พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 868
ตอนที่ ๘๖๘
ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
วันอาทิตย์ที่ ๒๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
ถ้าจะค่ะถ้าจะบอกว่าทุกวันนี้ หลังเห็นหลังได้ยิน พี่กิเลสขึ้นมา แล้วก็เอามาปรุง วงเสร็จก็ สะสมไว้ในจิตไหม ตรงเนี้ยดูเหมือนฟังแล้วก็น่ากลัวมาก ที่จะเรียนสนทนาก็คือถ้าจะลบจะมีเหตุปัจจัยอะไรที่ทำให้ไม่เป็นเช่นนี้คือไม่คุยไม่ปรุงแล้วก็ไม่สะสมเข้าไปอีก ปกตินะคะ เป็นอย่างนั้นแต่จะเข้าใจได้ และก็ค่อยค่อย หลากหลายชั้นที่จะเป็นอกุศลเพิ่มเติมได้เพราะฉันมีธรรมะสองฝ่ายความไม่รู้ฝ่ายหนึ่งจึงนำมาซึ่งคำถามนี้นะคะ และก็ความรู้ความเข้าใจถูกความเห็นถูกในสิ่งที่กำลังมีในคณะ เพราะฉะนั้นในขณะนี้ค่ะคุยกิเลสหรือยัง คือทุกอย่างเลยนะคะ ถ้าไม่พูดถึงสิ่งที่มีในขณะนี้ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้เราพูดถึงชื่อต่างๆ มากมายในคัมภีร์ต่างๆ แต่ว่าเมื่อสิ่งนั้นยังไม่ใช่ขณะนี้เราก็ไม่สามารถที่จะรู้ความจริงได้ เพราะฉะนั้นขณะนี้นะคะ สิ่งใดที่กำลังปรากฏเราต้องเข้าใจแม้แต่คำว่าคุยหรือไม่คุยกิเลส เดี๋ยวนี้หลังจากที่เห็นแล้วเนี่ยใครรู้บ้างว่าเพราะไม่รู้ว่าเห็นเป็นธรรมะซึ่งมีจริงเกิดแล้วเพราะเหตุปัจจัย และที่ไม่รู้ยิ่งกว่านั้นก็คือว่าเมื่อเกิดแล้วเห็นแล้วดับไปเห็นทำอย่างอื่นไม่ได้เลยค่ะนี่คือการฟังเพื่อที่จะปลูกฝังความเห็นถูกความเข้าใจถูก ลงในจิตจนกระทั่งมั่นคงที่จะเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏไม่ว่างขนาดไหนพระเอกว่าถ้าสามารถจะเข้าใจขณะนี้ได้คณะอื่นๆ ก็สามารถที่จะเข้าใจได้เพราะว่าขณะนี้เห็น ขณะต่อไปก็ไม่เห็นอีกทั้งวันทั้งชาติแล้วไม่รู้เรื่องสิ่งที่มีทุกวันเพื่อแสดงว่าเราเพียงแต่ฟังธรรมะฟังเรื่องของธรรมะนะคะ แต่ถ้าในขณะนี้ค่ะกำลังเข้าใจสิ่งที่ปรากฏ ซึ่งไม่ใช่ ต์ค้านกับความเห็นของคนอื่นความคิดของคนอื่น และยังไม่เป็นไปตามที่ทรงแสดงเพราะอวิชาเพราะการไม่รู้ความจริง เพราะฉะนั้นการที่จะรู้ความจริงได้นะคะ คือเริ่มฟังให้เข้าใจสิ่งที่มีในขณะนี้เพื่อเข้าใจขึ้น แม่แปลกๆ และคำที่คุณอรวรรณสงสัยนะคะ เช่นผู้มีกิเลสเมื่อวานนี้ก็พูดไปแล้วก็เอามาปรุงแต่งให้มันมากขึ้น และในที่สุดก็กลับไปสู่จิตเพิ่มกำลังของกิเลสขึ้นอีกก็ต้องรู้ว่าเดี๋ยวนี้ค่ะคุยกิเลสหรือเปล่ากำลังเห็น ต้องลงนะคะ ธรรมะต้องตรงอาจารย์ขาทำให้เข้าใจความจริงของเห็นส่วนใหญ่ก็จะไม่รู้ก็อย่างน้อยก็สะสมความไม่รู้ค่าขึ้นแต่ยังไม่ได้คุยใช่ไหมคะ ยังไม่เห็นว่ากิเลสมากๆ เลยที่สะสมไว้ในใจในอยู่ที่ไหน และมีอะไรบ้างแต่ถ้ามีเหตุการณ์ที่ไม่ใช่ธรรมดาอยากเห็นธรรมดาเป็นปกติธรรมดานะคะ แต่ว่าเหตุการณ์ที่ทางเพจตื่นเต้นตกใจวิตกกังวลเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อนะคะ จะเห็นได้ว่ากิเลส และไม่น้อยเพียงแค่เห็นแล้วติดข้องไม่รู้ในเห็นแต่มากกว่านั้นอีกมากทีเดียวเพราะเหตุว่าพีบีซีหรือสิ่งใดปรากฏนะคะ สิ่งนั้นใหญ่แค่ไหนตามกิเลส ถ้าพระอรหันต์ในการได้ยินได้ฟังเรื่องต่างๆ เหล่านั้นจะมีเหตุใหญ่ๆ สำหรับผ่านไหมคะหรือว่าเป็นธรรมดาเพราะเป็นธรรมะธรรมะคือธรรมดากับมาจากคำภาษาบาลีวัดธัมมะตาหมายความถึงความเป็นไปของธรรมะจะเปลี่ยนความเป็นไปของธรรมะให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้ เช่นในขณะนี้เห็นแล้วก็หลังจากที่เห็นเกิดขึ้น และดับไฟเพราะเห็นแล้วก็ดับแต่สภาพของจิตไม่ได้เพียงสูญสิ้นไป ต์ขณะที่จิตเห็นเกิดขึ้นเห็นแล้วดับแปลกก็เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อซึ่งยากที่จะรู้ได้เพราะเห็นว่าธรรมะเป็นสิ่งที่ละเอียดลึกซึ้ง แม้แต่พูดเรื่องจิตก็ฟังเรื่องจิตแล้วก็จิตก็เกิดจากก็ยังไม่ได้บริจาคการเกิดดับของจิตแต่ฟังเรื่องจิตเกิดจาก และเวลาที่จิตเกิด และดับไปจิตอื่นเกิดต่อแล้วก็ความเป็นเรา เชื่อว่าความยินดีพอใจในสเห็นเพราะขณะนั้นเป็นความไม่รู้แน่นอนใช่ไหมคะก็ต้องเกิดเป็นกิเลสแตกอย่างบางเบาจึงใช้คำว่าอาสวะยังไม่ถึงกับไปคุยขึ้นมาให้เห็นว่ามีอะไรบ้างแต่เวลาที่มีเหตุการณ์ต่างๆ ที่รู้สึกว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญร้ายแรงหรืออะไรก็แล้วแต่ ขนาดนั้นนะคะ มีใครจริงๆ หรือเปล่า มีคนอื่นอยู่ มีสภาพของจิตซื้อฟรี ไปตามเรื่องราวที่ได้ยินบ้างไปฟังบ้างคิดนึกบ้างซึ่งขณะนั้นจะไม่รู้เลยค่ะว่ากำลังมีเรื่องใหญ่กำลังมีคนมีเหตุการณ์ต่างๆ ท่าทีเจ๊งก็เพราะจิตเกิดขึ้นคิด และจิตที่คิดนะคะ ใครรู้บ้างว่าเป็นกุศลหรือเป็นอกุศล หลังเดินนะคะ ธรรมดาทุกวันเนี้ยเป็นอกุศลมากกว่าปกติใช่ไหมคะ ชอบมากๆ อยากให้เป็นอย่างนั้นอยากให้เป็นอย่างนี้ใช่ไหมคะอ๋ออยากให้เป็นอย่างนั้นอยากให้เป็นอย่างนี้แล้วไม่เป็นก็โกรธมากไม่พอใจมากขุ่นเคืองมากคุยแล้วใช่ไหมคะ ที่อยู่ในจิต และมากมายมหาศาลแต่ถ้าไม่มีอะไรที่มันเป็นไม่สามารถที่จะเห็น อะไรไว้บ้างความสำคัญตนก็มีความริษยาก็มีหรือสภาพธรรมะที่เป็นอกุศลทั้งหมดในการ์ดอยู่ในจิตเพียบ ถ้าจะอุปมา๗หรือ๘ละหนึ่งคนนะคะ เหมือนเรือแล้วแต่เรือนั้นบรรทุกอะไรมาเลยค่ะแต่ละคนนะคะ ถ้าสำหรับผู้ที่ใกล้จะเป็นพระอรหันต์ และเต็มไปด้วยรัตนะสิ่งที่ดีงามทั้งนั้นเลยกุศลทุกประเภทแต่ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ขยะเต็มเรือ ก็บรรทุกไปนะคะ แต่แม้กระนั้นผู้ที่ได้อบรมทางฝ่ายกุศลที่เป็นบารมีมาพร้อมที่จะรู้แจ้งหรือสัทธรรมอย่างท่านพระราหุลพระผู้มีพระภาคยังทรงเตือนว่าประมาทไม่ได้เลยเพราะแม้ว่าเรือนั้นจะบรรทุกรัตนมามากมายแต่รั่วได้ ถ้าประมาทอเรือรั่วนะคะ ก็จมไปหมด ทางเรือ และรัตนะ เพราะฉะนั้นถ้าบุคคลใดก็ตามที่แม่สะสมกุศลความเห็นถูกความเข้าใจถูกมากแต่ไม่มีโอกาสได้ฟังคำบุคคลนั้นชาตินั้นก็ไม่สามารถที่จะรู้แจ้งเลี้ยงสัตว์ ต์มีโอกาสชี้แจง คลิป ถามที่ทรงแสดงไว้เป็นปัจฉิมวาจาก็ถือว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดไหนคะสังขารทั้งหลายไม่เที่ยง พวกเธอทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงปลอม เพราะฉะนั้นการฟังธรรมะต้องเป็นเรื่องละเอียดนะคะ ใครรู้ค่ะว่ากำลังคุยหรือไม่คุย ไม่ใช่คนอื่นบอกค่ะแต่เพราะได้ฟังพระธรรมแล้วก็ได้เข้าใจความจริงแท้ที่จริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่เหมือนปรากฏว่ามีในขณะนี้ก็เป็นเพราะธาตุรู้จิตเกิดขึ้นพร้อมเจตสิตซึ่งเกิดพร้อมกันดับพร้อมกันนะคะ รู้สิ่งที่ปรากฏในขณะที่จิตรู้อย่างเดียวกัน และก็ดับไป สืบตาเร็วมากค่ะ และขนาดไหนเป็นขณะที่เป็นทะเลที่กำลังราบเรียบขนาดไหนเต็มประเทศพายุเนกิเลสโผล่ออกมาให้เห็นมากมาย เพราะฉะนั้นการศึกษาธรรมะได้เป็นว่าที่ที่จะอยู่ต่อ ฟังจนกระทั่งเข้าใจจริงๆ ว่าเป็นธรรมะเมื่อนั้นก็จะหมดปัญหา ในชีวิตประจำวันครับผมวันกลับบ้านให้เข้าใจก็คือหมายความว่าขวัญกลับบ้านเมื่อปัญญาเจตสิกเกิดขึ้นรู้ลักษณะของรูปธรรมอย่างหนึ่งหรือรู้ลักษณะของนามธรรมอย่างหนึ่งเนี่ยมีประโยชน์อย่างไร เดี๋ยวนี้เห็นมีจริงๆ หรือเปล่าครับเป็นธรรมะหรือเปล่า เห็นไปทำมีจริงๆ ครับแล้วคนที่คุณประทีปสนทนาด้วยเข้าใจหรือเปล่าว่าทุกสิ่งที่มีจริงๆ เลยค่ะภาษาบาลีใช้คำว่าธรรมะแต่ภาษาไทยก็คือสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้แม่ไม่ต้องเรียกอะไรก็มีจริงๆ พี่ใช้คำว่าธรรมะเพราะเห็นว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นเพราะมีปัจจัยทำให้เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เพราะฉะนั้นจะเป็นใครไม่ได้เป็นของใครไม่ได้เพียงมีปัจจัยเกิดแล้วดับแล้วไม่กลับมาอีกคือให้ทุกคนสามารถจะเข้าใจความจริงเดี๋ยวนี้นะคะ ซึ่งกำลังมีจริงๆ ไม่ต้องใช้คำพิเศษ คืนนี้ดูของจริงสิ่งที่มีจริงๆ เป็นคนจริง หูได้ยิน ต์ และทรงแสดง เพราะฉะนั้นก่อนอื่นนะคะ เมื่อได้ยินคำไหนขอให้เข้าใจคำนั้นจริงๆ ไม่สับสน และก็เข้าใจจนถึงที่สุดด้วย เพราะฉะนั้นขณะนี้นะคะ ก็มีเหตุ เรายังไม่ได้เข้าใจเห็นสิ่งที่สุด เพียงแต่ว่าแต่ก่อนนี้ไม่เคยเลยที่จะเข้าใจว่าเห็นเนี่ยเป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ซึ่งประสานบาลีใช้คำว่าธรรมะ ภาษาบาลีไม่มีคำว่าสิ่งที่ตรัสรู้ใช่ไหมคะแต่มีคำว่าธรรมะคือสิ่งที่มีจริงซึ่งสามารถเข้าใจได้ และรู้ความจริงของสิ่งนั้นถึงที่สุดโดยที่ไม่มีใครสามารถที่จะรู้อย่างนั้นได้เช่นในขณะนี้ค่ะเห็นเกิดขึ้นแล้วเห็นแบบ ใครรู้ เห็นมีจริงๆ ใครไม่รู้ใช่ไหมคะก็คือให้เขาสามารถที่จะเข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ ขึ้นไม่รู้จะใช้คำกระแสอื่นแต่ก็หมายความถึงสิ่งที่มีจิตได้สไตล์ไหนก็สามารถที่จะทำให้เข้าใจสิ่งที่มีจริง ในภาษา แต่เมื่อได้ยินได้ฟังคำในภาษาบาลีซึ่งพระผู้มีพระภาคทรงแสดงด้วยผ้า๓ัคคีซึ่งเป็นภาษาที่ดำรงรักษาพระศาสนาไว้จึงใช้คำว่าปาละหรือป้าเลยคนไทยก็เรียกป๊อเป็นบอกก็คือภาษาไป เพราะฉะนั้นเราก็จะศึกษาความเข้าใจธรรมะควบคู่ไปกับคำที่เราได้ยินได้ฟังจากพระไตรปิฎก และอรรถกถา เพราะฉะนั้นก่อนอื่นให้เขาได้เข้าใจว่าสิ่งที่มีจริงขนาดนี้ และมีจริงๆ และพระอาจารย์ก็สัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงของเสียง และทรงแสดงว่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตามที่มีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นมีการดับไปเป็นธรรมดาให้เขาเข้าใจสิ่งที่กำลังมีอยู่ในขณะนั้นอย่างนี้ก่อนตามลำดับที่ระลึกที่ระนองหรือใครไม่เห็นด้วยครับเวลานี้สิ่งที่มีในขณะนี้ต้องเกิด ถ้าไม่เกิดไม่มี และเกิดเองก็ไม่ได้อยู่ดีดีอยากเห็นก็เห็นขึ้นมาใหม่ได้นะคะ ถ้าไม่มีจากคุณประสาไม่มีสิ่งที่สามารถกระทบ ในอุตสา๖รรมคือ๓อลิหมายความจื่อลู่พิเศษที่สามารถแอบชอบจัด๔สิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็นสีสันวรรณะ จะเรียกยังไงก็ได้ และเรียกคน ต์สิ่งที่กำลังมีจริงๆ เดี๋ยวนี้ปรากฏเมื่อจิตเห็นเกิดขึ้น ถ้าสามารถที่จะให้เขาเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดได้เนี่ยต้องมีปัจจัยเฉพาะสิ่งนั้น จึงทำให้สิ่งนั้นเท่านั้นเกิด เชลขณะที่ได้ยินไม่ใช่ขณะที่เห็นเพราะแสดงขณะที่ได้ยินมีจริงๆ นะคะ และเสียงที่ปรากฏในขณะที่จิตได้ยินก็มีเจตเสียงต้องเกิดต้องกระทบกับโสตประสาท่าซึ่งภาษาไทยใช้คำว่าหูนะคะ แต่ไม่ใช่ใบหูทั้งใบแต่เป็นรูปพิเศษที่มองไม่เห็น ที่สามารถกระทบกับเซียนแล้วก็ถ้าจิตได้ยินไม่เกิดเสียง นี่คือทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่หูหรือเสียงนะคะ หรือว่าจิตได้ยินก็ ซึ่งเกิด และยังไม่ดับในขณะนี้ ทำให้สภาพ ที่ปรากฏคือเซียนตั้งกฎว่าเสียงดีจริงๆ โหมดเป็นธรรมะขอให้เริ่มเข้าใจอย่างนี้นะคะ และรู้ว่าทรงแสดงความจริงจึงที่สุดของทุก จนกระทั่งบุคคลนะคะ มีความเห็นที่ถูกต้อง และเป็นธรรมะไม่ใช่เราไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดเลยแต่ว่าเป็นธรรมะแต่ละหนึ่งซึ่งมีลักษณะเฉพาะของสิ่งนั้นที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องใช้คำหลายคำมากมาย และจำนวนเยอะแยะนะคะ เพราะว่าขณะนี้ค่ะให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่ปรากฏจนกระทั่งบุคคลนั้นสามารถเข้าใจด้วยตัวเองว่าขณะนี้สิ่งที่มีจริงทั้งหมดเนี่ยเป็นสิ่งที่รู้ได้ไม่ใช่ไปหลงผิดยึด๔นะคะ เกิดมาแล้วอะไรเกิด ไม่รู้แต่เกิดมาแล้วเป็นดังฟืดเกิดมาแล้วต้องเห็นต้องได้ยินต้องคิดหนัก