[เล่มที่ 72] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 615
เถรีอปทาน
กุณฑลเกสวรรคที่ ๓
สกุลาเถรีอปทานที่ ๔ (๒๔)
ผลของการถวายน้ำมันตามประทีปบูชาพระพุทธเจดีย์
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 72]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 615
สกุลาเถรีอปทานที่ ๔ (๒๔)
ผลของการถวายน้ำมันตามประทีปบูชาพระพุทธเจดีย์
[๑๖๔] ในกัปที่หนึ่งแสนแต่ภัทรกัปนี้ พระพิชิตมารผู้เป็นนายกของโลก พระนามว่า ปทุมุตตระ ผู้ทรงรู้จบธรรมทั้งปวงเสด็จอุบัติขึ้น แล้ว
พระองค์เป็นบุรุษอาชาไนย ประเสริฐ กว่าบัณฑิตทั้งหลาย ทรงปฏิบัติเพื่อเกื้อกูล เพื่อ ความสุข เพื่อประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวง ในโลก กับทั้งเทวโลก
เป็นผู้ถึงซึ่งยศอันเลิศ ทรงสิริ ทรงมี เกียรติคุณฟุ้งเฟื่อง อันชาวโลกทั้งปวงบูชาแล้ว กว่านรชน ทรงข้ามพ้นจากความสงสัยแล้ว ทรง ล่วงความเคลือบแคลงไปแล้ว ทรงมีความดำริ ในพระหฤทัยบริบูรณ์เต็มที่ ทรงบรรลุพระสัมโพธิญาณอันอุดม ทรงยังมรรคาที่ยังไม่เกิดให้ เกิดขึ้น ตรัสบอกมรรคาที่ยังไม่มีใครบอก ทรง ยังธรรมที่ยังไม่เกิดพร้อมให้เกิดพร้อม
พระองค์เป็นบุคคลผู้องอาจ ทรงรู้จัก มรรคา ทรงทราบมรรคา ตรัสบอกมรรคา เป็น
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 616
พระศาสดาผู้ฉลาดในมรรคา ประเสริฐสุดกว่า นายสารถี
เป็นพระโลกนาถผู้ทรงประกอบด้วยพระมหากรุณา เป็นนายกโลก ทรงแสดงธรรม ถอนเหล่าสัตว์ผู้จมอยู่ในเปือกตมคือกาม.
ครั้งนั้น ดิฉันเกิดในเมืองหังสวดีมีนาม ว่าขัตติยนันทนา มีรูปสวย รวยทรัพย์ เป็นที่ พึงใจ มีสิริ
เป็นพระธิดาของพระราชาผู้ใหญ่ พระนามว่าอานนทะ งดงามอย่างยิ่ง เป็นพระภคินี ต่างพระมารดาแห่งพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ห้อมล้อมด้วยราชกัญญาทั้งหลาย ประดับด้วยสรรพาภรณ์ เข้าไปเฝ้าพระมหาวีรเจ้า แล้วได้ฟังธรรมเทศนา
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงรู้แจ้ง โลกพระองค์นั้น ทรงตั้งภิกษุณีองค์หนึ่งผู้มีทิพยจักษุในตำแหน่งอันเลิศ ในท่ามกลางบริษัทสี่
ดิฉันได้ฟังพระพุทธพจน์นั้นแล้ว มีความ ร่าเริง ถวายทานและบูชาพระสัมพุทธเจ้าแล้ว ได้ปรารถนาทิพยจักษุ.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 617
ทันใดนั้น พระบรมศาสดาได้ตรัสกะ ดิฉันว่า ดูก่อนขัตติยนันทนา เธอจักได้ตำแหน่ง ที่ตนปรารถนา ตำแหน่งที่เธอปรารถนานี้เป็นผล แห่งการถวายประทีปธรรม
ในกัปที่หนึ่งแสนแต่กัปนี้ พระศาสดา พระนามว่าโคดม จัดทรงสมภพในวงศ์พระเจ้า โอกกากราช จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก
เธอจักได้เป็นธรรมทายาทของพระศาสดา พระองค์นั้น เป็นโอรสอันธรรมนิรมิต จักเป็น พระสาวิกาของพระศาสดา มีนามว่าสกุลา
