อยู่คนเดียวกับความคิด
เมื่อวานนี้จนมาถึงวันนี้ จิตเกิดดับนับได้ไหม แล้วเป็นอย่างนี้สืบต่อกัน ชาติก่อนกับชาตินี้ใกล้กันมากเลย ถ้าเกิดเป็นเทวดา หรือว่าจากชาตินี้ไปเกิดเป็นเทวดา ไม่นานก็เห็นอีกแล้ว ไม่นานเลย เห็นอีก ได้ยินอีก
เพราะฉะนั้น เห็นๆ ๆ ๆ ๆ ในแต่ละชาติก็สืบต่อมาจนกระทั่งถึงเดี๋ยวนี้ นานแสนนานท่าไรก็คือว่า ยังไม่มีปัจจัยที่จะดับการเห็น การเห็นก็ต้องเกิด
เพราะฉะนั้น ความคิดของผู้ที่เป็นพระโพธิสัตว์กับความคิดของชาวโลกต่างกัน ชาวโลกไม่เคยคิดเลยว่าธาตุที่เกิด มีปัจจัยเกิด เกิดไปอย่างนี้ แล้วเมื่อไรจะดับหมด ไม่ต้องเกิดอีก แต่พระโพธิสัตว์ท่านคิด สิ่งที่มีปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้นอย่างนี้ เมื่อไรจะดับได้ ไม่ต้องเกิดอีก ความคิดไม่เหมือนกัน นานจนไม่ต้องนับ นับก็นับไม่ไหว ว่ากี่ขณะมาแล้ว วันนี้ แล้วกัปหนึ่งจะนานแค่ไหน
ข้อสำคัญก็คือ ทุกคนต้องตายแน่นอน วันไหนก็ไม่ทราบ ถ้าเราไม่สะสมปัญญาไว้ ต่อไปก็ไม่มีปัญญา เวลาฟังพระธรรมก็ไม่เข้าใจ แต่ถ้าเราสะสมปัญญาตั้งแต่ขณะนี้ ต่อไปเวลาที่เราได้ยินได้ฟังพระธรรม เราก็เข้าใจเร็วขึ้น คนที่เข้าใจพระธรรม เห็นคุณค่าแล้ว เอาอะไรมาแลก ยอมไหมคะ เพชรนิลจินดา ทรัพย์สมบัติทั้งหลายก็ต้องทิ้งไว้ในโลกหมด แต่สิ่งที่จะติดตามไปได้คือความรู้ ความเข้าใจถูกต้องในพระธรรม ในธรรมที่กำลังปรากฏ ไม่มีสิ่งอื่นใดที่จะทำให้เราเข้าใจว่า สิ่งที่มีค่าสูงสุดในชีวิตของเรา ก็คือ พระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดง เพราะว่าทุกคนมีโอกาสที่จะได้ยิน ได้ฟัง ได้ไตร่ตรอง แต่ก็แล้วแต่บุญกรรม เพราะว่าคงจะมีอีกหลายคนซึ่งไม่มีโอกาสได้ทราบแล้วก็ได้ฟังวิทยุ แล้วก็ไม่เคยสนทนากันในเรื่องนี้ แต่ว่าถ้าสะสมศรัทธา ความเห็นที่ถูกต้องว่า ในชีวิตของเรา เรามีปัญญาที่จะรู้ความจริงแล้วหรือยัง ถ้าไม่มี เราก็เกิดมาแล้วก็เป็นสุขเป็นทุกข์ไปวันหนึ่งๆ แล้วก็จากโลกนี้ไป แต่ว่าสิ่งที่เราได้จากการมีชีวิตในโลกนี้ ก็คือโลภะบ้าง โทสะบ้าง โมหะบ้าง แล้วก็กุศลเพียงเล็กๆ น้อยๆ นิดๆ หน่อยๆ แต่ถ้ามีความเข้าใจพระธรรมก็จะติดตามไป มีโอกาสที่เราสามารถที่จะได้ยินได้ฟังต่อไป แล้วก็เข้าใจต่อไปว่า ทรัพย์สมบัติก็เอาไปไม่ได้ ญาติพี่น้อง มิตรสหาย ก็ติดตามไปไม่ได้ เพราะว่าจริงๆ แล้วทุกคนเกิดมาคนเดียวด้วยกรรมของแต่ละคน ไม่ใช่กรรมของคนอื่น แล้วก็แม้แต่ขณะที่เกิดมาแล้ว แล้วถ้าฟังพระธรรมต่อไป จะทราบว่า อยู่คนเดียวกับความคิดนึกของตัวเองทั้งวัน ตลอดชีวิต ขณะที่เห็น เห็นคนเดียว หรือว่าคนอื่นมาเห็นด้วย ในขณะที่กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ แต่ละคน มีคนอื่นมาเห็นด้วยหรือเปล่า ไม่มีเลย เกิดมาก็เห็นคนเดียว ได้ยินคนเดียว คิดคนเดียว อยู่คนเดียว แต่ในความคิดไม่ใช่คนเดียว คิดถึงคนโน้นบ้าง คิดถึงคนนี้บ้าง จนเต็มโลก เดี๋ยวคิดถึงญาติพี่น้อง เดี๋ยวคิดถึงมิตรสหายเพื่อนฝูง คิดทุกวัน หารู้ไม่ว่า แท้ที่จริงแล้วก็เป็นคนเดียวนั่นแหละที่คิดเรื่องต่างๆ ถ้าคิดถึงคนหนึ่ง ก็มีคนเดียว ถ้าคิดถึงอีก ๒ คน ๓ คน ก็มีอีก ๒ คน ๓ คน จนในที่สุดก็เป็นเรื่องเป็นราวทั้งหมด ตามความคิด แต่พอหยุดคิด หายไปไหนแล้วคะ คนในความคิดไม่มีเลย ฉันใด คนในความคิดจะมีก็ต่อเมื่อเกิดคิดขึ้น พระธรรมเป็นสิ่งที่มีจริงแล้วก็ปรากฏ แต่ยากที่จะรู้ ต้องอาศัยการฟังแล้วฟังอีก ฟังแล้วฟังอีก ทุกท่านที่จะเข้าใจพระธรรม หรือเข้าใจสภาพธรรมต้องเป็นพหูสูตร ผู้ที่ฟังมาก ฟังครั้งเดียวไม่พอ