แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 241

. เรื่องการปฏิบัติ ผมก็เจริญสติไม่ว่าเมื่อไร มีสติระลึกรู้นามและรูป ไม่ว่าเวลาทำงาน หรือว่าเวลาไปไหนมาไหน ก็มีสติระลึกรู้นามและรูปตามปกติ ถ้าจดจ้องก็รู้เหมือนกันว่าหนักใจลำบากใจ แต่ถ้าเป็นสติที่แท้จริงก็รู้สึกเบา เพื่อนหลายคนเขาต้องไปหาที่สงบ ผมบอกว่า ถ้าหากหาที่สงบไม่ได้แล้วจะทำอย่างไร

สุ. การเจริญสติปัฏฐานเป็นประโยชน์มากสำหรับท่านผู้ฟังที่เข้าใจถูกต้อง เพราะทุกท่านก็ทราบว่า เมื่อเกิดมาแล้วที่จะไม่จากโลกนี้ไปหรือที่จะไม่ตายนั้นไม่มี ไม่ใช่สิ่งที่จะเป็นไปได้เลย เพียงแต่ว่าจะช้าหรือเร็ว และจะไปสู่สถานที่ใดเท่านั้น

เรื่องภพภูมิต่างๆ พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงไว้มากทีเดียว ซึ่งบางท่านคิดว่าไม่เป็นประโยชน์เพราะพูดถึงเรื่องของภูมิอื่น โลกอื่นที่ไม่ปรากฏ แต่พระธรรมทั้งหมดมีอุปการะเกื้อกูลอย่างยิ่งแก่พุทธบริษัท เพื่อท่านจะได้ไม่ประมาท และเจริญกุศลยิ่งขึ้น

หลายท่านอาจจะบอกว่า ท่านไม่เห็นนรก ท่านไม่เห็นสวรรค์ แต่ท่านจะตอบได้ไหมว่า เวลาที่ท่านสิ้นชีวิตแล้วจะไปไหน ท่านจะปฏิสนธิ หรือว่าเกิดที่ไหน เพราะเหตุว่าโลกนี้ก็เป็นที่เกิดซึ่งเป็นผลของกุศลกรรม แต่ตลอดชีวิตมานี้ รวมทั้งในอดีตอนันตชาติด้วย ไม่ใช่มีแต่เฉพาะกุศลกรรม อกุศลกรรมก็มี ซึ่งจะเป็นปัจจัยทำให้ปฏิสนธิเพื่อรับผลของอกุศลกรรมนั้น ตามควรแก่อกุศลกรรมนั้นๆ ทีเดียว

อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต ชาณุสโสณีสูตร ซึ่งพระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงเรื่องของการอุทิศส่วนกุศลกับชาณุสโสณีพราหมณ์ว่า บุคคลใดอยู่ในฐานะที่จะได้รับอุทิศส่วนกุศล และบุคคลใดไม่อยู่ในฐานะที่จะได้รับอุทิศส่วนกุศล

สำหรับผู้ที่กระทำทุจริตกรรมซึ่งเกิดในนรก หรือเป็นเดรัจฉาน ไม่สามารถที่จะได้รับส่วนกุศลจากญาติหรือจากมิตรสหายที่ได้ทำบุญและอุทิศให้ได้เลย เพราะเหตุว่าในนรกเป็นที่ๆ รับผลของกรรมด้วยความทนทุกข์ทรมานสาหัสจริงๆ ความทุกข์ทรมานทั้งหมดในโลกนี้ก็ปรากฏ ไฟ น้ำที่เป็นทุกข์ทรมานอย่างยิ่งด้วยประการต่างๆ แต่ว่าชั่วเวลาที่ไม่นานเลย ซึ่งเป็นผลของเศษกรรมที่ติดตามมาให้ผล แม้ปฏิสนธิเป็นมนุษย์แล้วก็ยังมีโอกาสได้รับผลของอกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้วจากไฟบ้าง จากน้ำบ้าง จากอันตรายต่างๆ บ้าง แต่ถ้ากรรมนั้นไม่ได้ให้ผลปฏิสนธิเป็นมนุษย์ หรือเป็นเทพ แต่ให้ผลปฏิสนธิในอบายภูมิเป็นบุคคลในนรกแล้ว ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้อนุโมทนารับผลของการอุทิศส่วนกุศลของบรรดาญาติมิตรสหายเลย

