แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1046
ครั้งที่ ๑๐๔๖
สาระสำคัญ
มงคลตื่นข่าว
ผู้เชื่อมั่นในกรรมและผลของกรรม (กัมมัสสกตาญาณ)
อถ.อัฏฐสาลินี - ทิฏฐิ อรรถว่า ก้าวล่วงได้ยาก
ทิฏฐิ - อรรถว่า น่าระแวง และมีภัยเฉพาะหน้า
ถ. ผมเพิ่งจะเริ่มฟัง และจะรับไปปฏิบัติ แต่ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง เพราะฉะนั้น ขอให้อาจารย์อธิบายเรื่องมงคลตื่นข่าวว่าเป็นอย่างไร ต้นสายปลายเหตุ ผมยังไม่ทราบ
สุ. ขอฟังความเห็นของท่านผู้ฟังท่านอื่นด้วย ในเรื่องของมงคลตื่นข่าว ซึ่งมีไม่น้อยแทบจะเรียกได้ว่า มีมากในชีวิตประจำวัน และคงจะเพิ่มขึ้นอีก
ผู้ฟัง มงคลตื่นข่าว เท่าที่ผมคิดได้ เมื่อหลายปีมาแล้วมีสระน้ำวิเศษ คนตื่นกัน จ้างรถไปวันละ ๓๐๐๐ บาท ๕๐๐๐ บาท และเป็นหมื่นขึ้นไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายมีน้ำทิพย์มาขายที่ตลาดคลองเตย เป็นถุงพลาสติก ถุงละ ๕ บาท ๑๐ บาท อย่างนี้ เป็นต้น นี่เป็นลักษณะของมงคลตื่นข่าวประเภทหนึ่ง และมีอีกมาก เวลานี้พระอรหันต์ในประเทศไทยมีมากมาย พากันไปหาพระอรหันต์ พากันไปถวายภัตตาหารแก่ พระอรหันต์มากมาย แบบนี้ก็เป็นมงคลตื่นข่าว ตามที่ผมคิดนะ จะผิดหรือจะถูกก็ไม่รู้
สุ. ทุกท่านมีความรักตนเป็นพื้นฐาน เพราะฉะนั้น สิ่งใดก็ตามที่จะทำให้ตนเองได้ดีมีสุข แต่ไม่ประกอบด้วยเหตุผลตามที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้และ ทรงแสดง ขณะนั้นเป็นมงคลตื่นข่าว เพราะไม่ใช่การประจักษ์แจ้งจริงๆ
ควรเชื่อมั่นในเรื่องของกรรมและผลของกรรมเท่านั้น แต่เมื่อไม่มีความเข้าใจอย่างนี้ ก็ย่อมยึดถือในสิ่งอื่นที่ไม่ประกอบด้วยเหตุผลตามความเป็นจริง ซึ่งขณะนั้นเป็นมงคลตื่นข่าวทั้งหมด
เพราะฉะนั้น ถ้าท่านผู้ฟังอยากจะทราบว่า มงคลตื่นข่าวมีอะไร หรือสงสัยว่าจะเป็นมงคลตื่นข่าวหรือเปล่า ก็อาจจะพิจารณาในชีวิตประจำวันได้
ไม่ทราบว่า วันนี้ท่านผู้ฟังชมรายการโทรทัศน์ตอนเที่ยงหรือเปล่า มีรายการหนึ่งซึ่งมีนักศึกษากำลังจะสอบไล่เข้ามหาวิทยาลัย ก็มีคนหนึ่งท่องหนังสือเป็น การใหญ่ แต่อีกคนหนึ่งไม่ท่อง มีอะไรไม่ทราบ ดิฉันก็ลืม เรียกว่างูอะไรก็ไม่ทราบ เป็นก้อนๆ และก็ถูตามหน้า มีหลายสี ถ้าถูด้วยสีเลือดหมูจะสอบเข้าวิศวะได้ ถ้าถูกด้วยสีอะไรก็จะเข้าคณะต่างๆ ตามสีนั้นๆ ได้ จริงไหม เป็นมงคลตื่นข่าวหรือเปล่า เพราะฉะนั้น การที่จะเข้าใจว่า อะไรเป็นมงคลตื่นข่าว ไม่ยาก แต่ต้องอาศัยการพิจารณาจริงๆ ว่า ในขณะนั้นตัวท่านมีความโน้มเอียงที่จะเชื่อในสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ใน เรื่องกรรมของตนเองหรือเปล่า เพราะถ้ายังอาศัยบุคคลอื่น อาศัยวัตถุอื่นภายนอก คิดว่าเป็นสิ่งที่สามารถดลบันดาลหรือว่ามีผลที่จะให้ความสำเร็จ ความสุขกับตัวท่าน โดยที่ไม่ได้คิดเลยว่า ต้องเป็นกุศลกรรมของท่านเองเท่านั้นที่จะนำมาซึ่งประโยชน์สุขทุกประการให้แก่ท่าน ไม่ใช่วัตถุภายนอกสิ่งอื่นเลย ถ้าขณะใดลืมและโน้มเอียงที่จะยึดถือในสิ่งหนึ่งสิ่งใดภายนอก ในขณะนั้นหมายความว่า เป็นผู้ยึดถือในมงคลตื่นข่าว ซึ่งมีมากใช่ไหมในชีวิตประจำวัน เรื่องอื่นยังมีอีกไหมที่เป็นมงคลตื่นข่าว
