พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 869


    ข้อความนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบแก้ไข

    ตอนที่ ๘๖๙

    ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

    วันอาทิตย์ที่ ๒๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๖


    บุญที่ได้สะสมไว้แต่ปางก่อนทำให้มีโอกาสได้ยินได้ฟัง และได้เข้าใจต่อไปว่าจากที่เคยไม่รู้เลยว่าเห็นกับได้ยินพร้อมกัน สภาพธรรมะอย่างหนึ่งเกิดขึ้นเห็นจะไปได้ยินไม่ได้ สภาพธรรมะอย่างหนึ่งอาศัยเหตุปัจจัยอีกอย่างหนึ่งเกิดขึ้นได้ยิน เพราะฉะนั้นเสียงจริงปรากฏเพราะฉันในขณะนี้นะคะ เ๔ยงกับสิ่งที่ปรากฏขันธ์ตากไม่ได้ปรากฏพร้อมกันเลยต้องค่อยๆ เข้าใจกว่าจะละความไม่รู้ และการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็จะต้องรู้เลยค่ะการฟังเนี่ยต้องฟังจนกว่าจะค่อยๆ เข้าใจขึ้น ยากแสนยากเพราะเหตุว่าสภาพรูปไม่มีรูปร่างถ้าพูดถึงเสียง และคนพอตอบได้ใช่มั้ยคะแวะเสียงนี่ไงกำลังได้ยินเสียงเป็นอย่างนี้เ๔ยงสูงกลับได้เสียงตามตอบได้เสียงแหลมตอบได้เสียงทุ้มตอบได้เพราะเสียงมีลักษณะอย่างนั้นที่พอปรากฏให้รู้ได้ แต่ถ้ารู้นะคะ น่าอัศจรรย์ ไม่มีรูปใดๆ เจือปนเลยทั้งสิ้น แต่เกิดขึ้นรู้ไม่รู้ไม่ได้ต้องรู้อย่างหนึ่งอย่างใดเช่นขณะที่กำลังเห็น รู้อะไรคะ ไม่ใช่รู้อย่างที่เราคิดว่าต้องไปรู้เรื่องราวอะไรนะคะ แต่รู้ความจริงว่าสิ่งที่ปรากฏให้เห็นเนี่ยเป็นอย่างนี้ค่ะ ไม่เป็นไงอื่นเลยนี่คือเห็นกับสิ่งที่ปรากฏให้เห็นยังไม่ได้มีการคิดถึงรูปร่างสัณฐานว่าเห็น มี๔หนึ่งซึ่งปรากฎให้เห็นจริงๆ เดี๋ยวนี้การฟังซ้ำไปซ้ำมาอย่าง ผู้หญิงกับการย้ำทะเลาะ ไม่รู้ตัวนะคะ ว่าขณะที่กำลังย่ำเท้าแต่ละครั้ง และค่อยๆ แต่ถูกไปทีละหน่อยแต่ว่าเกือบยาก ประวัติเหนียวแน่นมากตรึงไว้มากจนกว่าจะจะรู้เองค่ะว่ากว่าจะค่อยๆ เข้าใจแล้วก็จะเข้าใจความหมายของคำว่าค่อยๆ เข้าใจก็คือว่าถ้าเข้าใจแล้วนะคะ อุปมาเหมือนคนที่มีความชำนาญในเสียงกล้อในเสียงผิด ถึงแม้ว่าไม่ได้ยินนานแสนนานแต่เพราะความชำนาญมากเสียงกลองปรากฏไม่สงสัยเลยค่ะนี้ เซนปิ่นปรากฏไม่สงสัยเลย และนี่กินแต่ถ้าคนไม่รู้จักทั้งสองเสียงนะคะ อันนี้เสียงอะไร ใช่ไหมคะก็ปะปนกันหรือเสียงบางเสียงอาจจะคล้ายกันมากเครื่องดนตรีบางอย่างในก็คล้ายกันก็แยกไม่ได้แต่ผู้ที่ชำนาญสามารถจะแยกได้เพราะความรู้ความเข้าใจความละเอียดของความจริงแต่ละอย่าง