เพราะฉะนั้น ถ้าท่านยังไม่บรรลุคุณธรรมเป็นพระอริยบุคคล ก็มีโอกาสที่จะเกิดในอบายภูมิ โลภมูลจิต โทสมูลจิต โมหมูลจิต ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ วันหนึ่งๆ ก็ไม่ทราบว่ามากมายเท่าไร จะไม่เป็นเชื้อที่จะนำไปสู่อบายภูมิหรือ ถ้าอกุศลจิตนั้นมีกำลังทำให้กระทำทุจริตกรรม ก็ย่อมจะเป็นเหตุให้เกิดในอบายภูมิ

เคยฆ่าสัตว์บ้างไหม ยุงสักตัวหรือมดสักตัว ในอดีตที่ยังไม่ได้ศึกษาธรรม รวมไปถึงในชาติก่อนๆ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าได้กระทำอกุศลกรรม ทุจริตกรรมมาแล้วมากน้อยเท่าไร ถ้ายังไม่บรรลุคุณธรรมเป็นพระอริยบุคคล และกรรมที่เป็นอกุศลให้ผลทำให้ปฏิสนธิในนรก ท่านก็จะหมดโอกาสที่จะเจริญปัญญาจนกระทั่งสามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมได้

การที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงเรื่องภพภูมิอื่น แม้ว่าท่านจะไม่เห็นด้วยตาของท่านในขณะนี้ แต่ว่าเมื่อกรรมซึ่งเป็นปัจจัยมีอยู่ ก็ย่อมจะทำให้ปฏิสนธิในภพภูมิต่างๆ ได้ เพราะฉะนั้น จุดประสงค์ที่ทรงแสดงเรื่องของอบายภูมิ เช่น นรก เปรต เป็นต้นนั้น ก็เพื่อที่จะให้ทุกท่านไม่ประมาทในการเจริญกุศล ในการเจริญสติปัฏฐานเพื่อที่จะได้รู้แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริง พ้นจากการที่จะต้องเกิดในอบายภูมิ

เกิดมาแล้วต้องตาย แต่ก็ยังไม่ค่อยจะสลด เพราะเหตุว่าการที่จะสลดจริงๆ ยาก การสลดจะเกิดขึ้นเพียงนิดเดียว และการไม่สลดก็จะท่วมทับทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

สำหรับนรก เป็นภูมิที่ไม่สามารถรับอุทิศส่วนกุศล ซึ่งขณะนี้กำลังพูดถึงเรื่องของปัตติทาน การอุทิศส่วนกุศลให้บุคคลอื่นอนุโมทนา และปัตตานุโมทนา ซึ่งเป็นปกติในชีวิตประจำวัน เป็นชีวิตจริงๆ ชีวิตในโลกนี้ก็จริง สิ้นชีวิตแล้วมีปัจจัยที่จะให้ปฏิสนธิ ก็จะต้องปฏิสนธิอีกจริงๆ เพียงแต่ว่าจะอยู่ที่ภพไหน ภูมิไหนเท่านั้น เพราะฉะนั้น การที่พูดถึงนรกก็เพื่อไม่ให้ท่านผู้ฟังประมาท และทำให้ท่านเจริญกุศลเจริญสติปัฏฐาน

ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส ขัคควิสาณสุตตนิทเทส ข้อ ๖๗๐ มีข้อความว่า

ความรักมี ๒ อย่าง คือ ความรักด้วยอำนาจตัณหา ๑ ความรักด้วยอำนาจทิฏฐิ ๑ นี้ชื่อว่าความรักด้วยอำนาจตัณหา นี้ชื่อว่าความรักด้วยอำนาจทิฏฐิ

ในวันหนึ่งๆ โลภมูลจิตไม่น้อยเลย และมี ๒ อย่าง คือ ด้วยอำนาจตัณหา ด้วยอำนาจความพอใจในสังขาร ในวัตถุ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะที่น่ายินดี ที่น่าปรารถนานั้นอย่างหนึ่ง และความรักด้วยอำนาจทิฏฐิ ความเห็นผิดเพิ่มขึ้นมาอีก ไม่รู้สภาพธรรมตามคลองของสภาพธรรมนั้นๆ ตามความเป็นจริง เมื่อไม่รู้ตามความเป็นจริง เห็นผิดไป เห็นคลาดเคลื่อนไป รวมทั้งข้อปฏิบัติผิด และยึดถือในความเห็นผิดนั้นด้วย นั่นเป็นความรักด้วยอำนาจทิฏฐิ

