ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๔๓
โดย khampan.a  17 เม.ย. 2559
หัวข้อหมายเลข 27690

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๔๓

~ ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนก็จะต้องรู้ความจริงว่า วันหนึ่งก็ต้องตาย เหมือนคนอื่นๆ ซึ่งตายไปแล้ว เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น แต่ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ควรที่จะได้พิจารณาว่า ควรที่วันที่จะจากโลกนี้ไป จะจากไปด้วยปัญญาที่ได้อบรมจนกระทั่งเจริญขึ้น หรือจะจากไปโดยไม่สนใจที่จะอบรมเจริญปัญญา? เพราะฉะนั้นก็จากโลกนี้ไปด้วยความมัวเมา ติดข้อง เพลิดเพลิน ในลาภ ในยศ ในสักการะ ในสรรเสริญ ในสุข ซึ่งชั่วขณะจิตแล้วก็จะไม่ติดตามไปสู่โลกหน้าเลย

~ พุทธบริษัทควรที่จะรู้พระวินัยบัญญัติพอสมควรที่จะเป็นผู้เอื้อเฟื้อต่อพระวินัย และไม่เป็นการไม่ทำลายพระภิกษุผู้รับด้วย เรื่องของแต่ละคนก็เป็นเรื่องที่แต่ละคนต้องศึกษา และเกิดปัญญาของตนเอง ชาวบ้านอาจจะทำหลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่งทำไปโดยที่ไม่เข้าใจว่า เป็นสิ่งที่ไม่สมควร แต่คิดว่าเป็นสิ่งที่สมควร โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับพระภิกษุ แต่ว่าผู้ใดตระหนักถึงการที่จะเอื้อเฟื้อต่อพระวินัย ก็ควรที่จะทราบเรื่องของพระวินัย เพื่อที่จะได้ไม่ทำลายผู้รับ


~ เรื่องของความตายตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ ชั่วขณะจิตเดียวจะสั้นและจะเล็กน้อยสักแค่ไหน และใครจะรู้ว่าเมื่อไหร่? เพราะฉะนั้น ถ้าคิดว่าก่อนจะตายจะทำอย่างไรดี ทำเสียตั้งแต่ขณะนี้เลย เพราะอาจจะตายขณะต่อไปก็ได้ แต่ว่าไม่มีใครสามารถจะทำอะไรได้ เพราะเหตุว่าทุกคนอยากจะมีกุศลทุกวัน แต่ตามเหตุ เมื่อมีเหตุของอกุศล อกุศลก็ต้องเกิด แล้วไม่ต้องคร่ำครวญว่าทำอย่างไรๆ คร่ำครวญแต่ว่าอกุศลมากเหลือเกิน เพราะเหตุว่าถ้ารู้เรื่องของเหตุและผลแล้ว และอยากที่จะมีอกุศลน้อย ก็ต้องอบรมเจริญกุศลทุกประการโดยไม่ประมาท


~ ขณะนี้ทุกคนก็ตรงกันที่รู้ว่า ขณะนี้เป็นธรรม ไม่ลืมว่า ธรรมคือเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องไปแสวงหาที่อื่น เพราะขณะนี้เป็นธรรม

~ ไม่ว่าอกุศลในวันหนึ่งๆ จะมีมากมายสักเท่าไรก็ตาม แต่ถ้าเป็นผู้ที่มากด้วยศรัทธา สะสมศรัทธา เห็นประโยชน์ของกุศล ขณะนั้นก็มีปัจจัยที่ศรัทธาจะเกิดขึ้นแทนอกุศล แล้ววันหนึ่งๆ เราไม่เคยรู้สึกตัวเลยว่า มีอกุศลมากเท่าไร ก็แสดงให้เห็นว่า ต้องเจริญศรัทธาขึ้นอีกมากเท่าไร จึงสามารถดำเนินไปสู่หนทางดับกิเลสทั้งหลายได้ แต่ถ้าเรายังคงปล่อย วันหนึ่งก็มีอกุศลมาก ศรัทธา ความผ่องใสของจิต ที่เห็นประโยชน์ของกุศลไม่เกิดเลย ขณะนั้นก็หมักหมมเพิ่มอกุศลขึ้น

~ เวลาที่ปัญญาไม่เกิด ก็ไม่สามารถรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงได้ ต่อเมื่อใดมีญาณ คือ ตาอันสดใส ขณะนี้ก็จะรู้สภาพธรรมะตามความเป็นจริง


~ ฟังธรรมเพื่อให้เข้าใจ จะมั่นคงอยู่ในทางคุณธรรม เพื่อจะได้ไม่ไปสู่อบายภูมิ โดยที่ใครก็พาไปไม่ได้ นอกจากการกระทำของตนเอง แต่ถ้าไม่เข้าใจและไม่เห็นโทษภัย ความติดข้องก็สามารถทำให้เกิดทุจริตได้

