ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1381
ตอนที่ ๑๓๘๑
สนทนาธรรม ที่ โรงเรียนรักษาความปลอดภัย
วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
ท่านอาจารย์ เพราะว่าส่วนใหญ่เนี่ย เราคิดว่าง่าย คิดสั้น เฉพาะชาตินี้นะคะ ทำไมไม่คิดถึงโครงการสังสารวัฎที่จะต้องเป็นคนดีต่อไป
อ.วิชัย การที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะแสดงธรรมนี้ครับ พระองค์ก็ต้องตรัสรู้ก่อน จึงจะรู้หนทางว่าหนทางไหนนะครับ ในการที่จะดับกิเลสได้ จึงประกาศ และแสดง ดังนั้นนี่ครับการที่ได้ฟังธรรม และมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น นั่นคือการค่อยๆ แก้จากความไม่รู้เป็นความรู้ขึ้นจากการได้ฟังธรรม
ฟังเพียงแค่นี้ก็รู้ขึ้นเพียงแค่นี้ใช่ไหมครับ แต่ถ้าฟังมากขึ้นอีกรู้มากขึ้นอีกปัญญานั่นเองก็จะนำไป ค่อยๆ เว้นจากความชั่ว ไม่มีตัวเราที่จะเว้นเลยนะครับ แต่เป็นธรรมฝ่ายดีงาม เป็นสติบ้าง เป็นปัญญาบ้าง ที่เกิดขึ้นทำกิจในการที่จะไม่กระทำสิ่งที่ไม่ดี จริงๆ ปัญหาทั้งหมดเนี่ยครับ เกิดจากความไม่รู้ เกิดจากอกุศลธรรม ดังนั้นนะครับ ถ้าละความไม่รู้ลงไปสักแค่ไหนนะครับ ปัญหาก็ลดน้อยลงไปแค่นั้นครับ
ท่านอาจารย์ ถ้ามีความเข้าใจถูก ความเห็นถูก ก็เห็นประโยชน์ว่า ถ้าคนอื่นเขารู้ด้วยก็เป็นประโยชน์สำหรับเขาใช่ไหมคะ นี่เป็นความหวังดี แต่ว่าเราจะไปเปลี่ยนแปลงใครไม่ได้เลย นอกจากพยายามทุกทางที่จะให้คนที่ไม่เข้าใจธรรม หรือว่าไม่รู้ว่าธรรมคืออะไร ไม่เห็นประโยชน์ของธรรม ได้เห็นคุณ ได้เห็นประโยชน์
เพราะฉะนั้นใครก็ตาม จะมีกิจการงานหน้าที่สำคัญต่างๆ นะคะ ที่จะทะนุบำรุงประเทศชาติ แล้วเราจะไปให้เขาเป็นอย่างนั้น ให้เขาเป็นอย่างนี้ เป็นไปได้ไหม แต่ตราบใดที่มีความหวังดี ไม่หยุดที่จะหวังดีเพื่อให้เขาได้รู้ถูกต้อง ทำได้ค่ะ แต่ว่าเปลี่ยนคนไม่ได้นอกจากเขาเอง เมื่อได้ยินได้ฟังแล้วนะคะ จะเห็นประโยชน์แค่ไหน
แต่เราก็ไม่ใช่คนที่ท้อถอยหรือสิ้นหวัง เพราะว่าเราหวังดีต่อทุกคน ที่จะให้ได้ประโยชน์จากพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นก็ทำทุกทางที่จะให้ทุกคน ไม่ว่าใครไม่ใช่เฉพาะคนหนึ่งคนใดนะคะ แต่คนที่สามารถจะเข้าใจพระธรรมได้ ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดนะคะ คือได้รู้จักคำว่าธรรม ลืมคำนี้ไม่ได้เลยค่ะ
เพราะไม่ว่าจะเป็นสติ ไม่ว่าจะเป็นปัญญา ไม่ว่าจะเป็นโกรธ ไม่ว่าจะเป็นไรทั้งหมด ก็ยังเป็นเราใช่ไหมคะ แต่ว่าถ้ามีความเข้าใจจริงๆ ว่าเป็นธรรม เพราะฉะนั้นความเข้าใจธรรมคำเดียวสามารถที่จะทำให้ถึงความเป็นพระอรหันต์ เพราะเหตุว่าไม่มีเรา แต่มีธรรม นี่แน่นอน เพราะฉะนั้นก่อนอื่นนะคะ เกิดมากี่ชาติก็คือเป็นเราทุกชาติ ตายไปแล้วก็คนที่ระลึกชาติใดก็ชาติก่อนเป็นอย่างนั้นอย่างนี้นะคะ
จนกว่าจะได้รู้ความจริงว่าแต่ละหนึ่งขณะ ไม่มีการที่จะเป็นอะไรได้เลยนอกจากเป็นธรรมทั้งนั้น แข็งเป็นเราได้ไหม หรือว่าแข็งเป็นแข็ง ประโยชน์จากการฟังธรรมค่ะ แข็งเป็นเราได้ไหม หรือว่าแข็งเป็นแข็ง ต้องเป็นคนละเอียดนะคะ ประโยชน์จากการที่ได้รับฟังธรรมต้องละเอียดขึ้นๆ เมื่อมีความเข้าใจอะไรแล้วนะคะ ยังไม่พอค่ะ ยังต้องสามารถที่จะรู้โดยการสนทนากันว่าเข้าใจมากน้อยแค่ไหน เช่นถามว่า เห็นเป็นเราหรือเปล่า
ผู้ฟัง ขออนุญาติครับ เห็นเป็นเราครับ เพราะเราเห็นจริงๆ ครับ คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือธรรมครับ
ท่านอาจารย์ นั่นคือลืม ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าอย่างไร สิ่งที่มีจริงทั้งหมดเป็นเพียงแค่สิ่งที่มีจริง จะเป็นของใครไม่ได้ เห็นดับแล้ว อยู่ไหน ไม่มีอีกต่อไปในสังสารวัฏ ก่อนเห็นมีเห็นไหมคะ ถ้าเห็นยังไม่เกิดก็ไม่มี เลยว่าไม่มีเราหรอ เพราะว่าเห็นยังไม่เกิด แต่พอเห็นเกิดแทนที่จะรู้ว่าเห็นเกิด เพราะเราไม่ได้ไปทำนะคะ เนี่ยที่ทุกคนกำลังเห็นเนี่ยไม่มีใครไปทำเห็นเลย แต่เห็นนั่นแหละต้องเกิดเมื่อมีเหตุปัจจัยที่จะให้เห็น ยับยั้งไม่ได้
แล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเหตุที่จะให้เกิดเห็น มากเกินกว่าที่เราคิด เพราะแต่ละคนเนี่ยนะคะ บางครั้งเห็นสิ่งที่น่าพอใจ บางครั้งเห็นสิ่งที่ไม่น่าพอใจ เลือกไม่ได้เลย ทำไมต้องเป็นอย่างนั้น จนกระทั่งบางคนก็พูดกันว่าทำไมต้องเป็นเรา แต่ถ้าฟังธรรมแล้ว เพราะต้องเป็นเรา เป็นอื่นไม่ได้เลย เพราะตามเหตุตามปัจจัย
เพราะฉะนั้นใครทำเห็นให้เกิดได้ไหม ไม่ได้นะคะ เห็นขณะนี้เกิดแล้ว ดับแล้วค่ะ ทันทีที่ได้ยินเกิด ไม่มีเห็น มีแต่เสียง เสียงกับสิ่งที่ปรากฏทางตาเนี่ยไม่ใช่อย่างเดียวกัน เพราะฉะนั้นเห็นกับได้ยินก็ต้องต่างกันด้วย และต้องเกิดด้วยถ้าไม่เกิดก็ไม่มี และต้องมีปัจจัยที่ทำให้เกิดด้วย ถ้าไม่มีปัจจัย ไม่สามารถจะเกิดได้เลย เพราะฉะนั้นเห็นมีจริงเป็นธรรม ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ของใคร และไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร นี่คือสิ่งที่เริ่มไตร่ตรองนะคะ เริ่มเข้าใจถูกต้องว่านี่คือการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทำให้คนที่หลงยึดผิดว่ามีเราตั้งแต่เกิดจนตายทุกชาติ ได้เริ่ม นะคะ มีความเข้าใจว่าไม่มีเราแน่นอนค่ะ
เพราะเหตุว่าสิ่งที่ดับแล้ว ไม่กลับมาอีกแล้วเราจะอยู่ไหน เพราะฉะนั้นไม่มีเรานะคะ มีแต่ธรรมซึ่งเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย และสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตามที่เกิดแล้วดับ นี่เป็นสิ่งซึ่งคนธรรมดาจะไม่รู้เลย จนกว่าจะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเริ่มเข้าใจ แค่เข้าใจนะคะ แต่ว่าพระสัมมาสัมเจ้าทรงแสดงหนทางที่จะทำให้ประจักษ์ความจริงนี้ ถึงความเป็นพระอริยะบุคคล ถึงการดับกิเลสตามลำดับจนเป็นพระอรหันต์
เพราะฉะนั้นก็ต้องรู้ค่ะว่าแต่ละคำ ทำให้เกิดความเข้าใจถูก และต้องพิจารณาก่อนนะคะ จริงหรือเปล่า ถ้าเห็นไม่เกิดจะมีเห็นไหม ถ้าได้ยินไม่เกิดจะมีได้ยินไหม เมื่อเห็นแล้ว เห็นต้องดับ เพราะฉะนั้นเห็นไม่ใช่เรา แต่เห็นมีจริงนะคะ ซึ่งใช้คำว่าธรรม เพราะฉะนั้นอะไรทุกอย่างที่มีนะคะ ที่เคยเข้าใจว่าเป็นเราแยกออกไปแต่ละหนึ่ง ได้ไหม
ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เดี๋ยวนี้ยังเป็นเราอยู่ใช่ไหมคะ สามารถแยกออกไปให้ละเอียดยิบได้ไหมคะ ค่ะ ระเบิดปรมาณูลูกเดียวก็ไม่เหลือแล้วใช่ไหมคะ ละเอียดยิบเพราะอะไร เพราะมีอากาศธาตุแทรกอยู่ทุกส่วนที่ละเอียดอย่างยิ่ง เพราะว่าโต๊ะนี่คะ ก็สามารถที่จะแยก แยกแยกจนละเอียดที่สุด
แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงแสดงความจริงว่าแม้ละเอียดอย่างไรนะคะ ก็มีสิ่งที่เป็นธรรม ๘ อย่าง เกิดรวมกันแยกไม่ได้เลย นี่คะคือถ้าปัญญาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ก็จะได้รู้ว่าคำไหนเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าใครจะพูดนะคะ ก็เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะพระองค์ตรัสไว้ดีแล้ว
อ.อรรณพ ถ้าเราเพียงคิดนะครับ ว่าพระพุทธศาสนาเนี่ยได้เป็นประโยชน์กับประเทศชาติให้มั่นคงซะเร็วๆ โดยการที่ให้ระบุในกฎหมาย ให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติกราบเรียนท่านอาจารย์ครับ
ท่านอาจารย์ ค่ะ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะทำอะไรนะคะ ควรที่จะไตร่ตรอง คิดถึงประโยชน์ มิฉะนั้นแล้วสิ่งใดก็ตาม ที่ทำนะคะ ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจจะเป็นประโยชน์ไม่ได้เลย ด้วยเหตุนี้นะคะ ก่อนที่จะคิดถึงการที่จะให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ต้องคิดว่าแล้วมีประโยชน์อะไร ใครลองตอบสิ ว่าถ้าให้พระพุทธศาสนาบัญญัติไว้ว่าเป็นศาสนาประจำชาติประโยชน์อยู่ที่ไหน มีประโยชน์อะไรรึเปล่า หรือว่าทำให้เกิดการแตกแยก
เพราะเหตุว่าแต่ละคนนะคะ ก็มีความคิดของตนๆ เองเขาจะนับถืออะไรนั้น เราบังคับได้ไหม ใช่ไหมค่ะ แต่ถ้าบอกว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ผลคืออะไร และประโยชน์คืออะไร จะทำให้คนนับถือพระพุทธศาสนาทั้งประเทศหรือ เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นมีประโยชน์ไหม ที่จะทำในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ เพราะถึงอย่างไร ก็ไม่มีการที่จะเป็นพระพุทธศาสนาประจำชาติได้
เพราะเหตุว่าถ้าเป็นผู้ที่เข้าใจธรรมจริงๆ นะคะ ก็รู้ว่าไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย คนไทย ถ้าอย่างงั้นก็พระพุทธศาสนาประจำโลก ถูกกว่าไหม หรือว่าประจำสากลจักรวาลนี่ ถูกกว่าไหม แต่ก็เป็นไปไม่ได้ใช่ไหมคะ เพราะเหตุว่าไม่ใช่ว่าทุกคนจะสะสมมาที่จะมีความเห็นที่ถูกต้อง ด้วยเหตุนี้นะคะ ทุกครั้งที่คิดจะทำ ต้องรู้ว่าเป็นโทษหรือเปล่า เป็นประโยชน์หรือเปล่า และผลจะเกิดขึ้นอย่างไร ถ้าไม่ใช่ผลดีนะคะ ทำ ทำไม และอีกอย่างหนึ่งนะคะ
ผู้นั้นนะคะ เข้าใจพระพุทธศาสนาหรือยัง คนที่คิดที่จะให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ เข้าใจพระพุทธศาสนาแล้วหรือยัง ถ้าไม่เข้าใจแล้วบอกว่าให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ โดยตนเองก็ไม่เข้าใจ แล้วจะมีประโยชน์อะไร ด้วยเหตุนี้ต้องเป็นคนที่ละเอียดมากจริงๆ นะคะ จึงสามารถที่จะได้สาระ แล้วก็รู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์จริงๆ
เพราะฉะนั้นประโยชน์จริงๆ คือเริ่มพิจารณาว่า เราเองเข้าใจพระพุทธศาสนาอย่างไรเข้าใจพระพุทธศาสนาเป็นพิธีกรรม ผิดเลยเพราะว่าพระพุทธศาสนาไม่ใช่พิธีกรรม ศาสนาเป็นคำสอนจะเป็นพิธีกรรมได้ยังไง และศาสนาเป็นคำสอนให้เกิดความเห็นถูก เข้าใจถูกนะคะ ซึ่งไม่มีผู้ใดที่จะกล่าวคำจริงถึงที่สุดให้เข้าใจถูกต้องได้อย่างนี้
