เพียงพริบตาเดียว ก็เปลี่ยนเป็นบุคคลใหม่


    ท่านอาจารย์ เพียงพริบตาเดียว บุคคลที่ท่านผูกพัน มีเยื่อใยไว้มากมาย ในปัจจุบันชาตินี้ โดยฐานะของ มารดาบิดาบ้าง บุตรธิดาบ้าง วงศาคณาญาติ มิตรสหายบ้าง แต่ว่าเพียงพริบตาเดียว บุคคลนั้นก็เป็นอื่น ในเมื่อท่านสิ้นชีวิตจากโลกนี้ไปแล้ว ท่านก็เป็นบุคคลอื่นโดยเด็ดขาด ที่จะย้อนกลับมาเป็นบุคคลเก่า ไม่ได้เลย ความสัมพันธ์ ความผูกพันเยื่อใยต่างๆ ที่เคยมีกับสามีภรรยา บุตรธิดา ญาติ มิตรสหายต่างๆ เหล่านั้น ในพริบตาเดียว ต่างคนก็ต่างเป็นบุคคลอื่นไปทั้งหมด ไม่มีการที่จะย้อนกลับมาผูกพันเหมือนเดิมได้ แต่กิเลส และอกุศลกรรม ที่ท่านทำไว้ ท่านเท่านั้นที่จะได้รับผลของอกุศลกรรมที่ท่านทำ

    เพราะเหตุว่า การเกิดสืบต่อกัน ของปฏิสนธิจิต และจุติจิตนั้น ไม่มีระหว่างคั่น หมายความว่าไม่มีจิตอื่นเกิดคั่นเลย เมื่อจุติจิต ซึ่งเป็นจิตดวงสุดท้ายของภพนี้ดับไปแล้ว จิตที่เกิดสืบต่อ คือปฏิสนธิจิตทันที ในภพภูมิต่อไป แล้วแต่ว่าจะเป็นผลของกุศลกรรม หรืออกุศลกรรม เพราะฉะนั้นการที่จะจากความเป็นบุคคลนี้ และเยื่อใยความผูกพันกับบุคคลทั้งหลายในภพนี้ รวดเร็วเหลือเกิน

    เมื่อวานนี้กับวันนี้ ไกลกันยิ่งกว่าขณะของจุติจิต และปฏิสนธิจิต เพราะฉะนั้นจึงกล่าวว่าพริบตาเดียวจริงๆ บุคคลที่ท่านเคยยึดถือ เยื่อใย ผูกพันไว้ ก็เป็นอื่น รวมทั้งตัวท่านเองด้วย นี่คือสภาพความจริงของนามธรรม และรูปธรรม ขณะนี้ดูเหมือนไม่เห็นว่าเป็นอย่างนั้น ใช่ไหม เพราะว่าท่านก็กะพริบตาแล้วหลายครั้ง ก็ยังเห็นเหมือนเดิม แต่ความจริงขอให้คิด ว่าใหม่จริงๆ

    เมื่อสักครู่นี้ กับขณะนี้ไม่ใช่ขณะเดียวกันแล้ว แน่นอนที่สุด ทั้งจิตที่เห็น ทั้งวัตถุที่ปรากฏให้เห็น ทางตาด้วย แต่ความที่เคยจดจำ แล้วก็ผูกโยงอดีตที่ผ่านไป แม้ชั่วขณะหนึ่ง กับขณะปัจจุบันนี้ และขณะต่อไป ทำให้ยึดถือว่า เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นวัตถุ ตัวตน ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือว่าไม่เกิดดับ ซึ่งท่านก็จะพิจารณา ใคร่ครวญ ไตร่ตรอง เปรียบเทียบขณะต่างๆ ได้ ว่าเป็นจริงอย่างนี้ไหม สำหรับเรื่องของภพหนึ่งกับชาติหนึ่ง วันนี้ท่านพึงพอใจในวัตถุสิ่งของ แก้วแหวนเงินทอง เสื้อผ้าอาภรณ์อะไร มากน้อยเท่าไร พริบตาเดียวอีกเหมือนกัน ท่านก็จะไม่เป็นเจ้าของ หรือว่าไม่สามารถที่จะใช้สอยวัตถุสิ่งของต่างๆ เหล่านั้นได้ นี่เป็นขณะที่รวดเร็วมาก ของการสืบต่อกันของปัจจุบันชาตินี้ กับชาติหน้า



    หมายเลข 158
    9 ก.ค. 2567