ถ้าไม่มีปัญญาทำอะไรก็ผิด


    ผู้ฟัง อาจารย์บอกว่า อรูปฌาน มีกำลังจิตเข้ม ตัดตัวโลภะได้ ใช่ไหมครับ แต่ก็ไม่สิ้นอาสวะ ไม่หลุดพ้น

    ท่านอาจารย์ หมายความว่าผู้ที่จะเจริญ สมถภาวนา เป็นผู้ที่เห็นโทษของโลภะ

    ผู้ฟัง ตั้งแต่รูปฌาน

    ท่านอาจารย์ ผู้ที่อบรมเจริญสมถภาวนา เพราะเขารู้ว่า ตลอดวัน จิตประเภทไหนเกิดมากกว่ากัน

    ผู้ฟัง โลภะเกิดบ่อย

    ท่านอาจารย์ มากกว่าโทสะ ใช่ไหมคะ แล้วเคยเห็นโทษไหมคะ ทุกข์ทั้งหลายมาจากความติดข้องในสิ่งที่ปรากฏ

    ผู้ฟัง นานๆ เห็นครั้ง ไม่ได้เห็นบ่อย

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ไม่ได้อบรมเจริญสมถภาวนา แต่ในครั้งโน้น ก่อนการตรัสรู้ ผู้ที่มีปัญญาเห็นโทษของความติดข้อง แล้วรู้ว่า มีหนทางเดียวที่จะละความติดข้องด้วยกุศลจิตที่มั่นคง ตั้งมั่นในอารมณ์หนึ่ง โดยการตรึกหรือระลึกถึงอารมณ์ที่ทำให้จิตสงบ เพราะฉะนั้น จึงต้องมีองค์ คือ วิตกเจตสิก อารมณ์ที่ทำให้จิตสงบ ไม่ใช่อารมณ์ที่เราต้องการ นี่ต่างกัน

    ผู้ฟัง ไม่ข้องแวะกับอารมณ์ภายนอก

    ท่านอาจารย์ แต่ต้องรู้ว่า อารมณ์อะไรทำให้จิตสงบ นี่ต้องมีปัญญาอีกระดับหนึ่ง

    เพราะฉะนั้น สมถภาวนา และวิปัสสนาภาวนา จะเกิดไม่ได้เลย อบรมไม่ได้เลย เจริญไม่ได้เลย ถ้าปราศจากปัญญา แต่เป็นปัญญาต่างขั้น

    เพราะฉะนั้น ถ้าศึกษาพระอภิธรรม จะทราบว่า มหากุศลญาณสัมปยุตต์เท่านั้นที่เป็นการอบรมเจริญสมถภาวนา และวิปัสสนาภาวนา มหากุศลญาณวิปยุตต์ไม่มีทาง

    ผู้ฟัง อย่างนี้เขาเรียก สมถะ ใช่ไหมคะ ถ้ายังใช้ที่ภาวนาพุทโธ อะไรอย่างนี้ ถามว่าภาวนาทำไม คือ ท่านสอนให้ใช้อานาปานสติ อันนี้ค่ะที่เคยทำ

    ท่านอาจารย์ รวมความว่าไม่ใช่ปัญญาของเราเลย

    ผู้ฟัง ที่จะได้ก็คือ ความสงบ

    ท่านอาจารย์ แต่ความสงบจริงๆ ต้องเป็นกุศล ถ้าเราไม่รู้ว่า จิตที่เป็นกุศลเป็นอย่างไร ต่างกับอกุศลจิตอย่างไร เราไปเรียกเอาเองว่า สงบ แต่ความจริงไม่ใช่

    เพราะฉะนั้น ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับความเห็นถูก ความเข้าใจถูก จึงเป็นปัญญา ถ้าไม่มีปัญญาแล้ว จะทำอะไรๆ ก็ต้องผิด อย่างทางโลกๆ ธรรมดา เรามีแม่ครัวที่ทำครัวไม่เป็น จะเป็นอย่างไรคะ สิ่งที่ออกมา แกงมัสมั่น ก็กลายเป็นแกงอะไรก็ไม่ทราบ เพราะฉะนั้น ทุกอย่างต้องเป็นความรู้จริงในสิ่งนั้น ไม่ว่าเราจะเรียนดนตรี หรือว่าตัดเสื้อ หรือทำอะไรก็ตามแต่ ต้องเป็นความรู้ความเข้าใจจริงๆ