เพราะฉะนั้นการฟังธรรมะขนาดนี้เหมือนสร้างไม่พูดแรงอีกแต่ถ้าเข้าใจขึ้นเข้าใจขึ้นก็จะต่อไปถึงเรื่องอื่น ทีละเล็กทีละน้อยนะคะ และก็จะมีคำใหม่คำยากในภาษาบาลีซึ่งเข้าใจแล้วในภาพ หญิงป้าลีขึ้นมาบอกว่านี่คือคำนี้ในภาษาบาลีมีภาษามาขจีเท่านั้นเองค่ะยังไม่กีนี่นะคะ ที่พูดถึงเห็น ตั้งในขณะที่สิ่งที่เขาเข้าไปยังไม่ดับจึงจะเห็นได้ถ้าแบบไปแล้วเห็นได้ไม่ค่ะไม่ได้จากครูภาษาพระรูปพิเศษเฉพาะที่อยู่ตรงกลางตาซึ่งเกิดประจำเป็นสมุ สามารถกระทบเฉพาะสื่อที่ปรากฏ จะทำให้เห็นเกิดขึ้นได้ไหม ไม่ได้ เพราะฉะนั้นในขณะที่กำลังเห็นเดี๋ยวนี้นะคะ สิ่งที่กระทบจากคุณ รู้จักครูภาษาทางไกลยังไม่ดับคารถหรูซึ่งเกิดขึ้น ที่ใช้คำว่าจิตเลยค่ะกับเจตสิกคือนามธาตุอีกชนิดหนึ่งซึ่งเกิดพร้อมจิตเป็นปัจจัยอาศัยกัน และกันที่จิตเกิดขึ้น พร้อมกันทุกครั้งในขณะนั้นก็ยังไม่ดับจึงเป็นจิตที่กำลังเห็นแล้วดับทั้งหมดนี้ใช้คำว่าอายตนะหมายความว่าที่ประชุมที่ร่วมของสภาพธรรมะที่ ทำให้เกิดการปรากฏเป็นเห็นหนึ่งขณะแล้วดับทางหูทางจมูกทางลิ้นทางไกด์ก็เช่นเดียวกันนี่คือถ้าเราเข้าใจเบื้องต้นแล้วนะคะ เราค่อยๆ ต่อไปทีละเล็กที่ละน้อยด้วยความเข้าใจจริงๆ ในความละเอียดในความลึกซึ้งซึ่งต้องเป็นผู้ตรงค่ะว่ากว่าจะเข้าใจ แม้แต่ธาตุรู้ซึ่งกำลังเห็นเนี่ยแต่เคยเป็นเราเห็นมานานมากแล้วยังไงแล้วเมื่อไหร่ถึงจะรู้ว่าเกิดขึ้นเห็นแล้วดับ เพราะฉะนั้นเป็นขณะนี้เองนะคะ ตรงเลยไม่ต้องทำอะไรไม่ต้องคิดอะไรตรงเห็นที่เห็นนี่ล่ะค่ะคือถ้ารู้ กว่าจะไม่มีตัวตนไปพยายามทำโน่นทำนี่นะคะ พยายามอย่างนั้นอย่างนี้ให้รู้จักธาตุรู้ก็เสียจริงๆ แล้วจะไม่รู้จักถ้ารู้ แต่ความเข้าใจจากการความรั่วไม่ต้องถามแต่ไม่คุ้นเคยกับธาตุรู้เคยไม่รู้ธาตุรู้ แต่เวลานี้พูดกันเห็นเธอสามารถเข้าใจ ในการที่ เจ้าคุณสมุทรสอง ใส่จานครับพลาดรู้เนี่ยมหัศจรรย์ ทำไมถึงกล่าวว่าธาตุรู้มหัศจรรย์จะถ้าไม่มีธาตุรู้อะไรจะปรากฏ ไม่มีอะไรครับไม่มีเลยเพราะฉันวุ่นวายกันทั้งโลก ไม่ว่าจะกรี๊ดโลกนะคะ ทั้งในนรกบนสวรรค์หรือที่ไหนที่ มีธาตุรู้ ไม่มีถ้ารู้ซะเลยดีไหมคะ ยังอยากจะมีธาตุรู้อยู่ว่าฉันก็มีเตาแฟน แล้วก็จะไม่รู้จักคำว่านิพพาน เป็นสุขอย่างยิ่ง ไม่ต้องเห็นไม่ต้องเรียนไม่ต้องโหลดใดๆ เลยไม่มีอะไรปรากฏให้กระทบกระเทือนให้หวั่นไหวให้เดือดร้อนให้เกิดแล้วเกิดเล่า