แนวทางเจริญวิปัสสนา เล่ม ๑๐ ตอนที่ ๙๑ – ๑๐๐
สำหรับธรรมนั้นไม่ขัดขวางชีวิตในทางโลกเลย อย่างชาวกุรุในสมัยโน้น พระ ผู้มีพระภาคทรงแสดง มหาสติปัฏฐาน กับชาวกุรุเพราะเห็นอินทรีย์ของชาวกุรุว่า สามารถรู้ธรรมลึกซึ้งได้ ชาวกรุงเทพ ชาวไทย ก็ไม่สำคัญว่าจะต้องจำกัดแต่เฉพาะชาวกุรุในครั้งอดีต ผู้ใดมีอินทรีย์ที่สามารถจะเข้าใจธรรมลึกซึ้งได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร มีอาชีพอะไรก็ตาม สามารถเจริญสติปัฏฐาน ประพฤติปฏิบัติตามธรรม ไม่ว่าในสมัยโน้น หรือว่าจนกระทั่งถึงในสมัยนี้ โดยที่ไม่จำกัดบุคคลเลย เพราะเหตุว่าผู้ที่เจริญสติปัฏฐานนั้นมีตั้งแต่พระราชา มหาอำมาตย์ของพระราชาไปจนกระทั่งถึงพวกทาสกรรมกรก็เจริญสติปัฏฐานได้ และเรื่องที่เขาคุยกันในสมัยนั้นก็คุยกันในเรื่องการเจริญสติปัฏฐาน เวลาที่พบกันก็ถามกันว่า เจริญสติปัฏฐานอะไร ถ้าใครตอบว่าไม่ได้เจริญสติปัฏฐาน ก็จะต้องถูกติเตียนว่า ชีวิตไม่มีประโยชน์ ตายทั้งเป็น มีชีวิตอยู่ก็เหมือนตาย ซึ่งความจริงแล้วถ้ามีชีวิตอยู่แต่ไม่เจริญสติปัฏฐาน ก็สะสมอกุศลไปเรื่อยๆ ทุกขณะที่เห็นได้ยินในวันหนึ่งๆ
เพราะฉะนั้น ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย และผู้ที่คุยกันนั้นก็ยังให้โอวาทตักเตือนกันว่า อย่าได้มีชีวิตอยู่โดยไม่เจริญสติปัฏฐาน และถ้าผู้ใดทราบว่า ใครเจริญสติปัฏฐาน ก็อนุโมทนาสาธุการ แล้วก็ยังเน้นว่า ได้ถึงความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ เพราะเหตุว่าพระผู้มีพระภาคทรงอุบัติขึ้นเพื่อประโยชน์ของท่านในเรื่องนี้ ซึ่งทุกท่านนั้นจะต้องเจริญสติละกิเลสด้วยตนเอง ผู้อื่นไม่สามารถละกิเลสให้ได้