ช่วยชาติให้พ้นภัย


    ท่านอาจารย์ เมื่อวานนี้ก็มีการสนทนาเรื่อง “ช่วยชาติให้พันภัย” คงไม่ลืมว่า ทุกอย่างเป็นธรรม เพราะฉะนั้น ต้องศึกษาจริงๆ ได้ยินคำว่า “ชาติ” ภาษาบาลีใช้คำว่า “ชา – ติ” ภาษาไทยก็สะกดอย่างนั้น เขียนอย่างนั้น เดี๋ยวนี้มีอะไรเกิดหรือเปล่า ต้องเกิด ถ้าไม่เกิดไม่มี

    เพราะฉะนั้น ในขณะนี้เองไม่ว่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ปรากฏ สิ่งนั้นเกิด ชาติ เกิดแล้วเป็นแต่ละหนึ่งๆ ในที่นี้ ถูกต้องไหมคะ และแต่ละหนึ่งคือจิต เจตสิก รูปเกิดดับสืบต่ออยู่ตลอดเวลา

    เพราะฉะนั้น ช่วยชาติ ช่วยใคร ช่วยจิต เจตสิก รูปที่เกิดแล้วให้เป็นไปในทางที่ไม่มีภัย

    เพราะฉะนั้น การที่แต่ละหนึ่ง ซึ่งเกิดมาเป็นแต่ละคน จะพ้นจากภัยได้ก็ด้วยกุศลธรรม เพราะว่าอกุศลธรรม โลภะ โทสะ โมหะ ไม่ว่าเกิดกับใครเมื่อไร ไม่สามารถนำสิ่งที่พ้นจากภัยให้ได้ แต่นำภัยมาให้บุคคลนั้นเอง จากกรรมที่ได้กระทำแล้วที่เป็นอกุศลต่างๆ

    เพราะฉะนั้น กุศลธรรมทั้งนั้นที่จะช่วยให้ผู้ที่เกิดมาแล้วพ้นจากภัย ตั้งแต่ความทุกข์ยาก ลำบาก จนกระทั่งจิตใจที่ขุ่นมัว เศร้าหมอง เต็มไปด้วยขยะ คืออกุศลฝ่ายไม่ดี ทั้งโลภะ โทสะ โมหะ นั่นก็ประการหนึ่ง แต่ว่าธรรมไม่ได้สิ้นสุดเพียงแค่ช่วยให้คนอื่นพ้นจากความทุกข์ยาก หรือช่วยตัวเองให้ทำสิ่งที่ดี เข้าใจความจริงของสิ่งที่ปรากฏ แต่ยังช่วยมากกว่านั้น คือความดีทั้งหมดช่วยได้ แต่อกุศลธรรมทั้งหมดช่วยไม่ได้ แต่ความดีเหนือสิ่งอืนใดก็คือปัญญา ความเห็นถูก ช่วยชาติ คือการเกิดมาแล้วเป็นแต่ละคนให้พ้นจากภัยที่จะต้องเกิดอีก ดีไหมคะ ถ้าไม่เกิด ไม่มีภัยใดๆ เลยทั้งสิ้น แต่เมื่อเกิดแล้ว ที่จะพ้นภัย ถ้าเป็นผลของกรรมไม่ดีที่ได้ทำแล้ว เป็นภัยทั้งหมด แต่ขณะใดก็ตามที่เป็นผลของกุศลกรรม ไม่เป็นภัยเลย