ถ. มีผู้ที่นับถือศาสนาพุทธเป็นจำนวนมาก ไปบนบานพระแก้วมรกตด้วยไข่ต้มเพื่อให้สำเร็จผล หรือบางครั้งก็ติดสินบนพระพุทธรูปที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ ด้วยการใช้ธูปเทียน หรือปิดทอง ความเชื่ออย่างนี้เป็นมงคลตื่นข่าวหรือไม่
ส. ใครต้องการไข่ ก่อนที่จะเอาไข่ไปให้ใคร จะต้องพิจารณาว่า ใครต้องการไข่ เพื่อเหตุผลตามความเป็นจริงซึ่งจะไม่เป็นผู้ถือมงคลตื่นข่าว เพราะฉะนั้น ไม่ว่าใคร ทำอะไรตามๆ กันไป อาจจะเป็น ๑๐๐ ปี ๒๐๐ ปี ๓๐๐ ปี จนถึง ๒๕๐๐ กว่าปี ท่านผู้ฟังก็ต้องพิจารณาว่า พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้และ ทรงแสดงธรรมเพื่อต้องการไข่หรือว่าเพื่ออะไร
ใครเป็นผู้ต้องการไข่ รู้ได้อย่างไรว่าต้องการจึงได้เอาไข่ไปให้ แสดงว่า มีผู้ต้องการ เมื่อต้องการสิ่งใดก็ให้สิ่งนั้น แต่ทำไมไม่ให้สิ่งอื่น ทำไมต้องเป็นไข่ ทุกอย่างต้องมีเหตุผล ถ้ายังไม่ได้เหตุผล ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเชื่อ หรือทำตาม ท่านผู้ฟังอาจจะเคยทำตามมาแล้วมากในอดีต แต่ในปัจจุบันนี้เป็นผู้ที่ตรงต่อธรรม ต้องเป็นผู้ที่พิจารณาธรรมจริงๆ ว่า พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมเพื่อจุดประสงค์อะไร เพื่อให้ผู้ฟังถวายไข่ หรือให้ผู้ฟังเข้าใจเหตุผลของสภาพธรรมตรงตามความเป็นจริงเพื่อที่จะดับกิเลสเป็นสมุจเฉท
ท่านผู้ฟังทุกท่านพิจารณาเอง คิดเองได้ใช่ไหมว่า กรรมอยู่ที่ไหน พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้และทรงแสดงเรื่องของกรรมว่า กุศลกรรมให้ผลเป็น กุศลวิบาก อกุศลกรรมให้ผลเป็นอกุศลวิบาก พระผู้มีพระภาคตรัสเรื่องไข่ไว้ใน พระสูตรไหน มีไหม เมื่อไม่มี ทำไมไม่พึ่งพระธรรม มีพระธรรมเป็นสรณะที่จะพิจารณาและประพฤติปฏิบัติตามโดยถูกต้อง ซึ่งจะทำให้เป็นผู้ที่ไม่เกิดมิจฉาทิฏฐิ แต่ถ้าไม่พิจารณา ก็ย่อมจะเป็นผู้ที่มีความรักตนเป็นพื้นฐาน และก็ไม่พิจารณาเหตุผลให้ตรงตามความเป็นจริงว่า กุศลวิบากทั้งหลายเป็นผลของกุศลกรรมของตน
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ทรงแสดงธรรมที่จะให้บุคคลใดถวายไข่ แต่ทรงแสดงเรื่องของจิต เจตสิก รูป เรื่องของกุศลจิต อกุศลจิต และ กุศลกรรม อกุศลกรรม กุศลวิบาก อกุศลวิบาก
ยังมีการยึดถือมงคลตื่นข่าวอะไรอีกไหม และท่านผู้ฟังจะเอาไข่ไปถวายไหม คนอื่นไม่สำคัญ เพราะฉะนั้น พระอริยบุคคลเป็นผู้ที่เชื่อมั่นในกรรมและในผลของกรรม เป็นผู้ที่มีกัมมัสสกตาญาณจริงๆ ท่านเป็นผู้ที่ไม่ยึดถือมงคลตื่นข่าว
ถ. ท่านอาจารย์ช่วยอธิบายวิธีการที่จะปฏิบัติวิปัสสนา หรือกัมมัฏฐาน เพื่อยังจิตให้สงบ จะเลือกเอาข้อหนึ่งข้อใดก็ได้ ขอให้กรุณาบอก เพราะผมเริ่มจะหัดปฏิบัติ ไม่ใช่ว่าเคยทำมาก่อน
สุ. ขั้นต้น ฟังให้เข้าใจ ยังไม่ต้องคิดถึงเรื่องปฏิบัติ เพราะถ้ายังไม่เข้าใจโดยละเอียด แต่จะปฏิบัติ ย่อมปฏิบัติผิด แต่เมื่อเข้าใจถูกต้องโดยละเอียดแล้ว ไม่จำเป็นต้องนึกว่าจะปฏิบัติ เพราะสภาพธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่มีใครทราบว่า ขณะต่อไปสติจะเกิดเมื่อไร อาจจะเกิดในขณะนี้ หรือว่าในขณะนี้ยังไม่เกิด แต่เมื่อมีเหตุปัจจัยที่สติจะเกิด สติก็เกิดระลึกได้ที่จะพิจารณาลักษณะของสภาพธรรมตามที่ได้ยินได้ฟังโดยถูกต้อง ทางตา หรือทางหู หรือทางจมูก หรือทางลิ้น หรือทางกาย หรือทางใจ ไม่มีใครสามารถที่จะตั้งกฎเกณฑ์ให้สติเกิด มิฉะนั้นแล้วก็ไม่ใช่อนัตตา