สภบ้านทุกบ้านไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบข้อสำคัญคือหยุดยั้งไม่ได้เลย ก็ต้องไปสอบ ไม่รู้จักเปอร์เซ็นต์ถ้ายังไม่เห็นว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ประโยชน์ แต่พอคิดว่าเป็นเราเป็นข่าวประโยชน์มหาศาลแต่ถ้าเป็นเพียงสิ่งที่มีจริงเป็นเทพจึงเกิดขึ้นทำกิจการงาน และดับไปแล้วไม่กลับมาอีก และก็ไม่ใช่ใครแล้วก็ไม่ใช่ของใครเกิดมาทำไม เชิญค่ะ กว่าปัญญาจะถึงระดับที่รู้จริงนะคะ ก็จะรู้ว่าถ้าไม่ได้เริ่มเข้าใจสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏในขณะนี้นะคะ ได้ยินแต่ชื่อได้ยินแต่เรื่อง ได้ยินจากคำพระอรหันต์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้พูดแต่ว่าพุทธะอิสระนัดเช้านี้ แคปชั่นนิสานคำสัญญาแคปชั่นนี้แต่เพิ่งได้ ไม่ได้ผู้หญิงเลย ปรากฏค่ะเป็นปัญญาถ้าไม่มีปัญญาไม่มีความเห็นถูก ไม่ว่าขนาดไหนทั้งสิ้นนะคะ ไม่ใช่พระธรรมที่ทรงแสดง ครับคำว่าอารมณ์ก็เป็นคำไทยแล้วนะครับ บาหลีก็มีใช้อยู่สองคำนะครับ คือคำว่าอารัมมณะกับอาหรับขณะผู้ที่ได้ฟังก็ทำก็จะคุ้นกับคำนี้อยู่ตลอดนะครับ เวลาที่มีการกล่าวถึงคำนี้นะครับ ซึ่งก็มีความหมายนะครับ ว่าหมายถึงสิ่งที่จิตรู้ สิ่งใดก็ตามนะครับ ที่ถูกจิตรู้สิ่งนั้นแหละครับเรียกว่าอารมณ์ อย่างเช่นขณะที่เห็นนะครับ สิ่งที่ถูกเห็นก็คือ๔ ๔นั่นแหละเป็นอารมณ์ของจิตเห็นนี้นะครับ นี่คือเป็นตัวอย่างที่กล่าวถึงคำว่าอารมณ์ซึ่งเมื่อจิตเกิดขึ้นนะครับ จะไม่ไปที่อื่นเลยนอกจากไปสู่สิ่งที่จิตรู้ ก็คือมีความหมายว่าอารมณ์นั่นเองนะครับ ค่ะ เมื่อกี้นี้เราก็ได้ฝันธรรมะค่อนข้างจะตามลำดับพอสมควรนะคะ ว่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตามจะเกิดโดยไม่อาศัยสิ่งที่ทำ เกิดไร้รอยตามลำพังไม่ได้เลยไม่ว่าอะไรที่กำลังตามกฎทั้งนั้นนะคะ จะต้องมีสภาพธรรมะที่อาศัยสนับสนุนเกื้อกูลทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นในขณะนี้นะคะ ที่กล่าวแล้วก็คือว่าเห็น เช้ามีปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุร้ายอย่างใช่ไหมคะเช่นจักขุประสาทแท้ และก็สิ่งที่สามารถกระทบต่อ จิต และเจตสิตในขณะนี้เกิด พอได้ยินอย่างนี้ก็รู้ว่าทุกอย่างเลยค่ะต้องอาศัยกัน และกันเกิดขึ้นที่จะไม่อาศัยสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นไป เพราะฉะนั้นเวลาได้ยินคำว่าอารมณ์คือสิ่งที่จิตรู้ ครีเอทว่าจิตเป็นธาตุรู้เกิดขึ้นรู้ต้องมีสิ่งที่ถูกรู้ใช่มะ เกิดมารู และไม่มีสิ่งที่ถูกรู้จะเป็นไปได้ยังไง เพราะฉะนั้นสิ่งใดก็ตามที่จิตกำลังรู้ไม่เลือกเลยแม้นิพพานหรือไม่อะไรก็ตามแต่ที่จิตรู้นะคะ ขณะนั้นจิตมีสิ่งนั้นเฉพาะสิ่งนั้นเป็นอารมณ์พูดอย่างนี้แล้วใช่ไหมคะเติมคำว่าปัจจัยรู้ไปได้เลย ถ้าไม่มีสิ่งที่ถูกรู้จิตเกิด ไม่มีสิ่งที่กระทบตาให้เห็นจิตเห็นแก่ได้ไหม ไม่ได้ เพราะฉะนั้นจิตเห็นจะปราศจากสีซึ่งกระทบ ประจินสิ่งที่จิตรู้นะคะ ใช้คำว่าอร่อย เต็มคำว่าปัจจัยลงไปก็เป็นอารมณ์นะปัจจ เดี๋ยวนี้แทงตาทางสายนะคะ อะไรเป็นอารมณ์นะปัจจัย ก็สิ่งที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ใช่ไหมคะแต่ว่าอีกพรรษาหนึ่งไม่ใช่เข้าใจภาษาไทยภาษาของเราที่คุ้นหูตั้งแต่เกิดเดือนเดียวเนี่ยก็ทำให้ไม่มีอะไรมาขัดขวางแต่เธอใช้คำภาษาอื่นทันที และอะ ไม่แข็งองค์หญิงบางคนเนี่ยธรรมะสีอะไรจบแล้วเราไม่รู้ว่าธรรมะคือเดี๋ยวนี้ และสิ่งที่กำลังมีจริงๆ นี่แหละแต่พอได้ยินแล้วได้ยินคำใดไม่รู้จักก็ถามว่าธรรมะคืออะไร พอได้ยินอย่างนี้นะคะ เราก็จะเข้าใจได้ว่าทุกอย่างอะไรที่เป็นปัจจัยทำให้ทำไหมอีกอย่างหนึ่งเกิดขึ้นสิ่งนั้น และเป็นปัจจัยปราศจากสิ่งนั้นไม่ได้ กรธมีไหมคะ เกิดเองได้ไหม ถ้าไม่มีจิต โกรธได้ไหม และแทบไม่มีอารมณ์ที่ไม่น่าพอใจโกรธได้ไหมไม่ได้ใช่ค่ะโกรธนะคะ เป็นเหตุหรือซึ่งทำให้จิตปกติไม่โกรธเกิดเป็นจิตที่ประกอบด้วยความโกรธ เพราะฉะนั้นกรธนี้นะคะ เป็นเหตุปัจจัยเป็นโทสะเหตุเพราะเหตุจริงๆ ไหนจะมี เหตุทางฝ่ายอกุศลนะคะ ลองพาร์๗๐หนึ่งโทสเจตสิกหนึ่งโมหเจตสิกหนึ่งคุ้นหูใช่ไหมคะเอาสิ่งที่เราคุ้นแล้วนะคะ มาพูดให้เข้าใจเท่านั้นเองนะคะ โดยความละเอียดขึ้นโดยความเป็นธรรมะนี้เป็นเหตุทางฝ่ายไม่ดีถ้าเหตุทางฝ่ายดีก็เป็นเจตสิตสภาพธรรมะซึ่งปรุงแต่งจิต ทำให้จิตเปลี่ยนสภาพจาก ประเภทหนึ่งเป็นอีกประเภทหนึ่งถ้าขณะนั้นนะคะ เจสสิทธิ์ที่ไม่โลภคืออโลภะเจตสิขณะนั้นไม่โกรธคืออะโทสเจตสิกเกิด ปัญญาคือเอาโมหเจตสิกเกิดนะคะ เป็นเหตุให้จิ๊ดกรอบด้วยสภาพที่เป็นเหตุหนึ่งเหตุใดหรือว่าสองเหตุหรือว่า๓เหตุก็แล้วแต่ประเภทของจิตนะคะ เพราะฉันก็เข้าใจสภาพธรรมะที่เป็นโลภาอจโทสะเหตุโมหะเหตุอัตโลพระเอกอ่ะโทสะเหตุอ่ะโมหะเหตุว่าเป็น พี่ตุปัจจัย เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้วทั้งหมดการฟังธรรมะคือเพื่อเข้าใจสิ่งที่กำลังดีๆ ไม่ใช่จะสามารถจะมีความละเอียดที่เข้าใจว่าเป็นร้าว และแท้ที่จริงก็เป็นจริตประเภทต่างๆ จิตโกรธ หรือดาวโกรธ ความจริงนะคะ จิตประกอบด้วยเจตสิกที่เป็นเหตุกรธ ไม่ใช่สิ่งอื่นใช่ไหมคะ ก็คือการฟังธรรมะเข้าใจแล้วคิดเอง และก็เข้าใจเพิ่มขึ้น และค่อยๆ คลายความไม่รู้ว่าไม่มีเราตรงกับที่ทรงแสดงว่าธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตา ใครเปลี่ยนแปลงความจริงไม่ได้ ต้องเข้าใจนะคะ ว่าอนัตตาก็คือไม่ใช่อัตตาไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยงเป็นแต่ละหนึ่งที่ละเอียดยิบ ที่เกิดขึ้นแล้วจากไป ถ้าไม่เกิดก็ไม่ปรากฏเวลานี้เห็นดอกไม้ทั้งดอก แรกออกให้ละเอียดยิบได้เพราะเหตุแรกมีอากาศธาตุแทรกอยู่ ที่ละเอียดถึงที่สุดก็คือไม่ใช่รูปเสียวต้องอาศัยกันเกิดขึ้นนะคะ ป๊ามี่สีที่เป็นธาตุดินธาตุน้ำธาตุไฟธาตุลมคือธาตุเย็นร้อนอ่อนแข็งตึงไหว ซึมซาบไวก่อนกู จริงๆ แค่อยากจะเข้าใจทำไมซี ผู้ใหญ่สิ่งที่เป็นอยู่ที่กำลังจะ ทีละเล็กที่ละน้อยๆ จะศาลของตลก ต์แท้เป็นอีกคอนซาหนึ่งก็ตรงกัน เช่นถ้าลักษณะใดก็ตามที่อ่อนหรือแข็ง ภาษาไทยนะคะ อ่อนแข็งภาษาบาลีก็เป็นปฐวีแล้วก็เป็นทาสด้วยค่ะก็คือว่าอยากรู้ละเอียดก็ฟังต่อไปก็จะละเอียดขึ้นในครั้งนั้นก็จะทำให้ค่อยๆ เข้าใจ และกว่าจะละบาท การยึดถือสภาพธรรมะว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นระดับไปก็จะทำให้มีธรรมะเป็นสาระน่ะนะคะ ธัมมังสะระนังคัชามมิฉะนั้นแล้วพูดแล้วก็ไม่ได้อาศัยเลยไม่ได้พึ่งเลยเพียงแต่ผึ้งว่าอาศัยแต่ความจริงถ้าไม่มีปัญญา ไม่ใช่พระพุทธศาสนา จากท่านอาจารย์ครับความตรงนะครับ ก็คือความเป็นเหตุเป็นผลอาจารย์ก็ได้กล่าวมานานแล้วนะฮะแต่ก็ยังเป็นประโยชน์เมื่อเรามีความพิจารณาว่าถ้าไม่เป็นผู้ตรงเนี้ยจะไม่ได้รับสาระอะไรจากนะครับ ค่ะมีสองคำนะคะ ไม่ใช่คำเดียวคือเหตุคำนึงแล้วก็ผลคำหนึ่ง เพราะฉะนั้นถ้ากลางถึงเหตุก็หมายความว่านำมาซึ่งผลโดยสามารถที่จะทำให้ผลเกิดขึ้นได้ส่วนผลไม่ใช่เหตุนะคะ เกิดเป็นผลแล้วก็ไม่ได้เป็นเหตุที่จะให้เกิดอะไรต่อ ด้วยเหตุนี้นะคะ ธรรมะไม่ลืมค่ะศึกษาให้เข้าใจเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นแล้วก็ชื่อทั้งหมดเลยไม่ว่าจะเป็นชื่อกรรมวิธีเล่น เราใช้คำว่ากรรมรู้จักกรรมนะคะ พูดแล้วแต่กรรมคืออะไรเพราะฉันความละเอียดก็คือว่ากรรมมีจริงจริงกรรมเป็นธรรมะ เพราะฉะนั้นกรรมจะเป็นเราได้ เป็นข่าวได้ไหมเป็นใครได้ไหมไม่ได้ใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นสภาพธรรมะที่มีจริงที่เราใช้คำว่ากรรมในครั้งก็คือสภาพธรรมมาธิจงใจตั้งใจเท่าที่เราสามารถจะเข้าใจได้แต่ว่าความละเอียดยิ่งกว่านั้นก็คือว่าที่เราใช้คำว่าจงใจตั้งใจขวนขวายกระทำผิด เพิ่มขึ้นมาอีกหลายคำนะคะ แสดงให้เห็นความละเอียดว่ะไม่ใช่แต่เฉพาะจงใจเท่านั้นแต่เราจะรู้ไหมคะว่าขณะนี้ค่ะสภาพธรรมะเด็กภาษาบาลีใช้คำว่าเจตนา ภาษาไทยใช้คำว่าจงใจตั้งใจนะคะ แต่ภาษาบาลีใช้คำว่าเจตนาหมายความถึงสิ่งที่มีจริง ไม่ใช่จิตเป็นสภาพรู้ต้องเกิดกับจิตสภาพธรรมะใดก็ตามที่เกิดกับจิตเกิดในจิตแล้ว เป็นเจตสิกสามารีครับเป็นเจตสิกขะออกเสียงต่างกันนิดหน่อยคือต้องออกเสียงคำสุดท้ายด้วย เพราะฉะนั้นเจตนาความจงใจตั้งใจไม่ใช่จิแต่เป็นเจตสิก ที่เกิดกับจิตทุกขณะ และทุกประเภทรายละเอีย เรามั้ย อยู่ในขณะที่เห็นเพียงเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย และประดับมีเจตนาเจตสิกเกิดร่วมด้วยแล้ว ความละเอียดอย่างยิ่ง และเพื่อที่จะให้เห็นว่าไม่มี ไม่ใช่ ไม่มีใครสามารถที่จะเปลี่ยนไปสักพักธรรมดา เพราะฉะนั้นที่สามารถจะรู้ได้ก็คือความตั้งใจด้วยความจงใจนะคะ ที่ดีภาษาบาลีใช้คำว่ากุศลกุสะกุศลเจตนาถ้าเป็นฝ่ายความจงใจตั้งใจที่จะทำสิ่งที่ไม่ดีนะคะ ก็เป็นอกุศลเจตนา เพราะฉะนั้นเดี๋ยวนี้ค่ะมีกรรมไหมคะ พระเจตนาเจตสิกเกิดกับจิต ที่พอจะรู้ได้เข้าใจได้คิ้วซ้ายดี และ เดี๋ยวนี้จะบอกว่ามือก็ต้องบอกสุข ใช่ค่ะไม่ใช่กรรมลอยๆ หรือกลับเฉยๆ กรรมอะไรแค่นั่งอยู่เยอะแยะไม่เห็นไปไหนทำอะไรจงใจ ฟังครับมาแล้วเข้าใจธรรมะมีความตั้งใจที่จะมาที่จะฟังที่ยังไม่ออกไปข้างนอก ยังนั่งอยู่นะครับ เพื่อที่จะฟังต่อไป เพราะฉะนั้นเจตนาด้วยค่ะก็เป็นสภาพที่มีจริงจริงแต่ว่ารู้อยากที่รู้ใดพอจะเข้าใจ และก็กุศล และเจตนาหรืออกุศลเจตนาแต่ก็ยังละเอียดมาก ความเจ็บในการเกิดดับสืบต่อเร็วมาก เพราะฉะนั้นการศึกษาธรรมะ และเข้าใจอย่างอยากกอด และเกรงจะเข้าใจละเอียดขึ้นละเอียดขึ้นนะคะ การฟังธรรมะเพื่อเข้าใจสู้เพื่อเห็นถูกเป็นสิ่งที่ดีถีบ ไม่ต้องใช้คำว่ากุศลเจตนาได้ไหม ไม่ได้เบียดเบียนใครเลยแต่กำลังชำระความมือดีของจิตซึ่งเกิดจากความไม่รู้ เพราะฉะนั้นขณะนั้นจะเป็นอกุศลไม่ได้เลยบางคนนะคะ ณาเป็นกุศลก็ไม่รู้ว่าเป็นกุศลถามว่าเป็นกุศลไม่ทำอย่างนี้เป็นกุศลนี้ทำอย่างนั้นเป็นกูหมายความว่าไม่รู้อะไรเลย เพลงอยากจะได้กุศล หรืออยากจะเป็นกุศลก็ถามเพื่อที่จะได้ผู้ที่จะเป็น ต์ขณะนั้นอากาศเป็นอกุศลเจตตาที่ว่าไม่ได้เข้าใจแต่ต้องการโอนโดยการไม่รู้เหตุนะคะ เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่ละเอียดมากให้รู้ว่ากำเนจะให้ผลมั้ยในเมื่อเป็นเหตุ จำเป็นเหตุ และผลของการผสานบาลีใช้คำว่าวิปาก ภาษาไทยก็วิบากเราก็ได้ยินคำนี้บ่อยๆ นะคะ และก็เข้าใจว่าลำบากได้ยินทีไรลืมภาษาบาลีวิบากก็กลายเป็นลำบากไปทุกที่เลยค่ะแต่ว่าพอเข้าใจภาษาบาลีแล้วก็แบ่งได้ภาษาไทยลำบากไม่ใช่คำว่าวิบากแต่ขณะใดก็ตามที่เป็นผลของกรรม วิปากกัด เพราะฉะนั้นเมื่อเหตุมีสองกุศลกรรมเป็นปัจจัยให้เกิดผลของการที่ดีคือกุสะระวิปากติกุศลวิบากถ้าเป็นกรรมที่ไม่ดีก็ทำให้เกิดอกุศลวิบากได้รับบ้างรึเปล่าคะผลของกรรม ค่ะถ้าไม่รู้ไม่เห็นให้พลศักดิ์ที่ทำไปแล้วก็ไม่เห็นไม่ได้ผลสักทีก็คิดอยู่อย่างนั้น เมื่อแวะไปแต่เกิดมาไม่มีใครไม่มีค่ะ ที่วันนี้จะไม่มีผัว แต่ว่าต้องรู้ค่ะตามความเป็นจริงว่าเครื่องดื่มนะคะ ตั้งแต่เกิดจนตาย และเป็นผลของกรรมแต่อีกเครื่องหนึ่ง เป็นกรรมที่จะให้ผลข้างหน้าด้วยเหตุนี้จึงต้องรู้ชัดว่าขณะไหนเป็นกรรมขณะไหนเป็นผลของจากมิฉะนั้นก็สับสน ขณะนี้นะคะ คนที่ศึกษาแล้วตอบ เป็นครูของจากแต่ถ้ามาฟังเป็นครั้งแรกเลยค่ะกรรมให้ผลไว้กรรมให้ผลตั้งแต่ขณะแรกที่เกิด ถ้าเป็นผลของอกุศลนะคะ ไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์ไม่ได้เกิดเป็นเพศเกิดในนรกเกิดเป็นเปรตเกิดเป็นอสูรกายเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ไม่เห็นนรกแปลงเหตุมี ไม่เห็นเกรดแต่เหตุมีเห็นแต่สัตว์เดรัจฉานก็ยังดีนะคะ พอที่จะให้รู้ให้เข้าใจถูกต้องว่าต้องมาจากเหตุที่ต่างกันคือถ้าเกิดเป็นสัดนิด จะต้องเป็นผลของกุศลวิจารณ์ และถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็ต้องเป็นผลของกุศลกรรมทำไม่รออะไร สัสก็เห็นมนุษย์ก็เห็นแล้วทำไมหว่า เกิดเป็นสัตว์เป็นผลของอกุศลกรรมจริงจิตรขนาดแรกต้องเป็นผลของอกุศลกรรมแต่เห็นไม่ดีขนาดไหนไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์หรือเทพหรือใครก็ตามหรือพรหมก็ตามขณะนั้นต้องเป็นผลของอกุศลกรรม ผมที่มาโลกมนุษย์นะคะ มาเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัณฑูร ถามปัญหาต่างๆ จะมีโอกาสไหมที่อกุศลกรรมจะทำให้เห็นสิ่งที่ไม่น่าพอใจ ไม่เห็นว่าไม่ใช่ตรงจริงๆ ไม่ใช่คนไม่ใช่สัตว์แต่เป็นธาตุหรือเป็นจิตซึ่งเป็นเหตุ และ เพราะฉะนั้นที่เราเข้าใจบัญญัติสมมติตามรูปร่างนะคะ เป็นคนเป็นนกเป็นงูเป็นเทพเป็นพรหมก็ตามแต่รูปส่วนรูปแต่ธรรมะเป็นธรรมะเห็นเป็นเห็นไม่ว่าจะเกิดที่ไหนเปลี่ยนไม่ได้เลยปลาเห็นในน้ำเห็นได้ไหมคะบนบกเห็นได้ บนอากาศก็มีเห็นเหมือนกันนี่แสดงความตรงนะคะ ว่าทำไมเป็นสีซึ่งไม่มีการสามารถเปลี่ยนแปลงได้เลยแต่ต้องเข้าใจถูกค่ะการให้ผลของกรรมเริ่มตั้งแต่ขณะแรก พอจะรู้ใช่ไหมคะต่างกันเป็นผลของกุศล และผลของอกุศลไม่ใช่กุศลเช่นบิวนี่เอากลับมาสู่เดี๋ยวนี้ ความเข้าใจจากการฟัง มากไหม อกุศลที่เกิดซะละ มีไหม มาร์คใหม่แล้วจะให้ชาติต่อไปเนี่ยให้ผลอย่างเดียวกันเท่ากันได้ไหม เป็นไปไม่ได้เลยนะคะ เพราะฉะนั้นแม้แต่เกิดแล้วเป็นผลของกุศลกรรมก็ยังเป็นจิตที่ประกอบด้วยปัญญาหรือไม่ประกอบด้วย มันจะมีคนส่วน มีทรัพย์สินเงินทองมากมีทุกอย่างเรียกร้องซบสัญญาแต่ไม่เข้าใจสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏในขณะที่บางคนก็เพราะผลของกรรมนะคะ ก็ทำให้ทุกข์ยากลำบากเดือดร้อนนะคะ แต่ก็สามารถที่จะเห็นถูกเข้าใจถูก จริงของสภาพธรรมะได้รออะไร เอกพลต้องตรง ถ้าเป็นอกุศลแม้ว่า จะเกิดเป็นมนุษย์นะคะ แต่ถึงเวลาที่อกุศลจะให้ผลก็ต้องเจ็บไข้ได้ป่วย ปวดศีรษะท้องเสีย ถูกมีดปาดหรืออะไรก็แล้วแต่ขนาดนั้นใครทำให้ค่ะ เขาทำให้เราหรือเปล่าคะศัตรูตัวร้ายว่าทำร้ายเราหรือเปล่าคะเปล่าเลยค่ะไม่มีใครสามารถจะทำได้ถ้าขนาดนั้นไม่ถึงวาระที่อกุศลกรรมจะให้ผล แคล้วคลาดไปหมด ไปทั้งหลายแต่เวลาที่ กุศลกรรมให้ผลนะคะ แม้ว่าจะมีชีวิตที่ลำบากทุกยากแต่ก็ยังสามารถที่กรรมที่ได้กระทำแล้วฝ่ายดีเป็นวาระที่จะให้ผลก็เกิดได้เปลี่ยนแปลงชีวิตได้ เพราะฉะนั้นให้ทราบว่าหญิงจะเกิดแล้วเห็นได้ยินได้กลิ่นลิ้มรสนะคะ ให้สร้างพระขนาดนั้นเป็นผลของการ เพราะฉันก็พอจะรู้นะคะ พอรู้ว่าขนาดไหนเป็นผลของกรรมแล้วที่เหลือเป็นเหตุ ที่จะให้เกิดผล ส่วนใหญ่นะคะ ไม่พูดถึงกิริยา เป็นเรื่องที่ศึกษาได้เข้าใจได้ละเอียดเพิ่มเติมที่ไม่ได้รู้จักอาหารกับสัมมาสัมพุทธเจ้าออกมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ทำ และพระสงฆ์เป็นที่พึ่งจริงๆ


    ฟังธรรมจากหัวข้อย่อย

    หมายเลข 193
    29 ม.ค. 2567

    ซีดีแนะนำ