สมชื่อว่าชาวพุทธ
ถ้ากล่าวถึงชาวพุทธ แล้วไม่ได้เข้าใจธรรม เป็นชาวพุทธโดยเกิดในประเทศที่มีคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ไม่มีผู้ใดศึกษา หรือเป็นประเทศที่มีผู้ศึกษาจนสามารถเข้าใจถูก เห็นถูก แล้วไม่ใช่เป็นแต่เพียงชาวไทย หรือชาวอะไรก็ได้ ไม่จำกัดเลย ที่เข้าใจธรรมแล้วก็เป็นชาวพุทธ
เพราะฉะนั้น ชาวพุทธก็ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทย ชาวอังกฤษก็มี ชาวแคนาดาก็มี อิตาลีก็มี ก็แล้วแต่บุญของใครที่มีโอกาสได้เข้าใจธรรม ได้ศึกษาจนกระทั่งเป็นผู้ที่เข้าใจความหมายของ “พระพุทธศาสนา” ศาสนาคือคำสอน ของใคร ศาสดาไหน พุทธะ คือ ผู้ตรัสรู้ ไม่ใช่ผู้มีปริญญาตรี ปริญญาเอกสาขาวิชาต่างๆ หรือผู้สามารถทำอะไรน่าอัศจรรย์ น่าประหลาด อยู่ตรงนี้ เดี๋ยวก็ไปตรงโน้น เครื่องบิน หรืออะไร อย่างนั้นไม่ใช่ แต่เป็นผู้รู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่า โลกวุ่นวาย และมีปัญหาเพราะความไม่รู้ แต่โลกก็คือโลก หลากหลายมาก สารพัดอย่างในโลก เสียงก็มี กลิ่นก็มี เรื่องก็มี โลกก็มี โกรธก็มี ริษยาก็มี มีหมดทุกอย่างที่เป็นความจริง แต่รู้ไหมว่า เพียงชั่วคราว เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป แล้วไม่ใช่ใครทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้น พระพุทธศาสนาก็คือคำสอนของผู้ที่ทรงตรัสรู้ ที่ได้ทรงแสดงความจริงสำหรับผู้ที่ได้สะสมบุญมาแล้วแต่ปางก่อน ชาตินี้เป็นชาติก่อนของชาติหน้า กำลังสะสมบุญหรือเปล่าคะ ที่จะมีโอกาสได้ฟัง และได้เข้าใจ และเห็นประโยชน์ เมื่อเกิดอีกก็มีปัจจัยที่จะทำให้รู้ว่า เกิดมาแล้วตลอดชีวิตมีอะไรที่เป็นสาระ ทรัพย์สินเงินทอง มิตรสหาย ผู้เป็นที่รัก ผู้ที่เป็นที่ชัง ทั้งหมดอยู่ไหน ถ้าไม่คิด เริ่มเข้าใจแล้ว จิตคิดมาอีกแล้ว อีกจิตหนึ่ง นอกจากจิตเห็น จิตได้ยิน ก็ยังมีจิตคิดด้วย เพราะว่าคิดคือกำลังรู้สิ่งที่ปรากฏ จะโดยรูปร่างสัณฐานว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด หรือจะโดยเสียงสูงๆ ต่ำๆ แล้วสามารถเข้าใจความหมายได้ หรือโดยการจำไว้ว่า สิ่งนี้ รูปร่างอย่างนี้ใช้สำหรับทำอะไร นี่ก็คือทั้งหมดคือคิด
ด้วยเหตุนี้โลกหลากหลายเพราะจิตประเภทต่างๆ ต้องไม่ลืมว่า สิ่งหนึ่งสิ่งใดจะเกิดขึ้น ไม่มีใครเนรมิต ไม่มีใครไปสั่ง ไม่มีใครบอกให้เกิด แต่เมื่อมีปัจจัยที่เกื้อกูลสนับสนุนกัน และกันทำให้สิ่งนั้นเกิด สิ่งนั้นต้องเกิด และเกิดแล้วด้วย ทุกอย่างที่ปรากฏเกิดแล้ว แล้วมีสภาพที่ต่างกัน เกิดแล้วไม่รู้อะไร อย่างหนึ่ง และเกิดแล้วต้องรู้ เห็น ไม่เห็นไม่ได้ มีปัจจัยที่เห็นเกิด แต่ถ้าตาบอด ไม่มีปัจจัยให้เห็นเกิด เห็นก็เกิดไม่ได้ สิ่งที่ปรากฏให้เห็นก็ปรากฏไม่ได้
เพราะฉะนั้น ทุกอย่างที่มี ก็ต้องรู้ว่า เมื่อเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย ไม่ใช่ใครสามารถดลบันดาลได้เลย
เพราะฉะนั้น ธรรมก็เป็นเรื่องที่ละเอียด ลึกซึ้ง และการมีความเห็นถูก ความเข้าใจถูกก็ทำให้ละชั่ว เพราะว่าถ้าไม่มีความรู้ อะไรละ เราละไม่ได้ เพราะชั่วแล้ว มีเห็นก็ชั่วแล้ว เพราะไม่รู้ว่า เห็นไม่ใช่เราเลย เป็นความไม่รู้ความจริงของสิ่งที่เพียงเกิดขึ้นแล้วดับไป
เพราะฉะนั้น พระธรรมจึงลึกซึ้ง ไม่ใช่เพียงแต่ประโยคเดียว แล้วเราก็ผ่านไป แล้วไม่รู้ว่า ละชั่ว ละเมื่อไร ละได้อย่างไร และอะไรละ ก็คิดว่า พอบอกให้ละ ก็ละไปได้เลย เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้ละเอียดจริงๆ และค่อยๆ เข้าใจ เข้าใจเมื่อไร เห็นพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ พระมหากรุณาคุณ สมชื่อว่า “ชาวพุทธ” เพราะเหตุว่ารู้คุณของพระรัตนตรัย