โลภมูลจิต ความยินดี ความชอบ ความรักทั้งหมดนั้นไม่ใช่สิ่งที่ดี ถ้ามีมากสะสมมากเป็นเหตุให้เกิดทุจริตกรรม ซึ่งจะให้ผลปฏิสนธิในอบายภูมิ ที่จะให้ไปสู่อบายภูมินั้น ไม่ใช่กุศล แต่ว่าเป็นอกุศล และอกุศลอะไรที่จะมีเยื่อใยลึกซึ้งยิ่งกว่าความพอใจในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ ในสัตว์ ในสังขารซึ่งมีเป็นประจำอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น การที่ได้ทราบมูลเหตุ สมุทัยของอกุศลธรรมทั้งหมดก็จะเป็นการดีที่ทำให้รู้ว่าเป็นสิ่งที่จะต้องละ

ข้อความต่อไปมีว่า

คำว่า ทุกข์นี้ย่อมปรากฏ ความว่า บุคคลบางคนในโลกนี้ ประพฤติทุจริตด้วยกาย ประพฤติทุจริตด้วยวาจา ประพฤติทุจริตด้วยใจ

ฆ่าสัตว์บ้าง ถือเอาทรัพย์ที่เขามิได้ให้บ้าง ตัดที่ต่อบ้าง ปล้นทลายเรือนบ้าง ทำการปล้นเฉพาะเรือนหลังเดียวบ้าง ดักตีชิงในทางเปลี่ยวบ้าง คบชู้ภรรยาผู้อื่นบ้าง พูดเท็จบ้าง

พวกราชบุรุษจับบุคคลผู้นั้นได้แล้ว ทูลแด่พระราชาว่า ขอเดชะ ผู้นี้เป็นโจร ประพฤติชั่ว ขอพระองค์ทรงลงอาชญาตามพระประสงค์แก่ผู้นี้

พระราชาก็ทรงบริภาษผู้นั้น ผู้นั้นย่อมเสวยทุกขโทมนัส แม้เพราะเหตุแห่ง บริภาษ ทุกขโทมนัสอันน่ากลัวนี้เกิดเพราะอะไร

เกิดเพราะเหตุแห่งความรัก เพราะเหตุแห่งความยินดี เพราะเหตุแห่งความกำหนัด และเพราะเหตุแห่งความกำหนัดด้วยอำนาจความยินดีของผู้นั้น

พระราชายังไม่พอพระทัยแม้ด้วยอาชญาเท่านั้น ยังรับสั่งให้จองจำผู้นั้นด้วยการตอกขื่อบ้าง ด้วยการผูกด้วยเชือกบ้าง ด้วยการจำด้วยโซ่บ้าง ด้วยการผูกด้วยเถาวัลย์บ้าง ด้วยการกักไว้ในที่ล้อมบ้าง ด้วยการกักไว้ในบ้านบ้าง ด้วยการกักไว้ในนิคมบ้าง ด้วยการกักไว้ในนครบ้าง ด้วยการกักไว้ในแว่นแคว้นบ้าง ด้วยการกักไว้ในชนบทบ้าง ทรงทำให้อยู่ในถ้อยคำเป็นที่สุด (ทรงสั่งบังคับเป็นที่สุด) ว่า เจ้าจะออกไปจากที่นี้ไม่ได้ ผู้นั้นย่อมเสวยทุกขโทมนัส แม้เพราะเหตุแห่งพันธนาการ ทุกขโทมนัสน่ากลัวนี้เกิดเพราะอะไร

เกิดเพราะเหตุแห่งความรัก เพราะเหตุแห่งความยินดี เพราะเหตุแห่งความกำหนัด และเพราะเหตุแห่งความกำหนัดด้วยอำนาจความยินดีของผู้นั้น

