๘. อนุตตริยสูตร ว่าด้วยอนุตริยะ ๖
โดย บ้านธัมมะ  30 ต.ค. 2564
หัวข้อหมายเลข 39353

[เล่มที่ 36] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้า 526

ปฐมปัณณาสก์

อาหุเนยยวรรคที่ ๑

๘. อนุตตริยสูตร

ว่าด้วยอนุตริยะ ๖


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 36]



ความคิดเห็น 1    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 29 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้า 526

๘. อนุตตริยสูตร

ว่าด้วยอนุตริยะ ๖

[๒๗๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนุตริยะ (สิ่งยอดเยี่ยม) ๖ นี้ อนุตริยะ ๖ เป็นไฉน? คือ ทัศนานุตริยะ (การเห็นยอดเยี่ยม) สวนานุตริยะ (การฟังยอดเยี่ยม) ลาภานุตริยะ (การได้ยอดเยี่ยม) สิกขานุตริยะ (การศึกษายอดเยี่ยม) ปาริจริยานุตริยะ (การปรนนิบัติอันยอดเยี่ยม) อนุสตานุตริยะ (การระลึกยอดเยี่ยม). นี้แล ภิกษุทั้งหลาย อนุตริยะ ๖.

จบอนุตตริยสูตรที่ ๘


ความคิดเห็น 2    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 29 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้า 527

อรรถกถาอนุตตริยสูตร

พึงทราบวินิจฉัย ในอนุตตริยสูตรที่ ๘ ดังต่อไปนี้ :-

บทว่า อนุตฺตริยานิ ความว่า (การเห็น เป็นต้น) ที่เว้นจากสิ่งอื่นที่ยิ่งกว่า ชื่อว่า นิรุตฺตรานิ. บทว่า ทสฺสนานุตฺตริยํ ความว่า (การเห็นพระพุทธเจ้า เป็นต้น) เป็นการเห็นอย่างยอดเยี่ยม ในการเห็นรูปทั้งหลาย. ในบททั้งปวง ก็มีนัยเช่นนี้. อธิบายว่า การเห็นช้างแก้ว เป็นต้น ไม่ชื่อว่าเป็นทัศนานุตริยะ ส่วนการเห็น พระทศพลก็ดี ภิกษุสงฆ์ก็ดี ด้วยอำนาจความรักที่มั่นคง การเห็นนิมิตอย่างใดอย่างหนึ่ง ในบรรดากสิณ และอสุภนิมิต เป็นต้นก็ดี ของผู้มีศรัทธาตั้งมั่นแล้ว ชื่อว่า ทัศนานุตริยะ. การฟังคุณกถาของกษัตริย์ เป็นต้น ไม่ชื่อว่าเป็นสวนานุตริยะ ส่วนการฟังคุณกถาของพระรัตนตรัย ด้วยสามารถแห่งความรักที่มั่นคงก็ดี การฟังพระพุทธพจน์ คือ พระไตรปิฏกก็ดี ของผู้มีศรัทธาตั้งมั่นแล้ว ชื่อว่า สวนานุตริยะ. การได้แก้วมณีเป็นต้น ไม่เป็นลาภานุตริยะ ส่วนการได้อริยทรัพย์ ๗ ชื่อว่า ลาภานุตริยะ. การศึกษาศิลปะเกี่ยวกับช้าง เป็นต้น ไม่ชื่อว่าเป็นสิกขานุตริยะ ส่วนการบำเพ็ญสิกขา ๓ ชื่อว่า สิกขานุตริยะ. การบำเรอกษัตริย์ เป็นต้น ไม่ชื่อว่าเป็นปาริจริยานุตริยะ ส่วนการบำรุงพระรัตนตรัย ชื่อว่า ปาริจริยานุตริยะ. การระลึกถึงคุณของกษัตริย์เป็นต้น ไม่ชื่อว่าเป็นอนุสตานุตริยะ ส่วนการระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย ชื่อว่า อนุสตานุตริยะ.

อนุตริยะทั้ง ๖ เหล่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ ทั้งที่เป็นโลกิยะ และโลกุตระ ด้วยประการดังพรรณนามา ฉะนี้.

จบอรรถกถา อนุตตริยสูตรที่ ๘