พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 886


    ข้อความนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบแก้ไข

    ตอนที่ ๘๘๖

    ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

    วันอาทิตย์ที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖


    ตลอดชีวิตค่ะเกิดมา มีปัญญารู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏ ถ้าไม่มีจะบรรลุมรรคผลเมื่อไหร่ อาจารย์ครับก็สำคัญอยู่ที่ความเข้าใจความจริงอย่างแท้จริงอย่างที่ท่านอาจารย์กล่าวถึงแม้การที่จะเป็นผู้ที่มีศีลที่ดีงามก็ต้องคล้อยตามความเข้าใจที่ค่อยๆ เจริญขึ้นด้วยครับให้สาขาไม่อย่างงั้นจะบริสุทธิ์ไม่ได้เลยที่จะไปชำระจิตให้บริสุทธิ์จะเอาอะไรมาชำระ เพราะไม่รู้ คงไม่ลืมนะคะ เพราะไม่รู้ แบบแท้จานครับก็เป็นความที่สามารถที่จะได้ฟังพาสทามเพราะเห็นว่าความเข้าใจแม้เรื่องของศีลครับว่าจริงๆ ศีลก็คือเป็นธรรมะไม่ใช่ตัวเราถ้าบุคคลที่ไม่มีโอกาสได้ยินได้ฟังนะครับ ก็ ยังมีความที่จะรู้ว่าตนเองเป็นผู้ที่งดเว้นนะครับ ไม่ใช่ว่าเป็นธรรมะที่เป็นปัญญาที่มีความรู้ถูกเข้าใจถูกว่าแม้จิตที่เป็นกุศลนั้นก็เป็นธรรมะอย่างหนึ่งครับ เพราะฉะนั้นขณะนี้ที่ไม่รู้ลักษณะของสภาพ จริง รู้เมื่อไหร่ก็ค่อยๆ ละความไม่รู้ค่อยๆ ชำระจิตให้บริสุทธิ์จากความไม่รู้ไปแล้วก็กิเลสอื่นๆ ด้วย เช่นคุณอารมณ์ ถ้าท่านค่ะผู้ที่ เริ่มสนใจศึกษาธรรมะหรือว่าปฏิบัติธรรมหรือว่าอะไรแสวงหาธรรมะเนี่ย โดยมากก็จะไม่ได้ตั้งต้นแบบทีท่าจะสอง ก็จะอาจจะไปเริ่มที่บอกว่าตอนต้นก็คือต้องมีทานศีลภาวนามันก็ว่าต้องมีท่านมีศีลก่อนปัญญาถึงจะเจริญได้คือถ้า และ๔เนี่ยเป็นปัจจัยให้เกิดปัญญาว่าศีลสมาธิปัญญาก็เหมือนกับว่าต้องไปมีศีลก็ศีล๕ศีล๑๐ศีล๘ และก็แล้วแต่ว่าคณะ แล้วก็สมาธิปัญญาจะเกิดได้ หมายถึงว่าไม่ได้ตั้งต้นศึกษาว่าจริงจริงแล้วเนี่ยคิดว่ากล่าวว่าพุทธศาสนาเนี่ยเป็นเรื่องของปัญญา และปัญญาต้องรู้อะไร ก็จะเข้าใจผิดเช่นนั้น ก็จะขอความกรุณาถ้าจานเนี้ยตอกย้ำว่าต้องเริ่มต้นถูก จึงจะสามารถพบหนทางที่จะระลึกดับกิเลสได้เมื่อไรไปตั้งต้นทานศีลภาวนาโดยที่ไม่รู้จริงๆ ว่า ศีลคืออะไรเนี่ยก็จะเป็นไปไม่ได้ ค่ะ เพราะฉะนั้นก็ต้องตรงกับพี่เต้ฟังคำแรกธรรมะคืออะไรอย่างมั่นคง เข้าใจว่าธรรมะคือสิ่งที่มีจริงเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วจะมาเป็นเราได้ยังไง