    เพราะฉะนั้น ในขณะที่กำลังฟังพระธรรม เป็นการช่วยชาติ คือแต่ละคนให้พ้นจากภัย คือความไม่รู้ ความไม่เข้าใจ แม้แต่การเกิดขึ้นเป็นอย่างนี้ในโลกนี้ และชีวิตก็ดำเนินไปยับยั้งไม่ได้ ไม่มีใครสามารถหยุดไม่ให้จิต เจตสิก รูปเกิดอีกต่อไป ใครทำได้ ไม่ได้เลย แต่จิต เจตสิกที่เกิดเป็นสาระ หรือไม่เป็นสาระ คือประกอบด้วยสภาพธรรมที่ไม่ดี เป็นอกุศล โลภะ โทสะ โมหะ มานะ ความสำคัญตน ความริษยาในสิ่งที่บุคคลอื่นได้รับในสิ่งดีๆ หรือความมัจฉริยะ ความตระหนี่ ทุกสิ่งทุกอย่างมองไม่เห็นว่าเป็นธรรมแต่ละหนึ่ง ซึ่งเป็นอกุศลธรรม ผู้ที่รู้ว่าไม่ดี ก็ไม่สามารถยับยั้งไม่ให้สิ่งที่ไม่ดีนั้นเกิดขึ้น เพราะเหตุว่าความรู้ความเข้าใจยังไม่พอที่จะละความติดข้อง ยังคงยึดถือว่าเป็นเรา

    เพราะฉะนั้น การฟังธรรม ในขณะที่ฟังต้องฟังด้วยความตั้งใจที่จะเข้าใจสิ่งที่ได้ฟัง เพราะว่าสิ่งที่ได้ฟังไม่มีวันจบ เพราะสภาพธรรมไม่มีวันจบ

    เพราะฉะนั้น พระธรรมที่ทรงแสดงก็ทรงแสดงความจริงทั้งปวงของสภาพธรรมทั้งปวงให้เข้าใจสภาพธรรมขึ้น ตอนนี้ที่กำลังฟังเข้าใจธรรม ช่วยชาติให้พันภัยหรือเปล่าคะ

    พระ เราจะเอาอะไรมาช่วยชาติ

    ท่านอาจารย์ ต้องรู้ชาติ ชา – ติ ขณะนี้กำลังมีเจ้าค่ะ คือ เห็นแล้วดับไปแล้ว กุศลจิตหรืออกุศลจิตเกิด ถ้าอกุศลจิตเกิดขณะนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะจะนำไปสู่อกุศลกรรม การทำทุจริตต่างๆ

    เพราะฉะนั้น ที่จะช่วยได้ ก็คือกุศลธรรมเท่านั้นที่ต่างจากอกุศลธรรม และในบรรดากุศลธรรมทั้งหมด ปัญญาประเสริฐสุด เพราะสามารถเห็นถูก เข้าใจถูกในแต่ละคำ ซึ่งกล่าวถึงสิ่งที่มีจริงๆ เช่น ชา – ติ การเกิด มีอยู่ในขณะนี้แน่นอน จิตเห็นเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป จึงเป็นขณิกมรณะ ความตายทุกขณะ เวลาที่เราพูดถึงความตาย หมายความว่า สิ่งนั้นหรือบุคคลนั้นไม่ได้กลับมาอีกเลย ใครตายเดี๋ยวนี้ สิ้นสุดคความเป็นบุคคลนี้ จะขอกลับมาเป็นบุคคลนี้ด้วยจำนวนเงินมหาศาลเท่าไร ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเหตุว่าเป็นธรรม ซึ่งขณะจิตสุดท้ายก็เกิดเพราะกรรมเป็นปัจจัย ถ้ายังไม่ถึงกาลที่จิตนี้จะเกิด อย่างไรก็ตายไม่ได้ หลายคนก็คงจะเห็นผู้ได้รับอุบัติเหตุ ก็หาย ถ้ายังไม่ถึงเวลาของกรรมที่ทำให้สิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้

    เพราะฉะนั้น ในขณะที่จิตเห็นเกิด เป็น ชา – ติ ในขณะที่จิตเห็นดับไป เป็นมรณะ เราใช้คำบ่อยๆ เกิดเมื่อไรคะ แล้วตายเมื่อไร แต่จริงๆ แล้วเห็นเกิดแล้วเห็นก็ตายทันที ที่ทำหน้าที่เห็นแล้วก็ดับไป

    เพราะฉะนั้น พระธรรมที่ทรงแสดงไว้ก็คือการหมดสิ้นไป ดับไป ไม่กลับมาอีกของธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดขึ้นแต่ละขณะนั้น เป็นขณิกมรณะ


    หมายเลข 9862
    19 ก.พ. 2567