~ ถ้าขณะนั้นทำด้วยความต้องการ ไม่มีทางเป็นบุญ เพราะเหตุว่าไม่ได้ชำระล้างความต้องการ คืออกุศลเลย

~ ประการที่สำคัญที่สุด คือ คำจริง แม้แต่การจะรู้แจ้งอริยสัจธรรม ก็ต้องเป็นคำพูดจริง ตรงต่อความจริง เมื่อเป็นพระโสดาบันแล้ว จะไม่มีคำไม่จริง ซึ่งก่อนนั้นด้วยกำลังของกิเลสก็จะมีคำจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง เพราะเหตุว่ายังไม่ถึงระดับซึ่งเห็นโทษของการพูดคำไม่จริง ไม่เป็นผู้ตรง ด้วยเหตุนี้จะเห็นว่า กิเลสมีมากมายหลายอย่าง ถ้าไม่พิจารณาจริงๆ จะเป็นคนเผิน และกระโดด และมองไม่เห็นความจริง แต่ว่าการที่เริ่มละเอียดขึ้นแม้แต่เพียงคำพูดที่พูดทุกวัน เราก็สามารถเริ่มรู้ได้ว่า คำพูดนั้นๆ มาจากจิตประเภทไหน แล้วก็เห็นประโยชน์ การพูดคำไม่จริงมีประโยชน์หรือการพูดคำจริงมีประโยชน์?

~ เพื่อนคือใคร? มิตรที่หวังดีเป็นเพื่อนที่พร้อมจะเกื้อกูล ช่วยเหลือทุกอย่าง แต่การช่วยเหลือก็อาจจะเป็นอำนวยความสะดวกสบาย ช่วยเหลือในคราวป่วยไข้ หรือช่วยธุรกิจการงาน แต่เพื่อนที่มีความหวังดีจริงๆ คือ ช่วยให้บุคคลนั้นเป็นคนดี เพราะไม่ว่าจะเป็นคนในบ้าน นอกบ้าน หรือประเทศชาติ หรือโลก ที่จะสงบได้ก็เพราะคุณความดี ไม่ใช่เพราะความไม่ดี

~ ความดีความงามเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม น่ายินดี (ความดี) ยากที่จะกระทำได้ อย่าประมาทว่า บุญเล็กบุญน้อย ให้สักนิดสักหน่อย หรือช่วยใครสักนิดสักหน่อย ขณะนั้นถ้าเป็นอกุศล ทำไม่ได้เลย จะช่วยใครก็ช่วยไม่ได้ จะให้อะไรใครสักนิดหนึ่งก็ให้ไม่ได้ เพราะว่าขณะนั้นเป็นอกุศลจิต แต่ขณะใดก็ตามที่กุศลสามารถจะเกิดขึ้นได้ แล้วเป็นสิ่งที่ทุกคนชื่นชมแน่ๆ ว่า คนนั้นได้ทำสิ่งที่ดี ขณะที่ยินดีในสิ่งที่คนอื่นกระทำกุศล แม้เราไม่ได้กระทำเอง จิตขณะนั้นก็เป็นกุศล

~ กุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นไป ก็ทำให้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นไปในทางที่ดีงามเกิดขึ้นเป็นไป

~ ขณะใดที่ไม่เข้าใจธรรม ขณะนั้นก็เป็นอวิชชา ขณะใดที่ติดข้อง จะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว ขณะนั้นก็มีอวิชชา ขณะใดที่ขุ่นเคืองไม่พอใจแม้เพียงเล็กน้อย นิดเดียวเอง ขณะนั้นก็ต้องมีอวิชชา ขณะใดที่สำคัญตน วันหนึ่งๆ ก็อาจจะไม่น้อยเลยสำหรับบางคน ขณะนั้นก็มีอวิชชา

~ เวลาที่กล่าวว่าใครดีใครชั่ว เพราะอะไร? เพราะจิตดีหรือจิตชั่ว ถ้าจิตดี ก็กล่าวว่าบุคคลนั้นเป็นคนดี เพราะเหตุว่า กายก็ดี วาจาก็ดี ตามจิตที่ดี แต่ถ้าจิตไม่ดี จะกล่าวว่าคนนั้นดีได้ไหม? ไม่ได้

~ ต้องศึกษาพระธรรม เป็นของที่แน่นอนที่สุดในการที่จะรักษาพระศาสนา ใครก็ตามที่เป็นห่วงพระพุทธศาสนาว่าจะเสื่อมสูญ ไม่ถึงรุ่นต่อๆ ไป มีทางเดียวที่จะไม่เสื่อมสูญได้ คือ ต้องศึกษาพระธรรม ถ้าจะรักษาโดยวิธีอื่นซึ่งไม่ใช่โดยการศึกษา และเข้าใจพระธรรมแล้ว เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยที่พระสัทธรรมจะยั่งยืนต่อไป