เพราะฉะนั้นทุกคำต้องสอดคล้องกันตั้งแต่ต้น แม้อกุศลเกิดแล้วเนี่ยนะคะ แล้วก็ไม่อยากที่จะให้อกุศลเกิด มีความเป็นเราหรือเปล่า ความละเอียดใช่ไหมคะแล้วถ้ายังคงมีความเป็นเรา จัดดับอกุศลอะไรได้ อาจารย์ครับการศึกษาครึ่งครึ่งกลางๆ เนี่ยเป็นอันตรายมากก็เหมือนกับดูเหมือนกับผู้เริ่มศึกษาพุทธศาสนาเนี่ยถ้าไม่เริ่มต้นให้ถูกว่าคืออะไรในสิ่งที่กล่าวถึงสิ่งที่พูดในสิ่งที่ทำเนี่ยโอกาสที่จะเจอถูกเนี่ยแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นก็จำเป็นอย่างยิ่งว่าไม่ว่าจะพูดหรือกล่าวหรือทำอะไรเนี่ย ต้องเข้าใจสิ่งนั้นก่อนว่าคืออะไรเนี่ยยกตัวอย่างคำว่า๔เนี่ยบางคนก็ไปรักษาศีลโดยที่ยังไม่ทราบเลยว่าศีลคืออะไรแต่จริงๆ ถ้าศึกษาแล้วเนี่ยถ้าจะบอกว่าคือความเป็นปกติอาจจะเป็นกุศลเรียกกุศลก็ได้จึงจะ ไม่เป็นครึ่งครึ่งกลางอาจารย์ก็จะข้อความด่าละเอียดสูง ค่ะก็ต้องรู้ความจริงโดยตลอดแม้แต่ว่าขณะนี้นะคะ ไม่ใช่เรา กว่าจะถึงวันนั้น ไม่ใช่เราเพียงแค่คิดนะคะ แต่ว่าเห็นเดี๋ยวนี้ไม่ใช่เราลักษณะที่เกิดขึ้นเห็นแล้วก็ดับไป ไม่ใช่ใครไม่ใช่เราเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยดับไปแล้วไม่เหลือเลยค่ะไม่กลับมาอีกเลยด้วย ติดคลองแงะ และในสิ่งที่ไม่มีแล้ว เป็นไงคะโดย ทุกอย่างเกิดระดับกระดับจะเหลืออะไรสักอย่างหรือเปล่าก็ไม่เลื้อยเกาะความไม่รู้ทำให้ติดข้องในสิ่งที่แม่ไม่มีแล้ว การฟังธรรมะจึงเป็นเรื่องที่ละเอียดนะคะ เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีการเข้าใจจริงๆ ในสิ่งที่กำลังปรากฏว่าเป็นธรรมะ และมีความลึกซึ้งอย่างยิ่งผู้นั้นก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึง พระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณ๔๕พรรษาถูกค่ะเพราะรู้ว่าแม้จะกล่าวว่าทุกอย่างเดี๋ยวนี้นะคะ บอกได้เลยเห็นก็เป็นธรรมะได้ยินก็เป็นธรรมะได้แต่พูดแต่กำลังเห็นไม่ได้รูตรงเห็นที่จะรู้ว่าไม่ใช่เราหรือขณะนี้นะคะ เซียนก็มี ได้ยินก็มี และพระองค์ก็ทรงทราบถึงการสะสมที่หลากหลาย แสนยากแม่กำลังพูดถึงเรื่องสิ่งที่มีก็แชร์ สามารถที่จะน้องหมาเข้าใจถูกในสิ่งที่กำลัง ด้วยเหตุนี้พระมหากรุณาที่ทรงแสดง๔๕พรรษา เย้ สิ่งที่เป็น จึงทรงแสดงแทนโดยนัยหลากหลายโดยปัจจุบัน อืมของความประพฤติเป็นไปทางการทางวาจาสิ่งที่เกิดขึ้นนะคะ ตามความเป็นจริงโดยตลอด เพื่อที่จะได้ค่อยๆ สะสมความเห็นถูกในราคะในสิ่งที่กำลัง