มีท่านผู้ฟังหลายท่านที่ห่วงว่า ท่านไม่ได้ปฏิบัติ ท่านก็อายุมากแล้ว ชีวิตของท่านก็คงจะอยู่ได้ไม่นาน แต่อย่าเป็นห่วงเลย สิ่งที่ควรห่วง คือ อย่าปฏิบัติผิดเพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งรีบปฏิบัติ แต่ต้องเข้าใจให้ถูกต้องก่อน
ผู้ฟัง ดิฉันมีเรื่องสนุกๆ เล่าให้ฟังนิดหน่อย ซึ่งเกิดกับตัวเอง จะเป็นมงคลตื่นข่าวหรือเปล่าก็ไม่ทราบ แต่ดิฉันเชื่อว่า ตั้งแต่เราปฏิสนธิมา ก็มีกรรมติดตัวกันมาทุกคน แต่เราไม่ทราบเท่านั้นเอง และสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ดิฉันคิดว่า บางครั้งก็คล้ายกับบังเอิญ แต่บางครั้งเราก็สงสัยว่า เพราะอะไรจึงเป็นอย่างนั้น อย่างไรก็ตามที่เจอทั้งที่ดีและไม่ดีนี้ ก็คือกรรมของเรานั่นเอง ดิฉันเชื่อมั่นในกรรม ๑๐๐%
เหตุการณ์ที่ดิฉันพบมา เป็นเรื่องอัศจรรย์เหมือนกัน และไม่ทราบว่า เพราะอะไรจึงต้องมาเกิดกับเรา คือ ตามบ้าน หรือตามร้านค้าของคนจีน รู้สึกว่าจะต้องมีพระภูมิเจ้าที่ที่ตั้งอยู่กับพื้นเตี้ยๆ คงเคยเห็นกันที่เขาเรียกว่า ตี้จู้ ซึ่งดิฉันไปเซ้งร้านที่อุบล เด็กที่ร้านเขาไม่เชื่อเลยว่าเทวดามีจริง เขาไม่เชื่ออะไรทั้งหมด และไม่เชื่อเรื่องกรรมด้วย ดิฉันก็พูดไม่ออก บอกเขาว่า เทวดามีจริง เขาก็ไม่เชื่อ เขาหาว่า เราเชื่อสิ่งที่เหลวไหล เขาถือว่า เขาทำปัจจุบันดีแล้ว ไม่เชื่อว่าอะไรจะมาลบล้างความดีของเขาได้ นี่เป็นความเชื่อของเขา พอเซ้งร้านได้แล้ว เขาก็ไปรื้อพระภูมิเจ้าที่ รื้อออกเลย โดยไม่มีการบอกกล่าว รื้อออกไปเฉยๆ อย่างนั้นแหละ ดิฉันก็ไม่อยู่ เซ้งร้านแล้วดิฉันก็กลับมาเพราะมีงานทางนี้รออยู่
เมื่อรื้อแล้ว เด็กลูกจ้างที่อยู่ในร้านหลายคนไม่เป็นอะไรเลย แต่ตัวแกเองเจ็บขนาดขับรถไปไหนไม่ได้ อยู่เฉยๆ ก็เจ็บอย่างไม่มีเหตุผล คือ เจ็บแบบไม่มีแรง ไปโรงพยาบาลก็ต้องวานเพื่อนขับรถให้ ไปถึงโรงพยาบาลรักษาอยู่ตั้งนานก็ไม่หาย มารักษาที่คลินิกก็ไม่หาย ก็โทรเลขมาหาดิฉัน ดิฉันก็รีบขึ้นไป เห็นตัวแล้วตกใจเลย เพราะว่าเหลืองหมดทั้งตัว ดิฉันก็ถามว่า เราไปทำอะไร ดิฉันเห็นตี่จู้หายไปก็ถามว่า หายไปไหนนี่ เขาบอกว่า รื้อไปแล้ว ถามว่า จุดธูปบอกหรือเปล่า เขาก็บอกว่า เปล่า ดิฉันก็ว่า ทำไมทำอย่างนั้น ความจริงเราต้องบอกเจ้าที่เขา
ดิฉันคิดว่า โอปปาติกะนี้มีจริง จะเป็นเทวดาจีน เทวดาไทย ก็เหมือนกัน ความดี เชื้อชาติไหนก็มีการทำดี เขาเป็นเจ้าของบ้าน เราต้องบอกเขา ก็ไม่เสียหายอะไร เป็นสิ่งที่เราไม่รู้ไม่เห็น ดิฉันก็บอกว่า เอาอย่างนี้ ดิฉันแก้ให้เลย เพราะดิฉันรับประทานเจอยู่แล้ว ดิฉันก็จัดของไปถวายสังฆทาน ทำอาหารเจหมด และไปเจอพระสงฆ์รูปหนึ่งอายุตั้ง ๙๐ กว่า ท่านฉันเจ ถวายสังฆทานแล้ว ท่านก็ทำน้ำมนต์รดให้เด็กคนนี้ ดิฉันก็เฉยๆ จะรดก็รด และดิฉันก็กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล และไปซื้อยามาให้เขารับประทาน ๒๕ บาท หายเลย ทั้งๆ ที่รักษามาแล้วเป็นเดือนไม่หาย แบบนี้จะเป็นมงคลตื่นขาวหรือเปล่าก็ไม่ทราบ แต่ประสบกับตัวดิฉันจริงๆ และได้ทำไปแล้ว จริงๆ แต่ทำทางกรรมดี และอุทิศส่วนกุศลไปให้
สุ. จบแล้วก็ยังไม่หายสงสัย ใช่ไหม ยังจะต้องสงสัยกันอีกต่อไปแสนนาน เพราะว่ามีมาก หลายเรื่อง ตามแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งท่านผู้ฟังจะเห็นได้ว่า ชีวิตในสังสารวัฏฏ์จะสืบต่อไปอีกนานแสนนาน ถ้ายังไม่มีการรู้แจ้งอริยสัจธรรมว่า ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน จะมีความเห็นต่างๆ นานา และเหตุที่จะให้เกิดทิฏฐิ ความเห็นต่างๆ ซึ่งไม่สามารถเชื่อได้แน่นอน แม้ว่าจะมีเหตุการณ์อย่างนี้ หรือคล้ายๆ อย่างนี้อีกหลายเรื่อง
ท่านผู้ฟังควรจะคิดถึงในมุมกลับด้วย เป็นต้นว่า ข่าวต่างประเทศ มีเด็กทารกตกรถไฟที่ประเทศญี่ปุ่น แต่รถไฟไม่ทับ ไม่มีอันตรายเลย ถ้าเป็นเมืองไทยคงจะถามกันว่า หลวงพ่ออะไร แต่ว่าที่โน่นไม่มีปัญหาอย่างนี้ เพราะฉะนั้น การที่มีความคิดความเห็นต่างๆ ที่ไม่สามารถจะเข้าใจได้ชัดเจน ก็เพราะไม่ใช่การอบรมเจริญปัญญาที่จะประจักษ์ลักษณะของสภาพธรรมที่เกิดดับ ซึ่งไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน
ถ้าตราบใดยังไม่มั่นคงในการอบรมเจริญปัญญาที่จะละ ตราบนั้นก็ยังคงมีเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะทำให้เกิดความเห็นผิด หรือว่าการโน้มเอียงไปสู่ความคิด ความเชื่อในเรื่องอื่น ซึ่งไม่ใช่ความเชื่อมั่นในเรื่องของกุศลกรรมและอกุศลกรรม เพราะฉะนั้น หนทางไหนที่จะเป็นหนทางที่ตรง ทำให้ไม่โน้มเอียงไปสู่การยึดถือที่เป็นมงคลตื่นข่าว แต่จะเป็นผู้ที่มั่นคงขึ้นในเรื่องของกรรม
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทุกอย่างมีเหตุปัจจัยจึงได้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้น ควรจะเข้าใจถึงสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ซึ่งเป็นเหตุปัจจัยอันแท้จริง เพราะนามธรรม คือ จิต เป็นเหตุ จิตที่ดีเป็นกุศล ย่อมเป็นเหตุให้ได้รับกุศลวิบาก จิตที่ไม่ดีเป็นอกุศล ย่อมเป็นเหตุให้ได้รับอกุศลวิบาก เป็นผู้ที่มั่นคงในเรื่องของกรรม ตัดเรื่องอื่นออกไป จะทำให้เป็นผู้ที่ไม่สนใจ ไม่มีการโน้มเอียงที่จะยึดถือมงคลตื่นข่าว ซึ่งเรื่องของความเห็นผิดนี้ ในคราวก่อนก็ได้กล่าวถึงลักษณะของความเห็นผิด ใน อัฏฐสาลินีอรรถกถา มีข้อความว่า
ทิฏฐินั่นแหละ ชื่อว่าทิฏฺฐิคหนํ ด้วยอรรถว่า ก้าวล่วงได้ยาก (มงคลตื่นข่าวก็แสนที่จะก้าวล่วงได้ยาก) เหมือนดังชัฏหญ้า ชัฏป่า และชัฏภูเขา
ถ้ามีแต่ทุ่งหญ้า ก็ยากที่จะหาทิศทางได้เจอ สำหรับเมืองเราก็มีทุ่งกุลาร้องไห้ ใครเข้าไปแล้วจะหาทางออกไม่ได้ แม้แต่พวกกุลาซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเผ่าที่มีความอดทน ก็ยังถึงกับร้องไห้ เพราะไม่สามารถจะหาทางออกได้ เพราะฉะนั้น ความเห็นผิดทำให้วนเวียนอยู่ในความเห็นผิด หลงอยู่ในความเห็นผิด ไม่สามารถที่จะพบเหตุและผล จริงๆ ที่จะทำให้ออกจากความเห็นผิดได้ เหมือนคนที่หลงอยู่ในชัฏหญ้า หรือชัฏป่า หรือชัฏภูเขา
คงเคยได้ยินเรื่องภูเขาวงกต เป็นภูเขาที่สลับซับซ้อนคดเคี้ยว ผู้ที่ไม่ชำนาญ ไม่สามารถที่จะหาทางออกได้ ฉันใด มงคลตื่นข่าวทั้งหลาย ถ้าไม่พิจารณาในเรื่องของกรรมจริงๆ ไม่เป็นผู้ที่มั่นคงในเรื่องของกรรมจริงๆ ก็จะวนเวียนอยู่ในเรื่องของมงคลตื่นข่าวทั้งหลาย เพราะว่าไม่สามารถจะพบทางแท้ๆ ที่เป็นเหตุและเป็นผลได้ ยังคงเป็นเรื่องของความสงสัย ความไม่แน่ใจอยู่เรื่อยๆ