    เพราะฉะนั้น ในเรื่องของธรรม ถ้าขั้นต้นเรายังไม่รู้ว่า ธรรมคืออะไร อะไรเป็นธรรม แล้วเราจะไปทำอะไร นอกจากเขาบอก เขาบอกทั้งหมด แล้วเราก็ฟัง แต่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เราเป็นอย่างนี้ การฟังต้องพิจารณาจนกระทั่งเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องในสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง เทียบเคียงกับสิ่งที่มีจริงๆ ถ้าเขาบอกว่า ทุกอย่างเที่ยง ฟังแล้วเชื่อไหม เพราะคนที่พูดอย่างนี้มี

    ผู้ฟัง แต่ก่อนการทำสมาธิ หรืออะไรก็ตาม เขาก็จะสอนการพิจารณาทุกอย่างเหมือนกัน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    ท่านอาจารย์ แล้วเป็นปัญญาของเราหรือเปล่า หรือเพียงแต่จำเขาว่า ตอนนี้เป็นจุดสำคัญที่ต้องเริ่มด้วยให้เรามีปัญญาของเราตั้งแต่ต้น ถ้าปัญญาขั้นต้นไม่มีแล้ว ไปทำวิปัสสนา วิปัสสนานี้สุดยอด คือ การประจักษ์แจ้งลักษณะที่เกิดดับของสภาพธรรม ในขณะนี้ ถ้าทำอย่างอื่นทั้งหมดไม่สามารถที่จะรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ จริงๆ ไม่ใช่วิปัสสนา เราไปถูกเขาตั้งชื่อว่า วิปัสสนา แต่ว่าความจริง สิ่งนั้นไม่ใช่วิปัสสนา

    เพราะฉะนั้น จึงต้องศึกษาธรรม พระพุทธศาสนา คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเราต้องศึกษา วิชาอื่นเรายังต้องศึกษาเลย ทุกวิชาเราเรียนกันมา ต้องศึกษาทั้งนั้น มีครูบาอาจารย์ของแต่เฉพาะวิชา พอถึงพุทธศาสนาเราไม่ศึกษา แล้วเราบอกว่ารู้แล้ว เข้าใจแล้วหรือ ไม่ต้องศึกษาก็ได้ หมายความว่าเราประมาทพระปัญญาคุณอย่างมหาศาล ที่คิดว่า พระพุทธศาสนาของเราไม่ต้องศึกษาก็เข้าใจได้ ที่จริงแล้วเมื่อเป็นคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว การที่จะเข้าใจได้ต้องศึกษาโดยละเอียดจริงๆ ต้องโดยละเอียดด้วย เพียงเผินๆ ก็เข้าใจผิดได้

    เพราะฉะนั้น ถ้ายังไม่เกิดปัญญา จะไปทำอะไรก็เสียเวลา เพราะอย่างไรๆ ปัญญาก็ไม่เกิด

    ผู้ฟัง ถ้าอย่างนั้นเห็นตามวัดที่ใหญ่ๆ ท่านสอนอย่างนี้ อย่างเช่นวัดป่าแห่งหนึ่งที่เมืองกาญจน์ ท่านก็สอนอย่างนี้ ท่านก็มีการสอนวิธีเดินจงกรม อะไรพวกนี้ แล้วขณะที่สอน ท่านก็สอนให้พิจารณาทุกอย่างด้วยเหมือนกัน ดิฉันก็ไม่ทราบว่า ถ้าถามว่าเกิดปัญญาตอนนั้นไหม ก็คงเกิดตอนที่พิจารณา ตอนที่ทำแล้ว ก็ไม่แน่ใจ

    ท่านอาจารย์ เกิดปัญญารู้อะไรคะ ตอนนั้น

    ผู้ฟัง ก็พิจารณาเห็นตอนที่ท่านสอน

    ท่านอาจารย์ รู้อะไร ตอนนั้นที่ว่าเกิดปัญญา ปัญญารู้อะไร

    ผู้ฟัง เห็นจริงตามจริงว่า ทุกข์เป็นอย่างไร

    ท่านอาจารย์ อะไร เห็นอะไร อะไรเป็นทุกข์คะ ที่เห็น อะไรเป็นทุกข์

    ผู้ฟัง ใจเป็นทุกข์ อะไรทำนองนี้

    ท่านอาจารย์ ใจเป็นทุกข์ ก็คือเราเป็นทุกข์ ใช่ไหมคะ เพราะเรายังไม่รู้ลักษณะของใจว่าเป็นอย่างไร ขณะนี้มีใจ เราเป็นใจ หรือใจของเรา ก็ของเราทั้งหมด เราไม่ได้รู้ลักษณะจริงๆ ของใจ แล้วจะกล่าวว่าเรามีปัญญาได้ไหม

    ผู้ฟัง ไม่ได้ค่ะ


    หมายเลข 9932
    18 ส.ค. 2567