แนวทางการดำเนินชีวิตที่ดี ตอนที่ 4


    แนวทางการดำเนินชีวิตที่ดี ๔

    ข้อความในพระไตรปิฎกแสดงให้เห็นว่า วันหนึ่งๆ สติจะเกิดพิจารณาความถูกต้องและความจริงของสภาพธรรมแม้ในทางโลกอย่างไรบ้าง เพราะว่าทุกคนยังอยู่ในโลก ยังพ้นโลกไปไม่ได้เลย ยังมีเพื่อนสนิทมิตรสหาย ยังมีการเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับบุคคลต่างๆ แต่ว่าจิตที่ระลึกเป็นไปแต่ละขณะ ในขณะที่เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น หรือพิจารณาความถูกต้อง ความจริงของสภาพธรรมในขณะนั้นอย่างไร แม้แต่ในเรื่องของเพื่อน พระผู้มีพระภาคก็ได้ทรงแสดงข้อความที่จะทำให้ทุกคนได้พิจารณาว่า สติเกิดระลึกเป็นไปในเรื่องของมิตรสหายในชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง

    ข้อความใน ขุททกนิกาย ทวาทสนิบาตชาดก มิตตามิตตชาดก ข้อ ๑๗๑๓ ถึงข้อ ๑๗๒๔ มีข้อความว่า

    บุรุษผู้เป็นบัณฑิตมีปัญญา ได้เห็นและได้ฟังซึ่งบุคคลผู้ทำกรรมอย่างไร จึงจะรู้ได้ว่า ผู้นี้ไม่ใช่มิตร วิญญูชนจะพึงพยายามอย่างไร เพื่อจะรู้ได้ว่า ผู้นี้ไม่ใช่มิตร

    เรื่องของมิตรเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเหตุว่าการคบสมาคมกับบุคคลหนึ่งบุคคลใด อาจจะนำมาความเจริญอย่างมากมาให้ หรืออาจจะนำความเสื่อมอย่างมากมาให้ ซึ่งความเสื่อมอย่างมาก คือ ความเสื่อมโดยเห็นผิดในข้อประพฤติปฏิบัติในธรรม

    ข้อความต่อไปมีว่า

    บุคคลผู้มิใช่มิตรเห็นเพื่อนๆ แล้ว ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ร่าเริงต้อนรับเพื่อน ไม่แลดูเพื่อน กล่าวคำย้อนเพื่อน

    เพียงแค่นี้ก็เตือนสติได้แล้วใช่ไหมคะ ถ้าขณะใดที่นึกย้อน หรือพูดย้อนเพียงนิดเดียว ขณะนั้นไม่ใช่เพื่อน เพราะฉะนั้นท่านที่จะเป็นเพื่อนของใคร หรือใครจะเป็นเพื่อนกับใคร ก็สามารถพิจารณาสภาพของจิตในขณะนั้นได้จริงๆ ว่า ลักษณะของผู้ที่เป็นมิตรและผู้ที่ไม่ใช่มิตรนั้นต่างกันอย่างไร

    บุคคลผู้มิใช่มิตร คบหาศัตรูของเพื่อน ไม่คบหามิตรของเพื่อน ห้ามผู้ที่กล่าวสรรเสริญเพื่อน สรรเสริญผู้ที่ด่าเพื่อน

    ในครั้งที่พระผู้มีพระภาคยังไม่ปรินิพพาน ก็มีท่านพระเทวทัต แล้วยังมีพระภิกษุซึ่งมีความเห็นผิด มีการปฏิบัติผิดอีกหลายท่าน

    บุคคลผู้มิใช่มิตร ไม่บอกความลับแก่เพื่อน ไม่ช่วยปกปิดความลับของเพื่อน ไม่สรรเสริญการงานของเพื่อน ไม่สรรเสริญปัญญาของเพื่อน

    เป็นเรื่องสติหรือเปล่าคะ นี่คือชีวิตจริงๆ ที่จะรู้ว่า สติเกิดขณะใด และสติไม่เกิดในขณะใด

    บางสิ่งบางอย่างเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์เลยที่จะกล่าวถึง เพราะเหตุว่าทำให้ผู้ที่ได้รับฟังเกิดอกุศลจิต ถ้าไม่พูดก็จะดีกว่า ถ้าพิจารณาสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ แล้วไม่พูด หรือว่าในเรื่องเดียวกัน แต่ถ้าเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์แล้วพูด หมายความว่าต้องพิจารณาก่อน ในขณะนั้นเป็นสติ