เพราะฉะนั้นถ้าไม่เข้าใจอย่างนี้ จะชื่อว่าเป็นพระพุทธศาสนาไหม สอนเพื่อให้เห็นถูก เข้าใจถูกในทุกสิ่ง แต่เราไม่รู้เลยว่าสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ ความจริงที่ถูกต้องคืออะไร แล้วก็จะให้ไปเป็นศาสนาประจำชาติ มีเหตุผลหรือเปล่า ถูกต้องหรือเปล่า
เพราะพระพุทธศาสนาตามที่คนที่ไม่ได้ศึกษาคิด ก็คือว่าพิธีกรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการบวชนะคะ หรือว่าทอดกฐิน หรือว่าจะทำอะไรทั้งหมด สร้างวัดนี่คะ รู้ไหมว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าอย่างไร แล้วถ้าไม่รู้ แล้วทำด้วยความไม่รู้ เป็นประโยชน์หรือเปล่า เพราะฉะนั้นต้องเป็นผู้ที่ละเอียดมากนะคะ ถ้าไม่รู้จักพระพุทธศาสนาแล้วให้เป็นศาสนาประจำชาติ แล้วก็เข้าใจผิดด้วย คิดว่าพระพุทธศาสนาเป็นพิธีกรรม
เพราะฉะนั้นชาติไทยมีพิธีกรรมเป็นศาสนาประจำชาติ หรือว่ามีพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาคือคำสอนค่ะ ไม่เป็นอื่นเลยทั้งสิ้น ไม่ใช่ให้ไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ แต่ว่าจากความไม่รู้ทั้งหมดที่เคยไม่รู้ เริ่มรู้ถูกต้องตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้นนะคะ รู้จักพระพุทธศาสนาแล้วหรือยัง ถามตัวเองค่ะ เป็นผู้ที่ตรงจริงใจ กล้าหาญ มั่นคง
สนทนาธรรมที่คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
วันที่ ๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๑
ท่านอาจารย์ ยากนะคะ ที่จะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะเหตุว่าถ้าเราไม่ได้เข้าใจคำที่พระองค์ได้ตรัสไว้ดีแล้ว เราไม่สามารถที่จะรู้จักพระองค์ได้เลย เราก็เพียงแต่รู้ประวัติพระองค์ทรงบำเพ็ญพระบารมี เป็นเจ้าชายสิทธัตถะแล้วก็เมื่อถึงเวลาที่จะได้ตรัสรู้ก็ตรัสรู้ความจริง เท่านั้นเองใช่ไหมคะ ที่เราจะรู้จักพระองค์
แต่ว่าพระธรรมที่ได้ทรงแสดงไว้ ๔๕ พรรษานี่คะ ทุกคำเป็นสิ่งซึ่งทำให้ จากความไม่รู้ ตั้งแต่เกิดจนตายกี่ภพกี่ชาติได้เริ่มมีความเข้าใจที่ถูกต้อง และเริ่มรู้ว่ามีบุคคลที่มีพระปัญญา และพระบริสุทธิคุณเหนือบุคคลใดๆ นะคะ ที่ได้ตรัสคำที่ทำให้เราเนี่ยจากความไม่รู้อะไรเลยมานานแสนนานเนี่ย ได้เริ่มที่จะมีความเข้าใจที่ถูกต้อง
เพราะฉะนั้นก็เป็นสิ่งซึ่งต้องฟังด้วยความเคารพ ที่ว่าเคารพนี่นะคะ ก็คือว่าต้องฟังด้วยการไตร่ตรอง พิจารณา รู้ว่าคำแต่ละคำเนี่ยไม่ใช่คำของคนที่เราเคยได้ฟังมาแล้วทั้งหมด แต่เป็นคำที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน แล้วเป็นคำที่เป็นความจริงนะคะ ซึ่งจะรู้ได้ว่าคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสกับปัญญาของเรา เทียบกันไม่ได้เลย
เพราะฉะนั้นใครที่คิดว่าเพียงอ่าน และเพียงฟังไม่กี่คำ ก็จะเข้าใจธรรม ไม่ถูกต้องนะคะ เพราะเหตุว่าไม่รู้ว่าพระปัญญาคุณของพระองค์นี่คะ มากมายมหาศาลเป็นศาสดาคงไม่ใช่แต่เฉพาะโลกมนุษย์นะคะ ทั้งเทวโลก พรหมโลก ทุกโลก ไม่มีใครสามารถที่จะมีปัญญาเท่าฟังแค่นี้ค่ะ และแต่ละคำที่ได้ยินเนี่ยเราเข้าใจความลึกซึ้งของธรรมที่พระองค์ได้บำเพ็ญพระบารมีที่จะตรัสรู้มากน้อยแค่ไหน
เพราะฉะนั้นเป็นผู้ไม่ประมาทนะคะ พระปัจฉิมวาจาสุดท้าย ก่อนที่จะปรินิพพานพระองค์ตรัสว่า จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม ให้ถึงพร้อมตั้งแต่เริ่มฟัง ฟังคำของใคร ต้องรู้เลยค่ะ แต่ละคำเนี่ยมีความลึกซึ้งอย่างยิ่งนะคะ ที่ต้องไตร่ตรองประโยชน์สูงสุดก็คือว่าถ้าไม่มีโอกาสได้ฟังคำของพระองค์ในชาตินี้ ต่อๆ ไปก็จะมืดสนิทเหมือนเดิม ซึ่งไม่เคยรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้เลย
เพราะฉะนั้นก็ศึกษาธรรมนะคะ ด้วยความเข้าใจแต่ละคำจริงๆ เช่นคำว่าธรรม ชินหูมากเลยนะคะ พระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระพุทธก็คือพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า แต่พระธรรมกับพระสงฆ์ เข้าใจแค่ไหน เพราะเหตุว่าถ้าไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะไม่รู้เลยนะคะ แต่ละคำเนี่ยเหมือนแสงสว่างที่จะนำไปสู่การเข้าใจสิ่งที่กำลังมีทุกอย่างในขณะนี้ จนกระทั่งสามารถที่จะดับกิเลสได้
เวลานี้ใครก็ไม่รู้ว่ามีกิเลสมากน้อยแค่ไหน แต่ความจริงนะคะ กิเลสทั้งวัน ก็ไม่รู้ แล้วก็ทุกวัน แล้วก็ทั้งชาติ แล้วก็กี่ชาติ มากมายมหาศาลนะคะ แต่ไม่ได้ปรากฏให้รู้เลย ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นจึงไม่มีการขัดเกลา ละคลายกิเลส ซึ่งเป็นโทษอย่างยิ่งนำมาซึ่งความประพฤติทางกาย ทางวาจา ซึ่งเป็นโทษ แต่ก็ไม่รู้ค่ะ ก็ทำไปเพราะว่าไม่รู้
ด้วยเหตุนี้นะคะ ประโยชน์อย่างยิ่งก็คือว่าเมื่อได้ฟังแล้ว รู้ว่าจากที่เคยเป็นเรา หรือเป็นสิ่งนั้น สิ่งนี้ มานานก็เริ่มเข้าใจความจริงว่า สิ่งที่พระองค์ตรัสรู้ ไม่ได้ตรัสรู้สิ่งอื่นเลยนะคะ ตรัสรู้ทุกสิ่งที่มีในห้องนี้ ไม่ว่าจะอยู่ ณ สถานที่ใดก็ตาม เป็นสิ่งที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้ และทรงแสดงความจริง ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะกล่าวถึงความจริงถึงที่สุดได้ เช่น พระองค์
เพราะฉะนั้นแต่ละคำไม่ประมาทค่ะ ธรรมคือสิ่งที่มีจริง พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ธรรม ทรงแสดงพระธรรม คำของพระองค์ที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริง จนกระทั่งทำให้ผู้ที่ฟังนี่คะ สามารถเข้าใจถูกจนกระทั่งดับกิเลสได้ไม่เหลือเลย เช่นเดียวกับพระองค์ เพราะฉะนั้นหนทางที่จะดับกิเลสนะคะ ก็ต่อเมื่อมีความเข้าใจคำที่ได้ฟัง จนกระทั่งถึงความเป็นพระอริยะบุคคล
ด้วยเหตุนี้ แม้แต่รัตนตรัยเนี่ยเป็นรัตนะสูงสุดนะคะ มี ๓ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมที่จะนำไปสู่การดับกิเลส และพระอริยสงฆ์ซึ่งได้อบรมเจริญปัญญา ได้เข้าใจธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดง จนถึงความเป็นพระอริยะบุคคล มิเช่นนั้นเราก็กล่าวธรรมดานะค่ะ พระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่ไม่ละเอียด ไม่ลึกซึ้ง ที่ว่าหมายความถึงอะไร
