ในชีวิตประจำวัน มีธรรมทุกวัน


    โลภะมีทุกวัน โทสะก็มีทุกวัน ธรรมก็มีทุกวัน ถ้าฟังวิทยุ หรือฟังรายการเทปของมูลนิธิ เป็นชีวิตประจำวันค่ะ เมื่อไรก็เมื่อนั้นประเดี๋ยวเราก็มีโลภะ ประเดี๋ยวเราก็มีกุศล เป็นเรื่องของสภาพธรรมที่มีจริงๆ แต่ถ้าจะศึกษาพระไตรปิฎก ๓ ปิฎกนะคะ ก็ควรจะตั้งต้นที่พระอภิธรรมปิฎก เพราะว่าเป็นการตรัสรู้ธรรม ซึ่งถ้าไม่มีการตรัสรู้อย่างนี้ พระสุตันตปิฎก พระวินัยปิฎก ก็มีไม่ได้ แต่ว่าการที่จะหยิบพระไตรปิฎกโดยเฉพาะพระอภิธรรมปิฎกขึ้นมาอ่านเอง รับรองว่าไม่มีใครสามารถที่จะเข้าใจได้ เพราะว่าท่านแสดงกับท่านพระสารีบุตร พระอัครสาวกในครั้งที่เสด็จขึ้นไปแสดงพระอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา แล้วก็บนสวรรค์ก็มีบรรลุมรรคผล และมีการที่เข้าใจอริยสัจธรรมได้ด้วย ไม่ใช่แต่เฉพาะในมนุษย์ แต่ว่ามีพระอรรถกถาจารย์รุ่นหลังซึ่งท่านได้เก็บข้อความจากพระอภิธรรมปิฎก มาประมวลเป็นอภิธัมมัตถสังคหะ แล้วเราหลายๆ สำนัก ทุกสำนักก็จะศึกษากันตามอภิธัมมัตถสังคหะ ซึ่งเริ่มด้วยจิตปรมัตถ์ กล่าวถึงเรื่องจิตทั้งหมด แต่ว่าจริงๆ แล้วในสมัยพุทธกาล ไม่มีการแยกเป็นปริจเฉทที่ ๑ หรือแยกจิตจากเจตสิกเลย

    เพราะฉะนั้นก็แสดงรวมกันไปได้ คือ ทุกอย่างเป็นธรรม อย่างที่พอพูดถึงปรมัตถธรรม ก็พูดถึงเรื่อง จิต เจตสิก นามธรรม รูปเป็นรูปธรรม ไม่ต้องไปคอยถึงปริเฉทที่ ๖ ซึ่งเขาจะแสดงเรื่องของรูปโดยละเอียด แต่เราก็สามารถที่กล่าวพื้นฐานทั่วๆ ไปได้ แล้วก็ศึกษาตาม เพราะฉะนั้นอย่ารั้งรอหรือรีรอที่จะฟังอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับธรรมที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏ ฟังวันนี้ก็ไปต่อกับวันหลังได้ เหมือนกับวันนี้ก็มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อวานนี้ก็มี ก็ไม่ต้องคอยว่า จะไปรู้ตาก่อน หรือหูก่อน จมูกก่อน ลิ้นก่อน ก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ทุกขณะ


    หมายเลข 2460
    8 ก.ย. 2567