    เพราะฉะนั้นแม้ในชีวิตประจำวันก็จะเห็นได้ว่า ขณะใดเป็นกุศลและขณะใดเป็นอกุศล

    บุคคลผู้มิใช่มิตร ยินดีในความพินาศของเพื่อน ไม่ยินดีในความเจริญของเพื่อน ได้อาหารที่ดีมีรสอร่อยมาแล้ว ก็มิได้นึกถึงเพื่อน ไม่ยินดีอนุเคราะห์เพื่อนว่า อย่างไรหนอ เพื่อนของเราพึงได้ลาภจากที่นี้บ้าง

    บุคคลผู้มิใช่มิตร ยินดีในความพินาศของเพื่อน เพื่อนหรือไม่เพื่อนก็ตาม ถ้ายินดีในความพินาศของใคร ในขณะนั้นสติก็ควรจะระลึกรู้ลักษณะสภาพของจิตได้แล้ว แต่ถ้าสติไม่เกิด ลองพิจารณาจิตในขณะที่อ่านหนังสือพิมพ์ เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เลยค่ะว่า สติเกิดหรือไม่เกิดในขณะใด เพราะเหตุว่าไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือไม่เป็นเพื่อนก็ตาม ถ้ายินดีในความพินาศของเพื่อนหรือบุคคลใดก็ตาม ในขณะนั้นก็เป็นอกุศลจิต แล้วถ้าไม่ยินดีในความเจริญของเพื่อน ก็เป็นอกุศลจิต

    ได้อาหารที่ดีมีรสอร่อยมาแล้ว ก็มิได้นึกถึงเพื่อน ไม่ยินดีอนุเคราะห์เพื่อนว่า อย่างไรหนอ เพื่อนของเราพึงได้ลาภจากที่นี้บ้าง

    บัณฑิตได้เห็น และได้ฟังแล้ว พึงรู้ว่า ไม่ใช่มิตรด้วยอาการเหล่าใด อาการดังกล่าวมา ๑๖ ประการนี้ มีอยู่ในบุคคลผู้มิใช่มิตร.

    วิธีที่จะทราบว่า ท่านเป็นมิตรของใครและไม่ใช่มิตรของใคร ก็คงพอที่จะรู้ได้จากจิตที่เกิดขึ้นตามเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน

    บัณฑิตมีปัญญา ได้เห็นและได้ฟังบุคคลผู้กระทำกรรมอย่างไร จึงจะรู้ได้ว่า ผู้นี้เป็นมิตร วิญญูชนจะพึงพยายามอย่างไร เพื่อจะรู้ได้ว่า ผู้นี้เป็นมิตร คือ

    บุคคลผู้เป็นมิตรนั้น ย่อมระลึกถึงเพื่อนผู้อยู่ห่างไกล ย่อมยินดีต้อนรับเพื่อนผู้มาหา ถือว่าเป็นเพื่อนของเราจริง รักใคร่จริง ทักทายปราศรัยด้วยวาจาอันไพเราะ.

    คนที่เป็นมิตร ย่อมคบหาผู้ที่เป็นมิตรของเพื่อน ไม่คบหาผู้ที่ไม่ใช่มิตรของเพื่อน ห้ามปรามผู้ที่ด่าติเตียนเพื่อน สรรเสริญผู้ที่พรรณนาคุณความดีของเพื่อน.

    ท่านผู้ฟังรู้สึกว่า อยากแต่จะเจริญเมตตาใช่ไหมคะ อยากจะมีเมตตามากๆ แต่เวลาพูดถึงเพื่อน เกี่ยวข้องกับเรื่องเมตตาหรือเปล่า เพราะเหตุว่าเมตตาคือความเป็นมิตรอย่างจริงใจ

    เพราะฉะนั้น ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่ท่านคิดจะเจริญเมตตา โดยขาดการพิจารณาบุคคลที่เป็นเพื่อนของท่านในชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่การเป็นเพื่อนของท่านต่อบุคคลอื่นจริงๆ

    เพราะฉะนั้นถ้าท่านเป็นเพื่อนแท้ของบุคคลใด ก็แสดงว่า ท่านเป็นผู้ที่มีเมตตาต่อบุคคลนั้น และคงจะรู้ได้ว่า ถ้าหวังร้ายต่อใคร หรือยินดีในความพินาศของใครขณะใด ขณะนั้นท่านไม่ได้เจริญเมตตา ไม่ต้องไปแผ่ถึงไกลมาก เพียงแต่ผู้ที่ท่านรู้จักคุ้นเคย และท่านเกิดความไม่พอใจในความเจริญของบุคคลนั้น หรือยินดีในความพินาศของบุคคลนั้น ก็ชื่อว่า ท่านไม่ได้เจริญเมตตาในขณะนั้น

    เพราะฉะนั้น ข้อความในพระไตรปิฎกทั้งหมดจะส่องไปถึงสภาพของธรรม แม้ในส่วนที่ท่านคิดว่า ท่านต้องการเจริญเช่นเมตตา แต่ว่าท่านไม่อยากจะฟังเรื่องของเพื่อน ก็แสดงว่าท่านจะรู้จักตัวของท่านได้อย่างไรว่า มีเมตตาจริงๆ หรือเปล่า

    ข้อความต่อไปมีว่า

    คนที่เป็นมิตร ย่อมบอกความลับแก่เพื่อน ปิดความลับของเพื่อน สรรเสริญการงานของเพื่อน สรรเสริญปัญญาของเพื่อน.

    คนที่เป็นมิตร ย่อมยินดีในความเจริญของเพื่อน ไม่ยินดีในความเสื่อมของเพื่อน ได้อาหารมีรสอร่อยมาย่อมระลึกถึงเพื่อน ยินดีอนุเคราะห์เพื่อนว่า อย่างไรหนอ เพื่อนของเราจะพึงได้ลาภจากที่นี้บ้าง.

    บัณฑิตได้เห็นแล้ว ได้ฟังแล้ว พึงรู้ว่า เป็นมิตรด้วยอาการเหล่าใด อาการดังกล่าวมา ๑๖ ประการนี้ มีอยู่ในบุคคลผู้เป็นมิตร.

    จบ มิตตามิตตชาดกที่ ๑๐.

    ไม่เคยคิดที่จะนับ ๑๖ ประการ เพื่อจะทดสอบความเป็นเพื่อน ใช่ไหมคะ ก็ไม่จำเป็น แต่เวลาที่มีเหตุการณ์อย่างหนึ่งอย่างใดเกิดขึ้น หรือว่าระลึกถึงบุคคลหนึ่งบุคคลใดก็พิจารณาจิตว่า ในขณะนั้นเป็นไปด้วยความเป็นมิตร ด้วยความเมตตาหรือไม่

    มีข้อสงสัยในเรื่องนี้ไหมคะ หรือว่าต่อไปนี้จะต้องรีบไปบอกความลับเพื่อนให้หมดทุกอย่าง นั่นก็ไม่ถูกอีก คือ เรื่องของสติ จะต้องเป็นเรื่องเป็นไปในทางที่ถูกต้อง ในทางที่สมควร เพราะเหตุว่าข้อความในชาดกตอนหนึ่งมีว่า

    ไม่ควรให้มิตรโง่รู้ความลับ

    อะไรก็ตามที่เป็นเหตุให้อกุศลจิตเจริญมากมายจากบุคคลหนึ่งสู่อีกบุคคลหนึ่ง จากบุคคลหนึ่งต่อๆ ไปอีกบุคคลหนึ่ง ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ก็ไม่จำเป็น ส่วนเรื่องความลับที่จะพิสูจน์ว่า เป็นเพื่อนหรือไม่ คือ เมื่อสามารถจะเกื้อกูลได้ ช่วยเหลือได้ ก็ควรที่จะบอก แต่ไม่ใช่ไปบอกให้บุคคลอื่นเกิดความเป็นห่วง ความทุกข์ร้อน หรือความกังวลใจ

    นี่ก็เป็นเรื่องของสติจริงๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าท่านจะพูดหรือท่านจะทำอะไร แม้แต่ในเรื่องที่ท่านคิดว่าเป็นความลับ ก็ต้องมีสติที่จะรู้ว่า บอกเพื่ออะไร และไม่บอกเพื่ออะไร

    มีข้อสงสัยอะไรไหมคะในเรื่องนี้


    หมายเลข 109
    14 พ.ย. 2566

    ซีดีแนะนำ