ทุกคนต้องอยู่ด้วยกรรมของตน อย่าลืม จะป่วยไข้ได้เจ็บ ถ้าไม่มีกรรมซึ่งเป็นอกุศลกรรมก็คงจะไม่เกิดอกุศลวิบากขึ้น ฉันใด กุศลวิบากก็ฉันนั้น ถ้าไม่มีกุศลที่ได้กระทำแล้ว กุศลวิบากก็ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้
นอกจากนั้นแล้ว
ความเห็นผิดนั่นแหละ ชื่อว่าทิฏฺฐิกนฺตาโร กันดาร คือ ทิฏฐิ ด้วยอรรถว่า มีความน่าระแวงและมีภัยเฉพาะหน้า เหมือนกันดารโจร กันดารสัตว์ร้าย กันดารทราย กันดารขาดน้ำ และกันดารทุพภิกขภัย
เวลาที่มีภัยเกิดขึ้น ท่านผู้ฟังกลัว ตกใจ ถ้าอยู่กลางทะเลทรายก็ไม่ทราบว่า จะไปทางไหน ถ้าอยู่ในที่ที่รื่นรมย์ จะหลงอยู่สักเท่าไรก็คงไม่มีใครเดือดร้อน ใช่ไหม สบายดี กี่วัน กี่เดือน กี่ปี ก็ไม่เดือดร้อน แต่ว่าทิฏฐินี้เป็น ทิฏฺฐิกนฺตาโร กันดาร คือ ทิฏฐิ ด้วยอรรถว่า มีความน่าระแวงและมีภัยเฉพาะหน้า เหมือนกันดารโจร
ทุกท่านกลัวผู้ร้าย กลัวอันตรายที่จะเกิดจากคนร้าย และถ้าท่านอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยโจรผู้ร้าย ก็ย่อมมีความกลัวภัย ฉันใด ทิฏฐิ ความเห็นผิด หรือมงคลตื่นข่าวทั้งหลาย ก็ฉันนั้น เป็นสิ่งที่เป็นภัยเฉพาะหน้า เพราะไม่ได้ทำให้เกิดปัญญารู้เหตุและผลถูกต้องตามความเป็นจริง หลง และยังหลงอยู่ในที่กันดารซึ่งเต็มไปด้วยอันตราย เช่น กันดารโจร หรือว่ากันดารสัตว์ร้าย กันดารทราย เช่น ในทะเลทราย เป็นต้น หรือว่ากันดารขาดน้ำ กันดารทุพภิกขภัย เพราะถ้าเป็นความเห็นผิดก็เป็นอกุศลจิต ซึ่งจะทำให้เกิดอกุศลกรรมได้ตามประเภทของความเห็นผิดนั้นๆ อันจะทำให้เกิดอกุศลวิบาก ไม่ใช่เป็นกุศลจิตที่จะทำให้ได้รับแต่สุขวิบาก และไม่ใช่เป็นปัญญาที่เป็นความเห็นถูก ซึ่งจะทำให้สามารถดับกิเลสได้ แต่ความเห็นผิด ไม่ใช่หนทางที่จะทำให้รู้สภาพธรรม เพราะฉะนั้น ก็ไม่ใช่หนทางที่จะดับกิเลส
แนวทางเจริญวิปัสสนา เล่ม ๑๐๕ ตอนที่ ๑๐๔๑ – ๑๐๕๐
เรียบเรียงอักษรให้อยู่ในรูปแบบหนังสือ โดยมีเนื้อหาใจความสำคัญครบถ้วน
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1021
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1022
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1023
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1024
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1025
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1026
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1027
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1028
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1029
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1030
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1031
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1032
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1033
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1034
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1035
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1036
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1037
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1038
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1039
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1040
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1041
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1042
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1043
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1044
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1045
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1046
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1047
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1048
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1049
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1050
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1051
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1052
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1053
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1054
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1055
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1056
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1057
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1058
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1059
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1060
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1061
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1062
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1063
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1064
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1065
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1066
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1067
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1068
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1069
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1070
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1071
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1072
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1073
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1074
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1075
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1076
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1077
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1078
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1079
- แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1080