ยังต้องเลี้ยงดูบุคคลอื่น
ชาตินี้เลี้ยงคนนี้ไว้นานไหมคะ ไม่ได้เลี้ยงคนอื่น เลี่ยงขันธ์ ๕ ของแต่ละคน ถูกต้องไหมคะ รูปขันธ์ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เลี้ยงอย่างดี เวทนาขันธ์ ความรู้สึก แสวงหาแต่ความสบาย ความสุขทั้งนั้นเลย ทุกอย่างเป็นไปเพื่อความสุข ไม่ได้ต้องการอะไรเลย ไม่ต้องการความทุกข์แน่ๆ แต่ความรู้สึกเป็นทุกข์ก็มี หรือถ้าไม่สุข ก็ขอเพียงเฉยๆ ก็ยังเอา เพราะเหตุว่าต้องเลี้ยงดูขันธ์ ๕ ไม่มีทางหยุดเลี้ยงดูขันธ์ ๕ ได้เลย มีรูปขันธ์ มีเวทนาขันธ์ มีสัญญาขันธ์ มีสังขารขันธ์ มีวิญญาณขันธ์ ชื่อทั้งนั้นค่ะ แต่ความจริงก็คือธรรมทั้งหมดทีละ ๑ ถ้าฟังแล้วเข้าใจว่า ไม่ใช่ของเรา ใช้คำว่า “ขันธะ” ก็คือว่างเปล่าจากสาระ จากความเป็นตัวตน สิ่งที่มี มีจริงๆ ไม่ใช่ไม่มี แต่มีชั่วคราวให้หลง ให้ติด แล้วก็ดับไป
เพราะฉะนั้น พระอรหันต์ท่านจึงกล่าวว่า ท่านไม่เลี้ยงคนอื่นอีกต่อไป เพราะชาตินี้ก็เลี้ยงคนนี้อยู่แล้ว เลี้ยงอย่างดี แต่ชาติหน้าถ้ายังมีกิเลสอีก ก็เลี้ยงคนอื่นนั่นแหละ ที่จะเกิดเป็นคนอื่นต่อไป เลี้ยงไปเรื่อยๆ ทุกชาติจริงๆ และด้วยความลำบากยากเย็น แต่ไม่เคยรู้สึกเลยว่า แท้ที่จริงมีภัยอยู่ตลอดเวลา แต่มองไม่เห็น
เพราะฉะนั้น ผู้ที่หมดกิเลสแล้วเป็นผู้ที่ไม่ต้องเลี้ยงคนอื่นอีกต่อไป จนกว่าจะเป็นอย่างนั้น
นี่คือการบูชาสูงสุดด้วยความเคารพอย่างยิ่ง ด้วยการฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจ เพื่อจะมีมีความเข้าใจที่จะทำให้ประพฤติปฏิบัติตาม เป็นคนดี แต่จะดีขึ้นเมื่อได้เข้าใจธรรม จะไม่สามารถเข้าใจได้เอง โดยไม่ศึกษาธรรม
เพราะฉะนั้น แต่ละคำที่ได้ยิน สำหรับคิด ไตร่ตรอง และเข้าใจสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