พระราชายังไม่พอพระทัยแม้ด้วยอาชญาเท่านั้น ยังรับสั่งให้ริบทรัพย์ของผู้นั้น ร้อยหนึ่งบ้าง พันหนึ่งบ้าง ผู้นั้นย่อมเสวยทุกขเวทนา แม้เพราะเหตุแห่งความเสื่อมจากทรัพย์ ทุกขโทมนัสอันน่ากลัวนี้เกิดเพราะอะไร

เกิดเพราะเหตุแห่งความรัก เพราะเหตุแห่งความยินดี เพราะเหตุแห่งความกำหนัด และเพราะเหตุแห่งความกำหนัดด้วยอำนาจความยินดีของผู้นั้น

เป็นเรื่องจริง ชีวิตปกติประจำวัน ขอให้เห็นอำนาจของอกุศลที่ทำให้เกิดทุจริต กรรม และได้รับผลเพราะความติดข้องในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ ที่ทำให้เกิดทุจริตกรรมนั้นๆ คือ ได้รับโทษมากน้อยตามควรแก่กรรมนั้น

พระราชายังไม่พอพระทัยแม้ด้วยอาชญาเท่านั้น ยังรับสั่งให้ทำกรรมกรณ์ ต่างๆ (คือการลงโทษ) แก่ผู้นั้น คือ ให้เฆี่ยนด้วยแซ่บ้าง ให้เฆี่ยนด้วยหวายบ้าง ให้ตอกตาบ้าง ให้ตัดมือบ้าง ตัดเท้าบ้าง ตัดทั้งมือทั้งเท้าบ้าง ตัดใบหูบ้าง ตัดจมูกบ้าง ตัดทั้งใบหู ทั้งจมูกบ้าง ทำให้เป็นผู้มีหม้อข้าวเดือดบนศีรษะบ้าง ให้ถลกหนังศีรษะโล้นมีสีขาวเหมือนสังข์บ้าง ให้มีหน้าเหมือนหน้าราหูบ้าง ทำให้มีไฟลุกที่มือบ้าง ให้ถลกหนังแล้วผูกเชือกฉุดไปบ้าง ให้ถลกหนังเป็นริ้วเหมือนนุ่งผ้าคากรองบ้าง ทำให้มีห่วงเหล็กที่ศอกและเข่าแล้วใส่หลาวเหล็กตรึงไว้บ้าง ให้เอาเบ็ดเกี่ยวติดไว้ที่เนื้อปากบ้าง ให้เอาพร้าถากตัวให้ตกไปเท่ากหาปนะบ้าง ให้เอาพร้าถากตัวแล้วทาด้วยน้ำแสบบ้าง ให้นอนลงแล้วตรึงหลาวเหล็กไว้ในช่องหูบ้าง ให้ถลกหนังแล้วทุบกระดูกพันไว้เหมือนดังใบไม้บ้าง รดตัวด้วยน้ำมันอันร้อนบ้าง ให้สุนัขกัดกินเนื้อที่ตัวบ้าง เอาหลาวเสียบเป็นไว้บ้าง แล้วย่อมตัดศีรษะด้วยดาบ ผู้นั้นย่อมเสวยทุกขโทมนัส แม้เพราะเหตุแห่งกรรมกรณ์ ทุกขโทมนัสอันน่ากลัวนี้เกิดเพราะอะไร

เกิดเพราะเหตุแห่งความรัก เพราะเหตุแห่งความยินดี เพราะเหตุแห่งความกำหนัด และเพราะเหตุแห่งความกำหนัดด้วยอำนาจความยินดีของผู้นั้น

พระราชาเป็นใหญ่ในการลงอาชญาทั้ง ๔ อย่างนี้

การทรมานอย่างนี้จะมีได้ไหม มีได้ แล้วแต่กรรม เป็นกรรมของท่านผู้ใดก็อาจจะประสบอย่างนี้ก็ได้ ที่แสดงให้เห็นว่าน่ากลัว น่าหวาดเสียวในมนุษย์โลก ถ้าเทียบกับในนรกยังน้อย ในนรกนั้นจะรุนแรง ร้ายแรงยิ่งกว่านี้สักเท่าไร

ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะกรรมของตน พวกนายนิรยบาลย่อมให้ทำกรรมกรณ์ ซึ่งมีเครื่องจำ ๕ ประการ แก่สัตว์นั้น คือ ให้ตรึงหลาวเหล็กแดงที่มือ ๒ ข้าง ที่เท้า ๒ ข้าง ที่ท่ามกลางอก สัตว์นั้นเสวยทุกขเวทนาอันกล้า แสบ เผ็ดร้อนในนรกนั้น แต่ยังไม่ทำกาลกิริยาตลอดเวลาที่บาปกรรมนั้นยังไม่สิ้นสุด ทุกขโทมนัสอันน่ากลัวนี้เกิดเพราะอะไร

เกิดเพราะเหตุแห่งความรัก เพราะเหตุแห่งความยินดี เพราะเหตุแห่งความกำหนัด และเพราะเหตุแห่งความกำหนัดด้วยอำนาจความยินดีของผู้นั้น

พวกนายนิรยบาลให้สัตว์นั้นนอนลง แล้วเอาผึ่งถาก แล้วจับเอาเท้าขึ้น เอาศีรษะลง แล้วเอาพร้าถาก แล้วให้เทียมสัตว์นั้นเข้าที่รถ แล้วให้วิ่งไปบ้าง วิ่งกลับไปบ้าง บนแผ่นดินที่ไฟติดโชน มีเปลวลุกรุ่งโรจน์โชติช่วงบ้าง ต้อนให้ขึ้นภูเขาถ่านเพลิงใหญ่ไฟติดโชน มีเปลวลุกรุ่งโรจน์โชติช่วงบ้าง ให้กลับลงมาบ้าง แล้วจับสัตว์นั้น เอาเท้าขึ้น เอาศีรษะลง แล้วเหวี่ยงไปในหม้อเหล็กแดงอันไฟติดโชน มีเปลวลุกรุ่งโรจน์โชติช่วง สัตว์นั้นย่อมเดือดพล่านอยู่ในหม้อเหล็กแดง เหมือนฟองน้ำข้าวที่กำลังเดือด สัตว์นั้นเมื่อเดือดร้อนพล่านอยู่ในหม้อเหล็กแดง เหมือนฟองน้ำข้าวซึ่งกำลังเดือด ไปข้างบนคราวหนึ่งบ้าง ไปข้างล่างคราวหนึ่งบ้าง หมุนขวางไปคราวหนึ่งบ้าง สัตว์นั้นเสวยทุกขเวทนาอันกล้า แสบ เผ็ดร้อนอยู่ในหม้อเหล็กแดงนั้น แต่ก็ยังไม่ทำกาลกิริยา ตลอดเวลาที่บาปกรรมนั้นยังไม่สิ้น ทุกขโทมนัสอันน่ากลัวนี้เกิดเพราะอะไร

เกิดเพราะเหตุแห่งความรัก เพราะเหตุแห่งความยินดี เพราะเหตุแห่งความกำหนัด และเพราะเหตุแห่งความกำหนัดด้วยอำนาจความยินดีของผู้นั้น

พวกนายนิรยบาลเหวี่ยงสัตว์นั้นลงในนรก ก็แหละนรกนั้นเป็นมหานรก

คิดว่ามีจริงไหม เวลาจุติแล้วจะเห็นนรก หรือว่าจะเห็นสวรรค์ หรือจะเห็นโลกมนุษย์นี้อีก เรื่องของความทุกข์ทรมานที่ท่านผู้ฟังจะเห็นการสิ้นชีวิตลงในขณะที่ไฟไหม้ หรือว่ามีอุบัติเหตุ ก็ยังเป็นไปได้ เป็นความทุกข์แสนสาหัส เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นผลของกรรมที่จะต้องได้รับผลอย่างนั้น เวลานี้ไม่เห็น แต่ว่าเวลาประสบเข้า จะลำบากสักแค่ไหน จะเป็นทุกข์สักเท่าไร

ข้อความต่อไป เรื่องมหานรกมีข้อความว่า

สี่เหลี่ยม มี ๔ ประตู อันบาปกรรมจัดแบ่งออกเป็นส่วนๆ มีกำแพงเหล็กกั้นไว้เป็นที่สุด ปิดครอบด้วยแผ่นเหล็ก มีพื้นล้วนเป็นเหล็ก ไฟลุกโพลงอยู่ แผ่ไปร้อยโยชน์โดยรอบ ตั้งอยู่ทุกสมัย นรกใหญ่ร้อนจัด มีเปลวไฟรุ่งโรจน์ ยากที่จะเข้าใกล้ น่าขนลุก น่ากลัว มีภัยเฉพาะหน้า มีแต่ทุกข์

