป็นการให้เพื่อประโยชน์สุขแก่คนอื่น ขณะที่ให้ด้วยการที่คิดที่จะให้คนอื่นเป็นสุข หรือให้เขาพ้นจากทุกข์ ขณะนั้นเป็นกุศล วันนี้มีหรือยังคะ ตั้งแต่ตื่นมา มีหรือยัง ถ้าไม่มี จะบอกว่าเป็นกุศลไม่ได้เลย ถูกมอมเมาด้วยโลภะจนไม่รู้ตัวเลย ว่าแท้ที่จริงแล้วก็อยู่ใต้อำนาจของโลภะ ครอบงำตลอดเวลา ทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าใช่ไหมคะ เมื่อกี้นี้ ที่ได้ยินคำว่า กุศล แต่ความจริงแล้วเป็น อกุศล เมื่อเช้านี้ รู้สึกขุ่นใจบ้างไหมคะ นิดเดียว ไม่มากแค่เห็นฝุ่น หรือเห็นอะไรก็ได้ กระทบอะไรก็ได้นิดๆ หน่อยๆ ขุ่นใจไหมคะ หรือดอกไม้ ถ้าคนเห็นว่าสวย ก็ติดข้อง แต่คนเห็นว่าไม่สวยก็ขุ่นใจ ก็ ๒ อย่าง ไม่โลภะ ก็ต้องโทสะ อยู่อย่างนี้แหละ แล้วก็ยึดถือว่าเป็นเรา แต่ความจริงก็เป็นสภาพธรรมซึ่งเกิดเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย ถ้าจะโยงไปก็ถึงปฏิจจสมุปบาท แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ชื่อเลย ถ้าเรามีความเข้าใจที่ถูกต้องว่าเป็นสภาพธรรมแต่ละอย่างซึ่งอาศัยกันเกิดขึ้นเป็นไป แต่ว่าต้องมีความเห็นที่ตรงถูกต้อง กุศลเป็นกุศล กุศลไม่ใช่เรา อกุศลก็ไม่ใช่เรา แต่กุศลเป็นธรรมที่มีจริง อกุศลก็เป็นธรรมที่มีจริง ผลของกุศลก็อย่างหนึ่ง ผลอกุศลก็อย่างหนึ่ง
เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องของธรรมตรงๆ ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ที่จะไปเป็นผู้จัดการโลก หรือว่าผู้จัดการธรรมได้เลย แต่ทรงแสดงสภาพธรรมตามความเป็นจริงของธรรมนั้นๆ
เพราะฉะนั้น ให้ทราบว่า ขณะใดที่ไม่เป็นไปในทาน ในศีล ในความสงบของจิต หรือในการศึกษาเพื่อเข้าใจถูกต้องในสภาพธรรม จนกระทั่งอบรมเป็นปัญญาที่สามารถที่จะดับกิเลสได้ ถ้าไม่ใช่เป็นไปอย่างนี้ ทุกขณะเป็นอกุศลประเภทหนึ่งประเภทใด เพราะว่าอกุศลมี ๓ ประเภท โลภมูลจิต จิตที่ประกอบด้วยโลภเจตสิก โทสมูลจิต จิตที่ประกอบด้วยโทสเจตสิก โมหเจตสิก แม้ไม่มีโลภเจตสิกเกิดร่วมด้วย ไม่มีโทสเจตสิกเกิดร่วมด้วย ก็มีโมหะ ความไม่รู้ลักษณะของสภาพนั้นๆ
เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นผู้ตรง ก็คือ วันนี้มีอกุศลมากหรือกุศลมากคะ เมื่อกี้นี้รู้สึกว่าเราจะมีเครื่องดื่มที่อร่อย เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล ขณะที่ดื่ม อกุศล ทีนี้ก็เริ่มเห็นตามความเป็นจริง เพื่อที่จะได้เจริญธรรมฝ่ายกุศลขึ้น มีหนทางที่เกิดจากความเข้าใจถูกต้อง ถ้ามีความเห็นถูก มีความเข้าใจถูก ทุกอย่างจะถูก ปัญญาจะนำไปในทางที่ถูก แต่ถ้าเห็นผิดก็นำไปผิด อย่างเข้าใจว่า อกุศลเป็นกุศล ก็ผิดแล้ว ก็จะนำต่อไปให้เป็นอกุศล โดยที่ว่าเข้าใจว่าเป็นกุศลที่จะละอกุศล แต่ความจริงไม่ใช่ ถ้าเป็นมิจฉาก็เป็นอกุศล ถ้าเป็นสัมมาถึงจะเป็นกุศล รู้จักตัวเองว่ามีอกุศล ก็ยังยังดีกว่ามีอกุศลแล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นอกุศล ทรงสรรเสริญไว้ ผู้ที่มีอกุศลแล้วรู้ ดีกว่าผู้ที่แม้มีกุศลก็ยังไม่รู้
ทีนี้เราก็จะมีเมตตาเพิ่มขึ้น ใช่ไหมคะ ทุกคนเหมือนกันหมด รักสุข เกลียดทุกข์ ทุกคนอยากจะได้สิ่งที่ดี อยากจะเห็น อยากจะได้ยิน อยากจะได้กลิ่น อยากจะลิ้มรส อยากจะรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส เราอย่างไร เขาก็อย่างนั้น พอที่จะแบ่งบันให้ได้ เราก็แบ่งบันไปเลยทันที ก็ทำให้กุศลจิตของเราเกิดได้เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะในเรื่องของทาน ในเรื่องของศีล ศีลก็เป็นเรื่องของกาย วาจา ใครที่เคยพูดไม่ดีบ่อยๆ คนอื่นฟังแล้วไม่สบายใจ ถ้าเราเป็นคนนั้นที่ได้ยิน จะเป็นอย่างไร เราก็อาจจะเปลี่ยนเสียง เปลี่ยนคำพูด ก็เป็นกุศลในขณะนั้น วันหนึ่งๆ ถ้าเข้าใจมีกุศลได้มาก เพราะแม้แต่เมตตา ความเป็นมิตร พร้อมที่จะช่วยบุคคลอื่น ก็เป็นกุศลที่เจริญได้ แต่กุศลที่ประเสริฐสุดก็คือการเข้าใจพระธรรม