ผู้ฟังที่ไม่ได้นั่งหลับ หรือนอนหลับ คงรีบตอบด้วยความง่ายดายว่า ตื่นอยู่แน่นอนขณะ ฟัง แต่ก่อนจะด่วนตอบคำถาม มาทำความเข้าใจคำถามก่อนดีไหม? ตื่น หมายถึง สติปัฏฐาน เกิดระลึกรู้ตรงลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฎทางหนึ่ง ทางใดใน ๖ ทางคือ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ขณะที่กำลังฟังพระธรรม หลับ หมายถึง สติปัฏฐานไม่เกิดระลึกรู้ตรงลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฎทาง หนึ่งทางใดใน ๖ ทางคือ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ขณะที่กำลังฟังพระธรรม สำหรับข้าพเจ้า ยังเป็นผู้หลับขณะฟังพระธรรม แต่กำลังอบรมเจริญปัญญาเพื่อเป็น ผู้ตื่นขณะฟังธรรมสักวันหนึ่ง เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เท่าไหร่ก็เท่านั้น เพราะเป็นอนัตตาไง

สาธุ

(ละเมอตอบครับ)

ขออนุโมทนาค่ะ

กำลังหลับ...ฝันด้วยค่ะ

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ตอนหนึ่ง ท่านอาจารย์พูดว่า " รู้ไหมว่า หลับอยู่ตลอดเวลา เวลาทานข้าวก็หลับเวลาพูดคุยก็หลับ เวลาคิดนึกก็หลับ" มีท่านผู้หนึ่งแย้งว่า " ตื่นเวลาฟังธรรม " ท่านอาจารย์ " เวลาฟังธรรมก็หลับค่ะ " อีกท่านพูดว่า " ตื่นเวลาเข้าใจธรรม " ท่านอาจารย์ " เวลาเข้าใจธรรมก็หลับค่ะ " " อ้าว! " เราร้องในใจ ท่านอาจารย์ " ตื่นเวลาที่ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ตามความเป็นจริง ว่าไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล "
นำข้อความมาจาก อาจารย์กาญจนา เชื้อทอง

ขออนุโมทนาครับ

เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ครับ ..

ธรรมบนโต๊ะอาหาร

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

อ้างอิงจาก : ความคิดเห็นที่ 2 โดย happyindy

ขออนุโมทนาค่ะ

กำลังหลับ...ฝันด้วยค่ะ

หลับ กับ ฝัน

ถ้าศึกษาวิถีจิต...เราก็รู้ว่าเป็นคนละขณะกัน ไม่พร้อมกันแต่ถ้าโดยนัยของความเป็นผู้หลงลืมสติก็เสมอกัน...ที่ตื่นก็เหมือนหลับ...ฝันก็เหมือนหลับเพราะสติปัฏฐานไม่เกิด

...ขออนุโมทนาครับ...

ขออนุโมทนา ajarnkruo ค่ะ

ใช่เลย อินดี้กล่าวโดยนัยนั้น ความเป็นผู้หลงลืมสติ ตื่นก็เหมือนหลับ ความคิดนึกใดๆ ที่เกิดขึ้นในเวลาที่หลับอยู่นั้น เรียกว่าฝัน รวมๆ แล้ว คือการหลับ ทั้งหมดนั้น เพราะสติปัฏฐานไม่เกิด

ยังหลับอยู่เลยค่ะ...

จึงต้องพยายามศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม เพื่ออบรมเจริญปัญญา ให้มีความเห็นถูก เข้าใจ และคลายความติดข้องค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ

ขณะนี้ เหมือนฝัน.... ช่างแยบคายนัก

อนุโมทนาค่ะ

นั่งฟังธรรมแล้วหลับ สภาพธรรมไม่ปรากฏ ก็หลับอีก สรุปว่า หลับซ้ำซ้อน มืดตื้อตลอดกาล

อนุโมทนาค่ะ

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เนื่องจากเป็นผู้หลับ (ด้วยอวิชชา ความไม่รู้) มาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ (หลับในสังสารวัฏฏ์) จึงเป็นผู้หลับอีกต่อไป อย่างไม่มีโอกาสได้ตื่น ถ้าหากว่าไม่ได้ศึกษาพระธรรม ไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง จนกระทั่งมีความเข้าใจที่ถูกต้องตามความเป็นจริง ดังนั้น การได้ฟังในสิ่งที่มีจริง บ่อยๆ เนืองๆ เมื่อมีความเข้าใจเพิ่มขึ้น เจริญขึ้นไปตามลำดับ ย่อมจะเป็นเหตุให้สติเกิดขึ้นระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ว่าเป็นสภาพธรรม ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนได้ และนั่นย่อมจะเป็นโอกาสของการได้ตื่นบ้าง ค่อยๆ สั่งสมความรู้ ความเข้าใจสภาพธรรมไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

"ค่อยๆ สั่งสมความรู้ ความเข้าใจสภาพธรรมไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ" หนทางเดียว ที่จะค่อยๆ ตื่น

ขออนุโมทนาค่ะ.

อนุโมทนาคะบางครั้ง..หลับ..ถึงถูกปลุกก็ไม่ตื่น

หลับง่ายตื่นยาก หลับไม่ต้องทำอะไรเลย อยู่เฉยๆ ก็หลับแล้ว ส่วนตื่นนี่สิ ตื่นคือ" ระลึกรู้สภาพธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริง " ยากมากๆ ครับ เป็นสติปัฏฐานนะเพราะฉะนั้น หลับง่ายตื่นยาก คนนอนไม่หลับก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะครับในที่นี้

พระธรรมเป็นเครื่องเตือนใจได้ดีจริงๆ ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลของทุกท่านครับ

ผู้ที่เจริญกุศล เช่น การฟังธรรม การให้ทาน การรักษาศีล ไม่ชื่อว่าหลับ แต่ถ้าตื่นอยู่ ทำแต่อกุศล เช่น ฆ่าสัตว์ พูดเท็จ พูดส่อเสียด ทำให้คนแตกกัน หลับเสียยังดีกว่าค่ะ