กองเปลวไฟตั้งขึ้นแต่ฝาด้านหน้า เผาเหล่าสัตว์ที่มีกรรมลามก ผ่านไปจนจดฝาด้านหลัง กองเปลวไฟตั้งขึ้นแต่ฝาด้านหลัง เผาเหล่าสัตว์ที่มีกรรมลามก ผ่านไปจนจดฝาด้านหน้า กองเปลวไฟตั้งขึ้นแต่ฝาด้านใต้ เผาเหล่าสัตว์ที่มีกรรมลามก ผ่านไปจนจดฝาด้านเหนือ กองเปลวไฟตั้งขึ้นแต่ฝาด้านเหนือ เผาเหล่าสัตว์ที่มีกรรมลามก ผ่านไปจนจดฝาด้านใต้ กองเปลวไฟตั้งขึ้นแต่ฝาด้านล่างน่ากลัว เผาเหล่าสัตว์ที่มีกรรมลามก ผ่านไปจนจดฝาปิด กองเปลวไฟตั้งขึ้นแต่ฝาปิดน่ากลัว เผาเหล่าสัตว์ที่มีกรรมลามก ผ่านไปจนจดด้านพื้นล่าง แผ่นเหล็กที่ไฟติดทั่ว แดงโชน ไฟโพลง ฉันใด อเวจีนรกข้างล่างก็ปรากฏแก่สัตว์ที่เห็นอยู่ในข้างบน ฉันนั้น

เหล่าสัตว์ในอเวจีนรกนั้นชั่วช้ามาก ทำกรรมชั่วมาก มีแต่กรรมลามกอย่างเดียว ถูกไฟไหม้อยู่ แต่ไม่ตาย กายของเหล่าสัตว์ที่อยู่ในนรกนั้นเสมอด้วยไฟ

เชิญดูความมั่นคงของกรรมทั้งหลายเถิด ไม่มีเถ้า แม้แต่เขม่าก็ไม่มี เหล่าสัตว์วิ่งไปทางประตูด้านหน้าที่เปิดอยู่ กลับจากประตูด้านหน้าวิ่งมาทางประตูด้านหลัง วิ่งไปทางประตูด้านเหนือ กลับจากประตูด้านเหนือวิ่งมาทางประตูด้านใต้ แม้จะวิ่งไปทิศใดๆ ประตูทิศนั้นๆ ก็ปิดเอง สัตว์เหล่านั้นหวังจะออกไป แสวงหาทางที่จะพ้นไป แต่ก็ออกจากนรกนั้นไปไม่ได้ เพราะกรรมเป็นปัจจัย ด้วยว่ากรรมอันลามกสัตว์เหล่านั้นทำไว้มากยังมิได้ให้ผลหมด ดังนี้ ทุกขโทมนัสอันน่ากลัวนี้ เกิดเพราะอะไร

เกิดเพราะเหตุแห่งความรัก เพราะเหตุแห่งความยินดี เพราะเหตุแห่งความกำหนัด และเพราะเหตุแห่งความกำหนัดด้วยอำนาจความยินดีของเหล่าสัตว์นั้น

ทุกข์อันมีในนรกก็ดี ทุกข์อันมีในกำเนิดสัตว์เดรัจฉานก็ดี ทุกข์อันมีในเปรตวิสัยก็ดี ทุกข์อันมีในมนุษย์ก็ดี เกิดแล้ว เกิดพร้อมแล้ว บังเกิดแล้ว บังเกิดเฉพาะแล้ว ปรากฏแล้ว เพราะอะไร

ทุกข์เหล่านั้นย่อมมี ย่อมเป็น ย่อมเกิด เกิดพร้อม บังเกิด บังเกิดเฉพาะ ย่อมปรากฏ เพราะเหตุแห่งความรัก เพราะเหตุแห่งความยินดี เพราะเหตุแห่งความกำหนัด เพราะเหตุแห่งความกำหนัดด้วยอำนาจความยินดีของสัตว์นั้น เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ทุกข์นี้เป็นไปตามความรักย่อมปรากฏ

เปิด  303
ปรับปรุง  2 มิ.ย. 2565