โพธิปักขิยธรรม


    ท่านอาจารย์ โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ไม่ใช่อกุศล อกุศลจะเป็นโพธิปักขิยธรรมไม่ได้ ขอเชิญคุณสุภีร์ให้ความหมายของโพธิปักขิยธรรม

    อ.สุภีร์ คำว่า “โพธิปักขิยธรรม” ก็แยกออกมาเป็น ๓ ศัพท์ด้วยกัน โพธิ + ปักขิย + ธรรม สำเร็จรูปเป็น โพธิปักขิยธรรม คำว่า โพธิ หมายถึงการตรัสรู้ ได้แก่เป็นมรรค ที่เราอาจจะเคยได้ยิน “ปักขิย” ก็คือ เป็นฝ่าย ฝ่ายทางตรัสรู้ ปักขิย แปลว่าเป็นฝ่าย ฝ่ายนี้ โพธิปักขิย ก็คือ ฝ่ายของการตรัสรู้ ฝ่ายของมรรคที่จะดำเนินไปถึงการตรัสรู้ ส่วนธรรม ก็คือสภาพธรรมที่มีจริงนั่นเอง เพราะเหตุว่าธรรมเป็นคำกลางๆ มีสิ่งที่ดีก็ได้ ไม่ดีก็ได้ แล้วแต่ แต่ว่าถ้าเป็นโพธิปักขิยธรรม เป็นธรรมที่เป็นฝ่ายของการตรัสรู้ หรือว่าเป็นฝ่ายของมรรค เชิญท่านอาจารย์ครับ

    ท่านอาจารย์ กำลังเริ่มจะมีบ้าง แต่ยังไม่ครบ อย่างสติปัฏฐานจะเกิดหรือยังไม่เกิด อย่าไปกังวล หรืออย่าไปพยายาม แต่ขึ้นอยู่กับความเข้าใจ ถ้ามีความเข้าใจเพิ่มขึ้นๆ ๆ ๆ วันหนึ่งสติสัมปชัญญะซึ่งเป็นสติปัฏฐานก็เกิด เพราะว่าถ้าไม่มีสติปัฏฐานแล้วที่จะทำให้รู้แจ้งอริยสัจธรรม เป็นไปไม่ได้เลย เพราะสติปัฏฐานก็รวมอยู่ในส่วนของธรรมที่เป็นฝ่ายของการตรัสรู้ คือ โพธิปักขิยธรรม

    เพราะฉะนั้น จะเห็นความต่างของการเพียงรู้ชื่อ กับการเข้าใจจริงๆ ในความเป็น โพธิปักขิยธรรม แล้วก็ต้องเป็นความเข้าใจคือปัญญาของเรา ไม่ใช่อยู่ในหนังสือแล้วก็อธิบาย แล้วเราก็คิดว่า นั่นเป็นความเข้าใจของเราแล้ว แต่ความจริงไม่ใช่ นั่นเป็นเพียงสิ่งที่จะทำให้เราไตร่ตรอง พิจารณาจนพระทั่งรู้ลักษณะแท้ๆ ของสภาพธรรมแต่ละหมวด ซึ่งเป็นโพธิปักขิยธรรม เ

    เพราะฉะนั้นการศึกษาจึงต้องละเอียด เพียงแต่รู้ว่า ธรรมที่จะเป็นฝักฝ่าย ที่จะทำให้รู้แจ้งอริยสัจธรรมจะขาด ๓๗ ประการนี้ไม่ได้

    เพราะฉะนั้น สติที่เป็นสติปัฏฐาน กับสติที่เป็นสัมมาสติในมรรคมีองค์ ๘ นับแล้วก็คือว่า เจริญขึ้นจนถึงความเป็นสติสัมโพชฌงค์ ก็เป็นเรื่องของสภาพธรรมที่เป็นจิต เป็นเจตสิก เป็นรูป แต่ว่าสภาพธรรมที่จะเจริญที่จะทำให้รู้แจ้งได้ก็ต้องเป็นฝ่ายนามธรรม


    หมายเลข 9871
    18 ส.ค. 2567