ลืมคำนี้ไม่ได้ ขณะนี้มี๔ที่นั่งปรากฏ อยู่๔ และตอนนี้หุ้นเห็นถูกกว่าเห็นเกิดขึ้นอีกแล้วสนุกไปรึ แถมสำนวนอยู่นะคะ ทาง ถูกใจแต่ถ้าต้องใส่เสื้อทำที่สมุดแล้วความลึกซึ้งที่สามารถจะมีเห็น วิ่งง่ายแน่นอน ๔อสงไขยแสนกัปก็ยังมีตัวอย่างแสนกลับก็มีตื่น และใช้นะคะ เจ็บคิดวิธีที่จะทำให้รู้ได้เร็วรู้ ผู้ที่ฟังพระธรรม ในสมัยพระทีปังกรนะคะ และได้ฟังคำพยากรณ์เพื่อสามารถสร้างพระเจ้าพระองค์นี้ซึ่งครั้งนั้นเป็นสุเมธดาบสฟังเสร็จแล้วไปสร้างสำนักปฎิบัติกันนะ ท่านเรานั้นเป็นใครได้เฝ้าได้ฟังพระเก่าแต่เบิกบานที่ว่าแม้ได้ฟังพระธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ฟังก่อนยังไม่สามารถจะรู้ความจริงของเห็นของได้ยินของสิ่งที่มีจริง แต่ความเป็นธรรมมะซึ่งไม่ใช่เรากว่าจะรู้อย่างนี้ได้นะคะ อีก๔อสงไขยแสนกัปที่๑๐เมทราบจ ไม่สามารถสั่งแจงทรงพระนามว่าโคดม ท่านอดทนท่านไม่ได้ไปทำอะไรซึ่งไปเร่งรัดหรือไม่ สามารถที่จะรู้สึก เพราะฉะนั้นความเห็น ยังแจ่มสะสม ถ้าอาจารย์คะดูเหมือนว่าที่มีการสอนกันว่าทานศีลภาวนาหรือว่าศีลสมาธิปัญญาเนี่ยก็บอกว่าไม่ได้สอนเองเอามาจากพระไตรปิฎก ซึ่งถ้าฟังพระอาจารย์แล้วก็เหมือนกับว่า ถ้าไม่ทราบว่าไปทำทานศีลภาวนาโดยที่ยังไม่รู้จักว่าทานศีลภาวนาคืออะไรหรือว่าศีลสมาธิปัญญาคือ โดยที่ไม่ได้ฟังว่าพระเจ้ากล่าวสิ่งเหล่านี้โดยหมายถึงอะไรเนี่ยก็ต้องผิดแน่นอนเพราะว่าคิดเองเนี่ยไม่มีทางถูกไม่มีทางจะเข้าใจสิ่งที่กำลังจะ เดี๋ยวนี้ หรือว่าในการที่บอกว่าตั้งต้นที่ทำจิตให้บริสุทธิ์ที่บอกว่าชั่วทำดีแล้วทำจิตให้บริสุทธิ์ก็เช่นเดียวกันทำให้เข้าใจสิ่งเหล่านี้ก็คือผิดเพราะว่ามันก็ไปตามพยัญชนะโดยไม่เข้าใจอัตลักษณ์ที่แท้จริง สิ่งที่ทรงนำมาเทศนาให้ฟังก็ผิดแน่นอนด้วยเหตุนี้นะคะ ปริยัติปฏิปัตติปฏิเวชคามขาดไม่ได้เลย ซึ่งตรงนี้สำคัญจริงๆ ถ้าไม่เริ่มที่บริษัทแล้วไปปฏิบัติเลยก็เหมือนกันยังไม่ทราบว่าอะไรก็ไปปฏิบัติก็ต้องผิดแน่นอน และปฏิบัติอะไร แล้วรู้อะไร เมื่อวานนี้ก็มีการสนทนาธรรมกับท่านหนึ่งนะคะ ซึ่งท่านไปปฏิบัติก็เรียนถามท่านว่าท่านปฏิบัติยังไงท่านก็บอกว่าลูกแก้วกลมกลม แล้วเกี่ยวอะไร ค่ะ นั่นแหละคะปัญญาปฏิบัติธรรมไม่ลูกแก้วกลมกล่มไม่รู้อะไร ฯลฯ การพูดคำจริง เป็นการอนุเคราะห์เพื่อประโยชน์หรือเปล่า ถ้าเป็นคำจริงให้คนอื่นได้เข้าใจ แต่คนที่พูดคำไม่จริง และเบียดเบียนหรือเปล่า