อะไรได้ยินเห็นไม่ใช่ได้ยินได้ยินไม่ใช่คิดแต่ก็มีทั้งเห็นบ้างได้ยินบ้างคิดนึกบ้างในชีวิตประจำวันแล้วก็จากโลกนี้ไปแล้วไปไหนแล้วอะไรไป นี่เป็นสิ่งที่มีโดยไม่รู้ตลอดทุกชาติแต่ว่าเมื่อผู้มีพระภาคทรงบำเพ็ญพระบารมีทรงตรัสรู้ก็มีผู้ที่มีโอกาสได้ยินได้ฟังได้ศรัทธาได้เห็นประโยชน์ว่าเกิดมาแล้วตายไปโดยที่ไม่รู้ความจริงเลย และเอาอะไรไปก็ไม่ได้เลยนะคะ นอกจากสิ่งที่เป็นกุศลบ้างอกุศล แล้วแต่ว่าวันนึงวันนึงอะไรเกิดมากอกุศลเกิดมาก็ยังไม่รู้ และนะคะ ว่าแท้ที่จริง และสะสมอยู่ตลอดเวลาตายไปจะไปไหนจะไปตามเหตุ เพราะฉะนั้นสองมือที่จะให้ผลอยู่หลายครั้งชูใจเมื่อเร็วๆ นี้เป็น และฟังธรรมะเพื่อเข้าใจความจริง และการเข้าใจความจริงเป็นประโยชน์สูงสุดเป็นประโยชน์ยิ่งเหนือสิ่งอื่นใด ใครอยากถูกหลอกป่ะ ค่ะใครอยากให้คนอื่นมาพูดสิ่งที่ไม่จริงให้ฟังบ้าง ถ้าเป็นเพื่อนแท้เพื่อนที่ดีนะคะ ก็จะให้แต่สิ่งที่ดีคือให้ความจริงที่สามารถจะให้ใดที่เป็นประโยชน์กับผู้นั้นเพราะฉันก็คือว่าไม่จำเป็นต้องใช้คำ ที่ไม่ใช่ภาษา ขอให้เข้าใจในภาษาไทยก่อน และก็ค่อยค่อยรู้ว่าทำอะไรภาษาไทยเนี่ยประสานขจี และภาษาบาลี และใช้คำอ่ะหรอกจะได้ควบคู่ แต่ไม่ใช่ไปเอา รู้จักมัน รูปธรรม กำลังนั่งอยู่อย่างเงี้ยค่ะได้ยินคำว่ารูปทำงาน ทำไมเดี๋ยวไม่รู้ว่าอะไร และรูปธรรมนามธรรมเป็นยังไงใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นก็ต้องให้เค้าเข้าใจในภาษาไทย และให้ผู้ว่าฯหมายความถึงสิ่งที่มีจริงเดียว ให้เขาตอบได้ด้วยการคิดของเค้าอีกว่าเดี๋ยวนี้อะไรจริง ซีร์ขนาดนี้เอง ฉันเห็นจริงถูกต้องไหมคะตอบกลับผมเป็นธรรมะหรือเปล่า เป็นธรรมะกับอะไรอีกคะที่จริง ได้ยินครับผมได้ยินจริงใช่ไหมคะ เป็นธรรม เป็นสมาร์ทครับเป็นคนประเทศหรือเปล่าไม่ใช่ครับได้ยินเป็นคุณอรวรรณหรือเปล่าไม่ใช่ครับ ได้ยินเป็นคุณอรรณพรึเปล่าไม่ใช่ครับเพราะฉันเริ่มเข้าใจแล้ว ได้ยินเป็นได้ยินเป็นคมศิลป์เกิดขึ้นได้ยินแล้วแบบ นี้จะเป็นประโยชน์กว่าหืมเขาสามารถเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่กำลังมีจริงๆ เดี๋ยวนี้ ธรรมะคือเดี๋ยวนี้ เพราะฉะนั้นก็สามารถจะทำให้คนเข้าใจได้แล้วก็ได้ยินกับเสียงเป็นอย่างเดียวกันหรือเปล่า เสียงกับเย็นไม่เหมือนกันครับต่างกันยังไงต่างกันเสียงไม่รู้อะไรเลยครับได้ยินเลยค่ะได้ยินเป็นของจริงทุกอย่างหนึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วเพราะรู้เป็นสภาพรู้ในขณะที่กำลังได้ยินเลยค่ะเสียงปรากฏเพราะมีธาตุชนิดหนึ่งเกิดขึ้นได้ยิน เสียงนั้นจึงปรากฏ เมธาที่สามารถเกิดขึ้นได้ยินเสียง แค่นี้ค่ะกว่าจะหมดความเป็นเรานะคะ เมธาสิ่งที่มีเจชนิด สิ้นเกิดขึ้นได้ยินเสียง แพทย์นั้นเห็นไหม ไม่เห็นครับแพทย์นั้นคิดใหม่ ไม่คิดครับ เพราะฉะนั้นเกิดขึ้นได้ยินแล้วกลับไปนี่คือเริ่มรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะคะ พระปัญญาคุณพระบริสุทธิคุณพระมหากรุณาคุณไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครได้ยินคำว่าธรรมะ แต่ว่าเพราะเหตุว่าส่งกระสือว่าไม่มีคุณอรวรรณไม่มีคุณประทีปไม่มีคุณอรรณพแต่มีธรรมะ นกเห็นไหม เป็นครับ อยากเห็นเป็นนกรึเปล่าหรือไม่ใช่นกกับค่ะกะตาจากนี้ก็รู้แล้วนะคะ เห็นเป็นเหตุ แบบนี้กะบังครับที่ท่านอาจารย์บอกว่า การศึกษาสมาร์ทต้องศึกษาอิรักคำเช่นเห็น ก็มีแต่เห็นอย่างเดียวไม่มีอะไรในโลกนี้เลย แม้แต่คนก็ไม่มี แล้วรู้จักเห็นหรือยังไม่รู้จักครับก็ต้องพูดบ่อยๆ ใช่ไหมคะเพื่ออะไรคะจะได้ไม่ลืมอ่ะเราฟังธรรมะเหมือนเรามีชั่วโมงฝันธรรมะรายการวิทยุหรือว่าที่ไหนก็ตามแล้วก็จบกันฝังก็ลืม ใช่ค่ะมันไม่พอเลยค่ะ เพราะเห็นว่าธรรมะมีตลอดเวลาถึงแม้ว่าขณะที่กำลังไม่ได้ฟังเรื่องของได้ยินก็ยังมีได้ยิน เพราะฉะนั้นการศึกษาธรรมะที่ว่าให้รู้จริงๆ ไม่เข้าใจจริงๆ ก็คือว่าไม่เปลี่ยน สิ่งที่ได้ยินได้ฟัง และความบ่อยๆ วิญญาณข้อความเมื่อวานนี้นะคะ ที่ปรามท่านหนึ่งท่านกล่าวว่าข้าพเจ้ากราดทนายอย่างยิ่งสิ่งวาจา กูไม่ได้ต้องการคำอื่นเลยแต่ปรารถนาเฉพาะในห้องนี้ และก็ที่อื่นก็ไม่ปรารถนาแล้วจะเป็นความปรารถนาอย่างยิ่งไม่ได้ เพราะฉะนั้นการฟังธรรมะนะคะ ต้องเป็นผู้ที่ตรง จริงใจแล้วก็มั่นคงด้วยที่รู้ว่าความจริงที่มีเนี่ยสามารถรู้ได้สามารถประจักษ์แจ้งได้เมื่อมีความเข้าใจขึ้นซึ่งความเข้าใจนี้จะหาจากที่อื่นไม่ได้เลยนะคะ นอกจากพระธรรมที่ได้ทรงแสดงไว้โดยประกาศรักทั้งปวงเพื่อที่จะให้คนสามารถที่จะ ให้ไปพ้นๆ ทางผิด พหลทางอื่นไม่สามารถที่จะทำ รู้ฟามจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ด่า สภาพธรรมะที่กำลังคิด แล้วก็มีเรื่องที่คิด เดี๋ยวนี้เองค่ะคุณประทีปกำลังคิด เรียกว่าคุณกระทืบแต่ความจริงเป็นความคิดแค่ไม่คิดพูดไม่ได้ แต่ส่วนมากจะขนาดนี้นะคะ ต้องไม่ลืมว่าเดี๋ยวนี้เอง แต่เนื่องจาก ส่วนใหญ่ก็จะติดในเรื่องชื่อครับไม่เข้าใจความจริงฟังแต่ชื่อแต่ไม่รู้ หลายคนนะคะ เขียนตำราหลายเล่ม ถามว่าเดี๋ยวนี้มีธรรมะไม่เรียกว่าธรรมะอยู่ที่ไหนไม่รู้ เพราะฉะนั้นไม่มีประโยชน์เลยแต่ถ้าให้เขารู้ว่าเดี๋ยวนี้เป็นธรรม ที่จะอ่านหน้าหนึ่งหน้าสองเรื่องที่ก็เขียนนะคะ ตั้งต้นให้ถูกต้องว่าเดี๋ยวนี้ มีสิ่งที่มีจริงสิ่งนั้นเกิดขึ้นไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครเกิดได้เพราะเหตุปัจจัยร่างกฎเพียงชั่วคราวไม่มีใครสามารถรู้ได้วะแสนสั้น เพราะขณะนี้นะคะ ปรากฏแต่เพียงลิมิต เครื่องหมายของสิ่งที่เกิดดับสืบต่อซ้ำจนปรากฏว่าเป็นลักษณะเฉพาะอย่างหนึ่งอย่าง แต่ตัวกันที่สำคัญสมาร์ทเกิดขึ้น และดับไปแนะต้องเป็นปัญญาอีกระดับหนึ่งที่เข้าใจแล้วละคลายความไม่รู้ละคลายความติดข้องสภาพธรรมะจึงสามารถปรากฏตามความเป็นจริงได้ เพราะฉะนั้นทุกคำที่เป็นวาจาสัจจะเปลี่ยนไม่ได้แต่ผู้ที่ไม่รู้อย่างนั้นยังไม่ไปจากอย่างนั้นก็เพราะ ความเข้าใจยังไม่พอ มีหนทางเดียวคือรู้ตัวเองว่าเข้าใจยังไม่พอ จึงต้องฟังต่อไปเพื่อให้เข้าใจขึ้น ครับอยากข้อความที่ได้ฟังเมื่อสักครู่นี้นะครับ ที่ท่านอาจารย์กล่าวถึงว่า ตั้งต้นที่ขณะนี้ มีสิ่งที่มีจริงๆ ที่เกิดขึ้นเป็นไป ไม่เที่ยง กราบเรียนท่านอาจารย์ถึงความละเอียดลึกซึ้งของข้อความที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวเมื่อสักครู่นี้นะครับ เพราะว่าบางท่าน ซึ่งอาจจะ มาฟังพระธรรมเป็นครั้งแรกแต่ถ้าอาจารย์ข้อกล่าวถึงว่าตั้งต้นที่ขณะนี้มีสิ่งที่มีจริงๆ ที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยครับ ค่ะเห็นมีนะคะ ได้ยินมีพร้อมกันหรือเปล่า เห็นกับได้ยินไม่พร้อมกันครับเพราะเคยได้ฟัง แต่ถ้าปกติทุกคนนะคะ ถ้าไม่เคยฟังธรรมะเลยเนี่ยเห็นกับได้ยินพร้อมกันมั้ยจะตอบว่าไงค่ะ เขาจะต้องเอา นี่คือความต่าง ของการฟังความจริงกับการไม่ได้ฟังความจริง เพราะฉะนั้นเพียงมีโอกาสนะคะ บุญที่ได้สะสมไว้แต่ปาง ทำให้มีโอกาสได้ยินได้ฟัง และได้เข้าใจต่อไป พื้นฐานพระอภิธรรมตอนที่๘๖๘ ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา วันอาทิตย์ที่๒๕สิงหาคม พุทธศักราช๒๕๕๖ อาจารย์คฑาอาจารย์บอกว่าทุกวันนี้ หลังเห็นหลังได้ยิน พี่กิเลสขึ้นมา แล้วก็เอามาปรุง ปรุงเสร็จก็ สะสมไว้ในจิตไม่ตรงเนี้ยดูเหมือนฟังแล้วก็น่ากลัวมาก ที่จะ เรียนสนทนา ก็คือ ถ้าจะโล
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 841
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 842
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 843
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 844
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 845
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 846
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 847
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 848
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 849
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 850
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 851
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 852
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 853
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 854
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 855
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 856
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 857
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 858
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 859
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 860
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 861
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 862
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 863
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 864
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 865
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 866
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 867
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 868
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 869
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 870
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 871
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 872
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 873
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 874
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 875
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 876
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 877
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 878
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 879
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 880
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 881
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 882
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 883
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 884
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 885
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 886
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 887
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 888
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 889
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 890
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 891
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 892
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 893
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 894
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 895
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 896
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 897
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 898
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 899
- พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 900