พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้าที่ 450
๒. กัสสปมันทิยชาดก
ว่าด้วยรู้ตัวว่าผิดแล้วสารภาพผิด
[๔๕๖] ข้าแต่ท่านกัสสปะ เด็กหนุ่มจะด่าแช่ง
หรือจะตีก็ตาม ด้วยความเป็นเด็กหนุ่ม
บัณฑิตผู้มีปัญญาย่อมอดทนความผิดที่พวก
เด็กทำแล้วทั้งหมดนั้นได้.
[๕๔๗] ถ้าแม้สัตบุรุษทั้งหลายวิวาทกัน ก็กลับ
เชื่อมกันได้สนิทโดยเร็ว ส่วนคนพาลทั้ง-
หลายย่อมแตกกันเหมือนภาชนะดิน เขา
ย่อมไม่ถึงความสงบเวรกันได้เลย.
[๕๔๘] ผู้ใดรู้โทษที่ตนล่วงเกินแล้ว ๑ ผู้ใด รู้การแสดงโทษคืน ๑ คนทั้งสองนั้นย่อม พร้อมเพรียงกันยิ่งขึ้น ความสนิทสนมของ เขาย่อมไม่เสื่อมคลาย.
[๕๔๙] ผู้ใด เมื่อคนเหล่าอื่นล่วงเกินกัน ตน
เองสามารถจะเชื่อมให้สนิทสนมได้ ผู้นั้น
แลชื่อว่าเป็นผู้ประเสริฐยิ่ง ผู้นำภาระไป ผู้ทรงธุระไว้.
จบ กัสสปมันทิยชาดกที่ ๒
ทำผิดแล้วยอมรับว่าผิดและขอโทษ แก้ไขแม้นเขาไม่ยกโทษให้แต่เราก็จะสบายใจว่าได้ทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว
ขออนุโมทนาค่ะ
ความเป็นมิตรกันนั้น ถ้าหากว่าโกรธกันแล้วนั้น เหมือนเอามือขีดลงในน้ำ ย่อมไม่เห็นรอยขีดในน้ำนั้น
อนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ตรัสสอนว่า เมื่อเคารพนบนอบธรรมก็ควรเป็นคนว่าง่าย ขออนุโมทนาค่ะ
..........................อนุโมทนาค่ะ........................
"ทำผิดแล้ว เราก็ต้องขอโทษ คนดีๆ เขาจะไม่โกรธ ยกโทษให้อภัย, ขอบพระคุณ ขอบคุณ ขอบใจ ใครช่วยเหลือเราไว้ ต้องขอบใจหรือขอบคุณ" (เป็นบทเพลงสั้นๆ ที่เคยได้ฟังเด็กนักเรียนร้อง ครับ เลยจำได้)
หากต้องขอโทษใน"เรื่องเดิม"บ่อยๆ ก็น่าพิจารณาว่า เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น. ..............................................