ด้วยกุศลกรรมที่ได้ทำไว้แล้วนั้นและด้วย การตั้งเจตน์จำนงไว้ ดิฉันละร่างกายมนุษย์แล้ว ได้ไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ในภัทรกัปนี้ พระพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสปะ ผู้เป็นพงศ์พันธุ์แห่งพรหม มียศมาก ประเสริฐกว่าบัณฑิตทั้งหลาย เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว
ครั้งนั้น ดิฉันเป็นปริพาชิกา ประพฤติ อยู่ผู้เดียว เที่ยวไปเพื่อภิกษา ได้น้ำมันมาน้อย หนึ่ง
มีใจผ่องใส เอาน้ำมันนั้นตามประทีป บูชาพระเจดีย์ชื่อสัพพสังวร แห่งพระพุทธเจ้าผู้ ประเสริฐกว่าสัตว์
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 618
ด้วยกุศลกรรมที่ได้ทำไว้แล้วนั้นและ ด้วยการตั้งเจตน์จำนงไว้ ดิฉันละร่างกายมนุษย์ นั้นแล้ว ได้ไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ด้วยอำนาจบุญกรรมนั้น ดิฉันไปเกิดใน ที่ใดๆ ประทีปเป็นอันมากก็สว่างไสวแก่ดิฉันใน ที่นั้นๆ
ดิฉันปรารถนาจะเห็นสิ่งที่อยู่นอกฝาหรือ สิ่งที่อยู่นอกภูเขาศิลา ก็เห็นได้ทะลุปรุโปร่ง นี้ เป็นผลแห่งการถวายประทีป ดิฉันมีนัยน์ตาแจ่ม ใส รุ่งเรืองด้วยยศ มีศรัทธา มีปัญญา นี้ก็เป็น ผลแห่งการถวายประทีป
ในภพหลังครั้งนี้ ดิฉันเกิดในสกุล พราหมณ์ อันมีทรัพย์และข้าวเปลือกมากมาย มหาชนยินดี พระราชาทรงบูชา
ดิฉันสมบูรณ์ไปด้วยอวัยวะทั้งปวง ประดับด้วยสรรพาภรณ์ ยืนอยู่ที่หน้าต่าง
ได้เห็นพระสุคตเจ้าเสด็จเข้าไปในเมือง ทรงรุ่งเรืองด้วยยศ อันเทวดาและมนุษย์สักการะ บูชา ทรงสมบูรณ์ด้วยพระอนุพยัญชนะ ประดับ ด้วยพระลักษณะทั้งหลาย
มีจิตเลื่อมใสโสมนัส พอใจบรรพชา ครั้นได้บรรพชาแล้วไม่นานนัก ก็ได้บรรลุอรหัตตผล.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 619
ดิฉันมีความชำนาญในฤทธิ์และทิพโสตธาตุ รู้วาระจิตของผู้อื่นเป็นผู้ปฏิบัติตามสัตถุ- ศาสน์
รู้ปุพเพนิวาสญาณ และทิพยจักษุอัน หมดจดวิเศษ ยังอาสวะทั้งปวงให้สิ้นไปแล้ว เป็นผู้บริสุทธิ์ หมดมลทินด้วยดี
ดิฉันบำรุงพระศาสดาแล้ว ปฏิบัติตามคำ สอนของพระพุทธเจ้าเสร็จแล้ว ปลงภาระอันหนัก ลงได้แล้ว ถอนตัณหาอันนำไปสู่ภพขึ้นได้แล้ว
บรรลุถึงประโยชน์ คือ ธรรมเป็นที่สิ้น สังโยชน์ทั้งปวง ที่กุลบุตรทั้งหลายออกบวชเป็น บรรพชิตต้องการนั้นแล้ว
แต่นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงพระมหากรุณา ผู้อุดมกว่านรชน ทรงตั้งดิฉันไว้ใน ตำแหน่งเอตทัคคะว่า สกุลาภิกษุณี เป็นผู้เลิศ กว่าภิกษุณีทั้งหลาย ฝ่ายที่มีทิพยจักษุ
ดิฉันเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... คำสอน ของพระพุทธเจ้าดิฉันได้ทำเสร็จแล้ว.
ทราบว่า ท่านพระสกุลาภิกษุณีได้กล่าวคาถาเหล่านั้น ด้วยประการ ฉะนี้แล.
จบสกุลาเถรีอปทาน