เพราะฉะนั้นก็ต้องฟังแล้วก็สนทนา ถ้ามีข้อสงสัยประการใดซึ่งคำของพระองค์เนี่ย จะไม่เหมือนคำของคนอื่นที่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน จนกระทั่งมีความเข้าใจที่ถูกต้อง และก็จะมั่นคง ในการที่จะกล่าวว่ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง มิฉะนั้นเราก็เพียงแต่กล่าวคำว่ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง แต่ไม่ได้คิดนะคะ พึ่งตอนไหน พึ่งเมื่อไหร่ กำลังพึ่งอยู่หรือเปล่า
สมัยนี้มีพระอริยะบุคคลไหมคะ โดยเหตุผลนะคะ ถ้าไม่เข้าใจธรรม คำนี้เป็นคำตอบ ถ้าไม่เข้าใจธรรม จะเป็นพระอริยะบุคคลได้อย่างไร ไม่ใช่ใครก็บอกว่าคนโน้นเป็นพระอริยะบุคคลคนนี้ก็เป็นพระอริยะบุคคล แต่เข้าใจธรรมหรือเปล่า ถ้าไม่เข้าใจธรรม ก็ไม่มีทางเลยค่ะที่จะกล่าวว่า ผู้นั้นหรือผู้นี้เป็นพระอริยะบุคคล เพราะว่าต้องเป็นผู้ที่มีความเห็นถูก มีความเข้าใจถูกนะคะ ในสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ ไม่ต้องไปหาธรรมที่ไหนเลยค่ะ
ทั้งหมดขณะนี้เป็นธรรม เพราะธรรมคือสิ่งที่มีจริง ทุกอย่างที่มีจริงนะคะ เป็นธรรม แต่ว่าถ้าถามคนที่ไม่ได้ฟังธรรมนะคะ จะตอบว่าอะไรคะ อะไรมีจริง ดอกไม้มีจริง โต้ะมีจริง คนมีจริง เก้าอี้มีจริง หากเป็นอย่างนี้จะเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือ ใครๆ ก็พูดได้เดี๋ยวนี้ดอกไม้มีจริง โต๊ะมีจริง แต่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะคะ กล่าวถึงสิ่งที่มีจริง แต่ละหนึ่ง อย่างละเอียดอย่างยิ่งโดยประการทั้งปวง ถามว่าจะเป็นพระอริยะบุคคลโดยไม่เข้าใจธรรมได้ไหม
ผู้ฟัง ไม่ได้ครับ
ท่านอาจารย์ ค่ะ เพราะฉะนั้นใครก็ตามนะคะ ที่ได้ข่าวว่า ผู้นั้น ผู้นี้ เป็นพระอริยะบุคคลต้องรู้ว่าเขาไม่สามารถที่จะเป็นพระอริยะบุคคลได้ ถ้าไม่เข้าใจธรรม ฉะนั้นนะคะ ถ้าเราไม่รู้ว่าธรรมคืออะไร เราจะรู้ไหมว่าใครเป็นพระอริยะบุคคล เขาบอกก็เชื่อ เพราะเหตุว่าเราไม่เข้าใจธรรม
แต่ถ้าเราสามารถที่จะรู้ว่าธรรมคืออะไร หนทางที่จะไปสู่การเป็นพระอริยะบุคคลหมายความว่าผู้รู้ความจริงถึงที่สุดนะคะ จนกระทั่งสามารถที่จะดับความไม่รู้ และความเห็นผิด เข้าใจผิด ซึ่งมีมาตลอดเวลาในสังสารวัฎ ตราบใดที่ไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นเพื่อให้ทุกคนนะคะ เห็นประโยชน์อย่างยิ่งของการที่จะได้เข้าใจความจริงไม่ใช่เพียงแต่พูดตามๆ เชื่อตามๆ กัน แต่ไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าแต่ละคำเนี่ยหมายความถึงอะไร
เพราะฉะนั้นจึงต้องฟังธรรมด้วยความเคารพนะคะ ทีละคำจริงๆ แต่ละคำ เพราะฉะนั้นประโยชน์ที่สุดก็คือว่าต้องเข้าใจ และอีกอย่างหนึ่งนะคะ ภาษาไทยเราใช้คำว่าเข้าใจแต่ภาษาบาลีก็คือปัญญา เราได้ยินคำนี้บ่อยนะคะ แต่ว่าไม่รู้เลยค่ะ ว่าจริงๆ แล้วเนี่ย ปัญญามีจริงๆ ไม่ใช่ไม่มี เป็นคำภาษาบาลีไม่ใช่ภาษาไทย
เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่เข้าใจคำนั้นในภาษานั้น เราก็เดาเองว่าปัญญารู้อย่างนั้น ปัญญารู้อย่างนี้ ปัญญาเรียนจบมหาวิทยาลัย ปัญญาประดิษฐ์สิ่งต่างๆ ได้แต่ว่าปัญญาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส เป็นสภาพธรรมที่มีจริงนะคะ และปัญญานั้นสามารถจะรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง
เพราะฉะนั้นก็ต้องรู้ได้นะคะ ว่าการที่เราฟังธรรมเผินๆ เนี่ย เราก็เข้าใจเผินๆ แต่ถ้าเราเข้าใจ เราก็รู้ว่าถ้าเข้าใจอย่างนี้นะคะ เดี๋ยวนี้เห็นอะไร ถ้าไม่ใช่ปัญญาก็ตอบไม่ได้ ใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นปัญญาต้องไม่ใช่อย่างที่เราคิด ต้องเป็นการที่สามารถเข้าใจสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ ทางตา เห็นมีจริงๆ แต่ว่าเห็นอะไร ปัญญาตอบได้ แต่ถ้าไม่ใช่ปัญญาก็ตอบไม่ถูก
เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ว่าไปตามๆ กันนะคะ ไม่ว่าใครพูดอะไรหรือแม้แต่จะพูดว่าสำนักปฏิบัติวิปัสสนา เข้าใจวิปัสสนาว่ายังไง เข้าใจว่าปฏิบัติคืออะไร ถ้าไม่เข้าใจแล้วก็หลงเข้าใจว่าเข้าใจแล้วนะคะ แต่ความจริงแม้แต่คำว่าปัตติ ปัตติ เป็นภาษาบาลี ไม่ใช่ภาษาไทย แต่คนไทยก็พูดตาม แต่ว่าออกเสียงไม่ตรงนะคะ ก็ใช้คำว่าปฏิบัติ แต่มาจากคำว่าปัตติ ปัตติ ปัตติ แปลว่าเฉพาะ ปัตติแปลว่าถึง ถ้าแปลรวม ถึงเฉพาะ ไม่เข้าใจเลยใช่ไหมคะ
แต่เป็นปัญญาระดับที่สามารถถึงความเข้าใจเฉพาะสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ ตรงตามความเป็นจริงทีละหนึ่ง ว่าเป็นธรรมแต่ละอย่างซึ่งไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล เดี๋ยวนี้นะคะ สิ่งที่กำลังมีจริงๆ เป็นธรรมทั้งหมด ซึ่งถ้าไม่เคยฟังจะไม่คิดเลยค่ะ ว่าเห็นนี่ก็เป็นธรรม เสียงก็เป็นธรรม เพราะอะไรคะ เพราะมีจริง
เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจพื้นฐานตั้งแต่คำแรก สิ่งที่มีจริง จะปฏิเสธไม่ได้ ใช่ไหมคะ บางคนฟังธรรมแล้วก็งงค่ะ พอถามว่าเห็นมีไหม ชักงงว่า เอ๊ะ ทำไมถามถึงเห็น ซึ่งเป็นธรรมดาทุกคนก็กำลังเห็น แล้วมาถามว่า เห็นมีไหม ใช่ไหมค่ะ ก็เลยงง คิดได้จนกระทั่ง เอ้ะ เห็นมีรึเปล่า แต่ถ้ามาเป็นเรื่องตรง เรื่องจริง เรื่องธรรมดา เพียงแต่ว่าความเข้าใจของเรานะคะ จากการที่ไม่เคยฟังธรรมเนี่ย เป็นอย่างหนึ่ง แต่ว่าธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ก็คือสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ พระองค์ทรงตรัสรู้เห็น แค่นี้น่าอัศจรรย์นะคะ แค่เห็นธรรมดา แต่ว่าพระสัมมาสัมเจ้าทรงตรัสรู้เห็น เพราะอะไร เห็นมีจริง
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1381
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1382
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1383
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1384
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1385
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1386
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1387
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1388
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1389
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1390
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1391
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1392
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1393
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1394
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1395
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1396
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1397
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1398
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1399
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1400
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1401
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1402
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1403
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1404
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1405
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1406
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1407
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1408
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1409
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1410
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1411
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1412
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1413
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1414
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1415
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1416
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1417
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1418
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1419
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1420
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1421
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1422
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1423
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1424
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1425
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1426
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1427
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1428
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1429
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1430
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1431
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1432
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1433
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1434
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1435
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1436
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1437
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1438
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1439
- ปกิณณกธรรม ตอนที่ 1440