~ ไม่ละโอกาสที่จะทำกุศลทันที เพราะรู้ว่าถ้าพลาดโอกาสนั้น อกุศลก็เกิดอีก เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นผู้ที่สามารถจะทำกุศลได้เร็วเท่าไร ก็ยิ่งดีเท่านั้น เพราะเหตุว่าชีวิตแต่ละภพ แต่ละชาติก็สั้นมาก ก็ไม่ทราบว่า ชาติหน้าจะมาถึงเร็วหรือช้า เมื่อไร เกิดที่ไหน เป็นบุคคลใด มีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม มีโอกาสที่จะได้เจริญกุศลอีกไหม?

~ ถ้ายังมีข้อประพฤติปฏิบัติที่ผิดหลงเหลืออยู่ไม่ทิ้งไป ก็หมดโอกาสที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้

~ สภาพธรรมไม่ได้เป็นของใครเลย สภาพธรรมะเป็นความจริง อกุศลธรรมก็เป็นอกุศลธรรม กุศลธรรมก็เป็นกุศลธรรม มิจฉาทิฏฐิก็มีความเห็นผิดเป็นลักษณะมีทำให้เข้าใจข้อประพฤติปฏิบัติผิดไป อวิชชาก็เป็นสภาพที่ไม่รู้ที่ทำให้ปิดกั้นไม่สามารถที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริงได้ เป็นเรื่องของสภาพธรรมแต่ละชนิดซึ่งไม่มีใครเป็นเจ้าของ

~ ทุกคนที่มาฟังธรรม เห็นประโยชน์ จึงได้มา
~ ไม่มีใครจะบังคับบัญชาธรรมได้เลย

~ ความเข้าใจธรรม จะทำให้แต่ละคนรู้สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ แล้วก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่ศึกษาธรรมจริงๆ ก็มีชีวิตไปตามปกติ เพราะเริ่มเข้าใจว่าชีวิตปกตินี้แหละ คือ ธรรมตัวจริง

~ ประโยชน์อย่างยิ่งตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งจากโลกนี้ไป คือ ได้เข้าใจพระธรรม
~ เมื่อไหร่ที่กุศลเกิดขึ้น ให้เห็นกำลังของกุศล แม้เพียงเล็กน้อย ซึ่งยังสามารถที่จะเกิดได้ในระหว่างที่ทั้งวันเป็นอกุศล แต่ก็ประมาทไม่ได้ ซึ่งเมื่อเทียบกับอกุศลแล้ว กุศลก็ยังน้อยกว่า
~ วันนั้น (คือวันที่จะละจากโลกนี้ไป) จะมาถึงเมื่อไหร่ ไม่รู้ แต่มาแน่ๆ ช้าหรือเร็ว แล้วจะมีอะไรเป็นที่พึ่ง? พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ด้วยการเข้าใจว่า พระปัญญามากมากมหาศาลแค่ไหน ใครอย่าได้ไปเปลี่ยน ไปเทียบ ไปคิดว่าจะมีทางลัดหรือมีวิธีอะไรที่จะทำให้เข้าถึงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า, สาวกคือผู้ฟัง ทุกคำมีประโยชน์เมื่อเข้าใจแล้วก็จะเห็นค่า มิฉะนั้นก็หอบเอาอะไรไปด้วย ไม่อยากได้สักนิดแต่ก็หอบไป คือ อกุศลมากมายมหาศาล


ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๔๒

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย ปาริชาตะ  วันที่ 17 เม.ย. 2559

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ ทุกๆ คำแทนเสียงพระศาสดา


ความคิดเห็น 2    โดย Boonyavee  วันที่ 17 เม.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย papon  วันที่ 17 เม.ย. 2559

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย thilda  วันที่ 17 เม.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย Patchanon  วันที่ 18 เม.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 7    โดย ํํญาณินทร์  วันที่ 18 เม.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 8    โดย j.jim  วันที่ 18 เม.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย peem  วันที่ 18 เม.ย. 2559

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย siraya  วันที่ 19 เม.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย rrebs10576  วันที่ 19 เม.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 12    โดย Noparat  วันที่ 20 เม.ย. 2559

~ กุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นไป ก็ทำให้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นไปในทางที่ดีงามเกิดขึ้นเป็นไป

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 13    โดย kukeart  วันที่ 20 เม.ย. 2559

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาสาธุครับ


ความคิดเห็น 14    โดย jaturong  วันที่ 21 เม.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 15    โดย rrebs10576  วันที่ 23 เม.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