ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมในแต่ละครั้งรวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗]
[๑] สัตว์ดิรัจฉานเกิดมาแล้ว ก็มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และเป็นสัตว์ที่มีอกุศลจิตเกิดเป็นอย่างมาก ทั้งโลภมูลจิต (จิตที่มีโลภะเป็นมูล) โทสมูลจิต (จิตที่มีโทสะเป็นมูล) โมหมูลจิต (จิตที่มีโมหะเป็นมูล) แล้วคนที่เกิดเป็นมนุษย์ ก็มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ถ้าหากจะปล่อยให้มีแต่อกุศลเกิดมากๆ ในชีวิตประจำวัน ไหลไปด้วยอำนาจของกิเลส มีโลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น ก็คงไม่ต่างอะไรกับสัตว์ดิรัจฉานซึ่งเต็มไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ
[๒] แทนที่เราจะไปดูคนอื่นว่าเขาเป็นคนพาล แล้วเราเป็นคนพาลหรือเปล่า? ขณะใดเป็นอกุศล ขณะนั้นเป็นคนพาลแน่ๆ ปกติในชีวิตประจำวัน อกุศลจิตเกิดบ่อยมาก กล่าวได้ว่า “เป็นคนพาลเกือบทั้งวัน” นานๆ กุศลจิตถึงจะเกิด ซึ่งพอจะเป็นบัณฑิตได้บ้าง แต่ก็น้อยมากถ้าเทียบกับอกุศล
[๓] โดยมากหลายท่านอยากจะชนะสงครามที่บุคคลอื่น อยากจะชนะบุคคลอื่น แต่ว่าเวลาที่กำลังจะชนะสงครามที่ชนะได้ยาก ก็คือ ชนะกิเลสของตนเองในขณะนั้น
[๔] ยิ่งฟังพระธรรม ก็ยิ่งเห็นพระปัญญาคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้า เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมที่เป็นสัจจธรรม เป็นธรรมที่มีจริง ซึ่งทุกคนสามารถพิสูจน์ได้ทันทีโดยไม่ต้องตระเตรียมหรือรอคอยเลย
[๕] ถ้าได้พิจารณาตัวเองอย่างละเอียด แล้วเห็นอกุศลธรรม เห็นกิเลสของตนเองก็จะเป็นประโยชน์ที่จะทำให้เป็นผู้ไม่ประมาท แล้วก็จะไม่คิดว่า “ตัวเองดีพอแล้ว” เพราะเหตุว่า ถ้าคิดว่า “ตัวเองดีพอแล้ว” ก็จะไม่ทำให้เจริญกุศลยิ่งๆ ขึ้นไปอีก
[๖] คุณและโทษของผู้อื่น ไม่ใช่ว่าเพียงแต่ฟัง แล้วก็จะเป็นจริงตามคำพูดที่ได้ยินได้ฟัง
[๗] สภาพจิตที่ดีงาม ไม่เคยเบียดเบียนใครให้เดือดร้อนเลยแม้แต่น้อย พระธรรมทำให้ผู้ฟังเกิดปัญญา พระธรรมที่จะให้ผู้ฟังเป็นคนไม่รู้นั้น เป็นไปไม่ได้ ความเข้าใจแม้จะเล็กน้อย ก็มีค่า
[๘] เป็นคนดี ก็ควรเป็นทุกสถานการณ์
[๙] ไม่มีใครกล่าวธรรมได้อย่างละเอียดเท่ากับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตราบใดที่ยังไม่เข้าใจธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ก็จะเป็นปัญญาไม่ได้ ถ้าไม่มีการฟังพระธรรมแล้ว จะมีพระธรรมเป็นที่พึ่งได้อย่างไร
[๑๐] ถ้าไม่เริ่มฟังพระธรรม ก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้อกุศลเพิ่มขึ้นในใจ
[๑๑] จะมีใครคิดถึงวันนี้บ้างไหมว่า เป็น ณ กาลครั้งหนึ่งที่มีการฟังพระธรรม แต่ความ เข้าใจยังน้อยมาก ซึ่งความเข้าใจน้อยมากนี้ จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่ขาดการฟัง พระธรรม
[๑๒] การสนทนาธรรม เป็นมงคล เพราะทำให้คลายจากอกุศล
[๑๓] ความเข้าใจพระธรรม ชำระใจให้สะอาด
[๑๔] ไม่สงบเพราะมีกิเลส มีกิเลสจึงไม่สงบ ไม่พึงเห็นว่า อกุศลไม่เป็นโทษ เพราะเหตุว่าถ้าไม่เห็นโทษ ย่อมไม่มีวันที่จะตั้งต้นสำหรับละคลาย อย่างแน่นอน ที่จะทำให้เป็นผู้มั่นคงในกุศลธรรมได้ ต้องศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ
[๑๕] เมื่อได้ฟังพระธรรม คงจะมีความเข้าใจไม่มากก็น้อย แต่ก็คงจะได้ความเข้าใจบ้าง
[๑๖] ในบรรดาบุคคลที่เกิดมาในโลกนี้ ถ้าใครมีสติปัญญาที่จะพิจารณาตั้งแต่ยังไม่ชรา หรือยังไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ก็จะเห็นได้จริงๆ ว่า ไม่มีใครที่สามารถจะพ้นไปจากความแก่ ความเจ็บ และ ความตาย ได้เลย เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ก็ย่อมจะเกิดความพยายาม มีความเพียรที่จะทำให้ถึงการพ้นจากความเกิด ความแก่ ความเจ็บ และความตาย คือ การรู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสตามลำดับขั้น แม้ว่าเป็นสิ่งที่ยากที่จะถึง แต่ก็มีทางที่จะถึงได้ด้วยการอบรมเจริญปัญญาขึ้นเรื่อยๆ
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๖ ได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม...ครั้งที่ ๖
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
เป็นข้อความสั้นๆ ที่เตือน "ใจ" ได้ดีมากครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
... ความเข้าใจพระธรรม ชำระใจให้สะอาด ...
จะตั้งใจฟังพระธรรมต่อไปเรื่อยๆ ไม่ย่อท้อค่ะ
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนา
โดยมากหลายท่านอยากจะชนะสงครามที่บุคคลอื่น อยากจะชนะบุคคลอื่น แต่ว่าเวลาที่กำลังจะชนะสงครามที่ชนะได้ยาก ก็คือ ชนะกิเลสของตนเองในขณะนั้น
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปันครับ
แม้ว่าเป็นสิ่งที่ยากที่จะถึง แต่ก็มีทางที่จะถึงได้ด้วยการอบรมเจริญปัญญาขึ้นเรื่อยๆ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอขอบคุณ และอนโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