แต่เข้าใจว่าถ้าพูดความจริงที่ถูกต้องไปเบียดเบียนคนอื่นถูกหรือผิด ถ้าพูดคำไม่จริงสิคะเบียดเบียนคนอื่นแน่นอนใช่ไหมคะ และเบียดเบียนความจริงด้วยทำให้ความจริงมันหมดไป เพราะว่าทุกคนเข้าใจว่าสิ่งที่ไม่จริงนั้นจริง เพราะฉะนั้นก็ต้องเป็นผู้ที่พิจารณาโดยละเอียดนะคะ เสียงเจตนาถึงประโยชน์ถึงความอนุเคราะห์เพราะเหตุว่าคำนั้นเป็นคำจริงไม่ได้ให้คำที่ไม่จริงกับคนอื่นเลยสามารถที่จะพิสูจน์ได้ซักถามได้ไตร่ตรองได้เข้าใจได้ ถ้าจะคิดว่าคำจริงที่กล่าวเบียดเบียนคนอื่นนะคะ ก็คิดว่าตรงกันข้ามเลยคำไม่จริงนั่นแหละเบียดเบียนคำจริง แล้วก็เบียดเบียนคำของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยเพราะเห็นว่าเป็นคำไม่จริงแต่ว่าการพูดคำจริงต้องเป็นในขณะที่เป็นประโยชน์เพราะขณะนั้นไม่เป็นประโยชน์ก็ไม่ควรที่จะกล่าวเพราะไม่มีประโยชน์ต้องคิดถึงประโยชน์ด้วย กราบเรียนอาจารย์ครับอยากจะกราบเรียนสนทนาให้จบประเด็นเรื่องที่ว่าต้องทำศีลธรรมสมาธิแล้วก็จะได้เป็นปัญญา ก็พอจะมีความเข้าใจพื้นฐานใช้จานว่าถ้า๔เนี่ยจะทำให้เกิดปัญญาได้เองเนี่ยคนที่ไม่ต้องศึกษาธรรมะเนี่ยแหละข้อมือ๔ เขาก็ต้องบรรลุกันไปเองอันนี้ก็พอจะเข้าใจได้แต่ว่าก็ ความคิดที่อาจจะดูเหมือนถูกใช้เธอจะที่คิดว่าเอาล่ะเค้าไม่คิดถึงขนาดนั้นแต่เราคิดว่าถ้าคนเนี่ยแค่๔เนี่ยยังไม่มีเลยเนี่ยแล้วจะไปเจริญปัญญาเนี่ยก็เป็นเรื่องดูว่าเหลือวิสัย แล้วก็มีคำที่ท่านไม่น่าเกษตรท่านแสดงไว้ว่าศีลเนี่ยเป็นพื้นฐาน ของกุศลธรรมทั้งหลาย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงท่านก็สารีบุตรต้องไม่กล่าวถึงอกุศลนั้นสิ และกุศลสิ เพราะฉะนั้นขณะที่รักษาศีลเข้าใจอะไรหรือเปล่า เขาคำที่เป็นพุทธพจน์นะคะ เพื่อความเห็นถูกเพื่อปัญญาที่เข้าใจถูกแต่ถ้าไม่มีความเข้าใจเลย๔นั้นก็ไม่ใช้ภูมิ เครดิตว่าไม่สามารถที่จะทำให้เกิดความเข้าใจสิ่งที่มีจริงในครรภ์ เอเชียนไม่เสร็จสิ้นในขณะที่จะเป็นพุทธคุดก่อเหตุว่าได้ทรงแสดง ทุกอย่างเป็นธรรม มีผู้หญิงว่าไม่ได้มีการไตร่ตรองอย่างละเอียดนะคะ ก็ไม่รู้ว่าขณะไหนเป็นธรรมะ ในเรื่องของ๔นะครับ ซึ่งท่านพระสารีบุตรนะครับ ก็แสดงเรื่องของธรรมะเมื่อก่อนหน้านี้พอศึกษาในเรื่องของว่าสีนี้คือโรคtนะครับ ไม่ว่าจะเป็นกุศลศีลหรืออกุศลศีลแต่ก็มีความรู้ความเข้าใจขึ้นนะครับ ว่าอะไรที่มีโทษถ้าเป็นอกุศลแน่นอนย่อมมีโทษ แล้วก็ให้ผลเป็นทุกข์ด้วยแต่ถ้าเป็นกุศลนั้นเป็นสภาพธรรมะที่ดีงามแล้วก็ไม่มีโทษ และในส่วนของธรรมะอย่างอื่นนะครับ อย่างเช่นทางสายบุญก็แสดงถึงเจตนาเป็นสีเจตสิกก็เป็น๔ สังวรก็เป็น๔ ความไม่ก้าวล่วงก็เป็น๔ อันนี้คือกล่าวถึงเจตนาก่อนนะครับ เชิญอาจารย์ธิดารัตน์ครับเจตนาเป็นศีลคือยังไง ซึ่งท่านก็ขยายความว่าเสวนางดเว้นปาณาติบาตเป็นต้น ที่ท่านยกตัวอย่างเจตนาพี่งดเว้นอกุศลเนี่ยนะคะ เพราะว่าเจตนาที่เป็นกรรมด้วยใช่ไหมคะขณะที่เวลส์อกุศลทั้งหลาย และก็เป็นกุศลกัน เพราะฉะนั้นก็เป็นความเป็นไปอื่นมีทั้งเจตนาเจตสิกที่เกิดร่วมกับกุศลที่จะเว้นอกุศลจากปากก็เป็นกุศลกรรม แล้วก็ทำให้มีกายวาจาที่จะเป็นไปด้วยเจตนาเจตสิทธิ์นั้น ค่ะก็เป็นปกตินะคะ ปกติเพราะว่าการที่ท่านกล่าวว่านะคะ เจตนาเป็นศีลก็คือเป็นความเป็นไปของกุศลเจตนาอกุศลเจตนา อาจารย์ครับถ้ากล่าวถึงเจตนาเนี่ยซึ่งทางไซเบอร์ก็แสดงถึงว่า กล่าวว่าเป็น๔นะครับ รู้ว่าเจตนาคือความจงใจ ถ้าจงใจที่สุดตั้งใจที่กล่าวว่าเป็นซีนคือยังไงครับ ค่ะคิดที่แจ่วิรัตน์สุจริตไม่ว่าจะไม่ฆ่าสัตว์ไม่ทำอะไรบ้างไหมคะ คุณวิชัยเคยคิดไปก็เคยครับอาจารย์จะดันตั้งใจจงใจคิดที่จะไม่ทำใช่ไหม ก็มีครับท่านอาจารย์มีความตั้งใจนะครับ ขนาดนั้นเกิดขึ้นนะคะ ยังเบาะจะไม่พูดสิ่งที่ไม่จริงเคยไหม ก็เคยครับก็เคย เพราะฉะนั้นขณะนั้นเป็นกุศลใช่ไหม ก็เป็นสภาพที่เป็นกุศลไม่เดือดร้อนใช้ขณะนั้นเป็นกุศลสินชัย เป็นด้วยในขณะนั้นเจตนานั้นก็เป็นสีที่เป็นกุศลไหมคะเพราะว่าตั้งใจที่จะเว้นทุจริต หมายถึงว่าท่านแสดงคือแสดงละเอียดทีละอย่างแม้ทีละแบบเพจก็เป็นสีในแต่ละอย่างครับให้ทำละเอียดมาก เพราะฉะนั้นถ้าใครรักษาศีล ไม่รู้ว่าสิ่งคืออะไร มีชัยที่จะ และจิเดดสิวการดับกิเลสได้อย่างไรที่กล่าวว่าต้องมีซีนกอด ถึงจะมีปัญญาแต่ถ้าในขณะนั้นไม่รู้ไม่เข้าใจอะไรเลยน่าจะบอกว่าจะถึงปัญญาที่จะดับกิเลสได้ไหมก็เป็นไปไม่ได้ อาจารย์ครับจะเข้าใจอย่างนี้ไหมครับที่ท่านแสดงถึงเจตนาหมายถึงแสดงว่าเป็นธรรมะไม่ใช่เราด้วยหรือเปล่าครับ เพราะฉะนั้นจึงมีธรรมะไปนั้น แสดงให้เห็นบ้างสามารถเดาเป็นยักษ์ เจตนาไม่ใช่สติ และสติเป็นสินได้รึเปล่า นับเป็นอีกใช่ไหม เลอกเลย วันนี้คงเป็นวันที่จะได้มีโอกาสเข้าใจในเรื่อง๔ครับ เมื่อกี้อาจารย์ พี่ชายก็สนทนาสองประเด็นว่าเจตนาชื่อว่าซี่เจสสิทธิ์เชื่อว่าสี ๕แค่เนี้ยนะฮะแล้วก็ก่อนหน้านี้ก็ได้พูดถึงว่าซีเนียร์ปราศรัยกุศลจิตตรงนี้จะชัดเจนว่าท่านมุ่งถึงเจตัดสินซึ่งเอกสิทธิ์ที่ชัดเจนให้หยิบยกมาแสดงก็คือเจตนาถ้าจ่ายก็ได้คุยยาวิชัยเนี่ยเราจะเห็นว่าในชีวิตประจำวันเนี่ยบางครั้งฮะมีเจตนา๔ แต่ไม่รู้เช่นรู้สึกว่าเราไม่ควรที่จะทำอย่างนี้ต่อไปไม่ควรไปพูดกับเขาแรงพูดไปแล้วกลับมาก็รู้สึกว่าไม่ดีหรือทำไมจะต้องมีกายวาจาที่ไม่ดีอย่างนั้นก็มีเจตนาที่จะงดเว้นสิ่งเหล่านี้นะครับ ซึ่งข้อความทางการแสดงไว้ในมหานิเทสนะครับ ว่า เจตนาของบุคคลผู้งดเว้นจากปาณาผีบ้าทั้ง๔ ๕เนี่ยนะฮะของผู้บำเพ็ญวัตรปฏิบัติก็ดีนะฮะเชื่อว่าเจตนา๔ มุ่งตรวจเจตนาที่จะงดเว้นนะฮะตัวนั้นไม่ใช่ขายแต่เป็นเจตนาเจตสิกที่เป็นสีละหรือเป็นเจตนา๔ แล้วก็ยังมีต่อว่าความงดเว้นของผู้ที่งดเว้นจากปาณาติบาตเป็นต้นเชื่อว่าเจสซี่ ไม่ใช่เพียงแค่เจตนาใช่ไหมครับ แต่ในขณะที่มีการงดเว้นเนี่ย ก็มีเจตสิกธรรมต่างๆ มากมาย ก็คือเจตสิก และจิตทั้งหลายเนี่ยโดยเฉพาะจิต เกิดที่เป็นเจตสิกขนาดนั้นต้องดีงามนั่นแหละเป็นเกย์๗๐กับ๑๐ มีครับว่าเจสสิก้า๔ หรือถ้าจะพูดถึงในบรรดากรรมบถทั้ง๑๐นะที่เป็นอุสนกรรมบถก็มีทางกาย๓ ฆาตสัตว์รับทราบว่าพูดคุยกามทางวาจา๔ก็คือพูดเทพประโยชน์ผู้อื่น พูดคำส่อเสียดพูดคำหยาบพูดเพ้อเจ้อหรือกาย๓ว่าจะซื้อ๗แล้วก็มีอภิชายเพ่งเล็งของผู้อื่น และมีพยาปาทะความไม่พอใจต่างๆ ผูกพยาบาทแล้วก็ ความเห็นผิด แต่ถ้าตรงข้ามนะฮะก็เป็นฝ่ายดีก็คือเจตนาที่จะงดเว้นจากอกุศลกรรมมาบททั้ง๗หรือกายตามวาจา๔นะฮะท่านก็แสดงว่านั่นคือเจตนา๔คือเจตนาในอบตเก็บของหุ้นละการค้าเป็นต้นนะฮะนั่นคือเจตนาสื่อที่เป็นไปในการ ราชกุศลกลับมาหมด๗หรือว่ามีกุศลกรรมบถ๗ แล้วก็มีต่อว่าการที่ไม่มีการเพ่งเล็งของผู้อื่นไม่โลภที่จะเพ่งเล็งของผู้อื่นถือว่าไม่พยาบาท และสัมมาทิฏฐินี้ เป็นเจตสิกกับ๔ งั้นถามว่าปัญญาเป็นสีเพราะอะไรปัญญาจึงเป็นสี เพราะเป็นเจตสิกเป็นเจตสิกะสิน เพราะฉะนั้นคำว่าศีลเขากว้างครอบคลุมนะอันนี้แค่สองประการผิดเจตนาชื่อว่าศีลแล้วก็เจสซี่ชื่อว่าสี ก็ขอเสริมในสองประการนี้จะได้เป็นประเด็น อยากให้อาจารย์ครับการศึกษาปริยัติโดยเฉพาะอภิธรรมปิฏกนะครับ ก็จะมีการกล่าวถึงเรื่องของความละเอียดของจิตแม้ในเรื่องของวิถีจิตต่างๆ แต่ว่าการที่จะรู้เข้าใจว่าทั้งหมดนะครับ เผื่อเข้าใจในสิ่งที่กำลังปรากฏครับอาจารย์บางครั้งก็อาจจะมาคิดเป็นเรื่องของคำเรืองพิจารณาโดยที่ นั้นเลยการที่จะเข้าใจในสิ่งที่มีขนาดนี้ เพราะฉะนั้นจึงมีแค่สูตร๔๕พรรษาเพื่อให้เห็นความสำคัญของแต่ละธรรมะที่ว่ากว่าจะรู้ความจริงของสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏได้ต้องอาศัยการฟังจนกระทั่งมีศรัทธามั่นคงนะคะ แล้วก็มีความเข้าใจเพื่อขึ้น ท่านสามารถที่จะเข้าใจลักษณะของสิ่งที่ปรากฏแสดงให้เห็นว่าขว้างมาแล้วว่าเห็นเกิดแล้วดับตามเหตุตามปัจจัยฟังมาแปลว่ากำลังนี้เห็นก็เกิดเป็นหินเท่านั้นแล้วก็ดับไปก็ยังไม่ถึงปัญญาระดับนั้นเพราะฉันก็ต้องทรงแสดงพระธรรมตลอด๔๕พรรษา เพื่อให้ได้เข้าใจถูกสิ่งที่กำลังปรากฏตามความ กราฟแท่งอาจารย์ครับข้อกล่าวถึงความรู้สึกชื่อนักศึกษาแต่ว่าเมื่อเข้าใจเช่นนี้ของปัจจัยต่างๆ บ้านครับก็รู้ก็เพียงเข้าใจครับแต่ก็มานั่งคิดถึงว่าต้องเป็นอย่างงี้แต่ว่ารู้ว่าสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้ที่เป็นธรรมะจริงๆ แต่ว่าขณะที่ฟังเรื่องราวของ วิถีจิตบ้างในเรื่องความเป็นปัจจัยก็ฟังก็เข้าใจแต่ก็เหมือนกับเข้าใจ และก็ไม่ได้ติดอะไรครับอาจารย์เพียงเข้าใจขึ้นเมื่อกี้นี้คุณวิชัยพูดถึงเรื่องปัจจัยนามะรูปะริสเชสทะยานน ปัดยัดปริกหายานะอะไรก่อน ก็ต้องนำมารู้ป่ะไม่ใช่จะไปเข้าใจปัจจัยก่อนที่จะรู้ว่านี่เป็นธรรม ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นก่อนอื่นเลยค่ะได้ยินชื่อทำ ได้ยินคำว่านามธรรมรูปธรรมแต่ว่าขณะนี้ก็เป็นธรรมะทั้งหมด และก็เป็นนามธรรมบ้างเป็นรูปธรรมบ้างจริงๆ แต่ละหนึ่งนะคะ มีเหตุปัจจัยเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปเร็วสุดที่จะประมาณ แต่ก็ยังมีลักษณะที่เป็นนิมิตตะปรากฏให้รู้ว่าสิ่งนั้นมีจริงจริงกำลังเกิดดับอยากเห็นนี้ค่ะก็ไม่ใช่ได้ยินก็ไม่ใช่คิดในแค่เห็นก็ไม่ใช่หนึ่งขนาดเห็นก็เกิดขึ้นอยู่ตลอดนะคะ ในขณะที่กำลังปรากฏทั้งหมดเพื่อรู้ว่าไม่ใช่เรื่อง แล้วก็เป็นอนัตตาแต่ส่วนพระสูตรที่ทรงแสดงไว้หรือขาด๙อุปการะในขณะที่กำลังได้เข้าใจว่านี่คือความเป็นไปของชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายที่เป็นใส่สาระวัดด้วยความละเอียดอย่างยุ่งแม้แต่จะกล่าวถึงเจตนาเสน ต้องใช้ที่จะวิรัตน์ทุจริตที่จะไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ว่าของใจกลางฮอตอยู่ตลอดเวลาหรือเปล่า แม่หมีเกิดกับจิตทุกขณะแต่ก็หลากหลายประเภท เพราะฉะนั้นในขณะใดก็ตามที่กำลังไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีขณะนั้นต้องมามีเจตนาปรากฏให้รู้ไม่ว่าฉันจะไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีไม่มี เพราะฉะนั้นเจตสิกในขณะนั้นก็เป็นสี อาจารย์ก็แสดงให้เห็นว่าการที่จะยกสภาพธรรมะหนึ่งสภาพธรรมะใดที่กล่าวถึงนะคะ ก็ต่างกันละยิ่งขณะที่กำลังคิดนะคะ ว่าจะไม่ทำทุจริต ไม่พูดสิ่งที่ไม่จริงไม่กล่าววาจาอะไรก็แล้วแต่นะคะ คำหยาบ แต่พอถึงเวลาจริงๆ เห็นความเป็นอนัตตาหรือเดือดร้อนเห็นไหมคะปัญญาไม่พอแต่ที่ได้ฟังมาแล้วทั้งหมดก็คือว่าทุกอย่างเป็นธรรมะเกือบไม่ได้เลยถ้าไม่มีเหตุปัจจัยแท้จริงขนาดนั้นไม่เป็นโทรซะอย่างแรงคำหยาบอย่างนั้นก็เกิดไม่ได้เลยแต่เมื่อเกิดแล้วแทนที่จะรู้ว่าไม่ใช่เราเป็นธรรมะ ปัญญาไม่ด้วยเหตุนี้จึงทรงแสดงธัมมเองเองด้วยนะคะ ๔๐ ๕๐๐๒เพื่อที่จะหน่อไม้สู่การที่จะได้เข้าใจ ก่อนที่จะเข้าใจว่าขณะนั้นอะไรเป็นปัจจัยที่จะให้เป็น เรียกอาการที่จะเข้าใจธรรมะต้องละเอียดแล้วก็ต้องตรง และก็ตามความเป็นจริงด้วย พระอาจารย์คลาดหมายถึงว่าขณะที่มีแม้เจตนาที่จะงดเว้นหรือว่าแม้สภาพสมาธิเป็นกุศลที่เป็นเจตสิกที่เกิดขึ้นนะครับ แต่ว่าการที่จะมีสติที่รู้ในลักษณะของธรรมะที่เป็นเจตนาหรือว่าลักษณะของธรรมะที่มีขนาดนั้นก็เป็นซีนไหนครับ เพราะฉะนั้นจะมีพยัญชนะหลากหลายซึ่งแสดงความจริงอย่างละเอียด ถามว่าซี และสารงหรือซีรั่ มีคำๆ นี้มีใช่ไหมคะหน้าต่างกันยังไงเมื่อไหร่เจตนาจะไม่พูดปดไม่พูดไม่จริง ไม่พูดคำเดียว แต่เวลาสิเวลา ต้องทิ้งเวลานั้นฉะนั้นวีระคือสังวรเมื่อสิ่งนั้นกำลังเผชิญ จะต้องมีสภาพธรรมะที่ไม่ใช่เพียงเจตนาซึ่งตั้งใจไว้ตั้งใจไว้ก็ดับไปแล้วตั้งใจไว้กี่วันนะคะ อาจจะเป็นปีหรือว่าหลายปีมาแล้วก็ได้ที่เคยคิดใช่ไหมคะแต่เวลาที่ประสบกับสิ่งนั้นจริงๆ วิรัตน์รึเปล่าเพราะฉันก็ยังมีสังวะด้วยในขณะที่สภาพธรรมะนั้นกำลังปรากฏเฉพาะ คลิกสีความละเอียดของธรรมะนะคะ ซึ่งกว่าจะรู้ว่าไม่ใช่เราเลย เนี่ยก็ได้เห็นถูกต้องหนังที่ไม่ต้องรู้จักจงว่าจะเข้าใจตรงนั้นเรื่องนี้หรืออะไรเลยค่ะแต่ไม่มีความเข้าใจที่เป็นเพื่อนถามไม่ใช่ แน่นอน เหตุปัจจัยไม่อยู่ในอำนาจของชาติบัญชา เผื่อจะทำให้เพิ่มความละเอียดในการที่จะศึกษาต่อไปความต่อไปเพื่อให้เห็นว่าภาพไกลไปดอกมากค่ะไม่น้อยเลย และก็แต่ละคำก็มีความหลากหลายมีความต่างที่จะทำให้เห็นความเป็นอนัตตายิ่งขึ้น มิฉะนั้นไม่มีทางที่จะเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ


    ฟังธรรมจากหัวข้อย่อย

    หมายเลข 193
    30 ม.ค. 2567

    ซีดีแนะนำ