๗. ทุติยกุฏิวิหารีเถรคาถา ว่าด้วยคาถาของพระกุฏิวิหารีเถระ
โดย บ้านธัมมะ  18 พ.ย. 2564
หัวข้อหมายเลข 40458

[เล่มที่ 50] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 289

เถรคาถา เอกนิบาต

วรรคที่ ๖

๗. ทุติยกุฏิวิหารีเถรคาถา

ว่าด้วยคาถาของพระกุฏิวิหารีเถระ


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 50]



ความคิดเห็น 1    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 22 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 289

๗. ทุติยกุฏิวิหารีเถรคาถา

ว่าด้วยคาถาของพระกุฏิวิหารีเถระ

[๑๙๔] ได้ยินว่า พระกุฏิวิหารีเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า

กุฎีนี้เป็นกุฎีเก่า ท่านปรารถนากุฎีใหม่ ก็จงละความหวังในกุฎีใหม่เสีย ดูก่อนภิกษุ กุฎีใหม่นำทุกข์ มาให้.


ความคิดเห็น 2    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 22 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 290

อรรถกถาทุติยกุฏิวิหารีเถรคาถา

คาถาของท่านพระกุฏิวิหารีเถระเริ่มต้นว่า อยมาหุ ปุราณิยา. เรื่อง ราวของท่านเป็นอย่างไร?

ได้ยินว่า ท่านเป็นผู้มีจิตเลื่อมใส ได้ถวายพัดที่สานอย่างวิจิตรด้วยผลิตภัณฑ์ไม้อ้อ แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ ในฤดูร้อน พระศาสดาทรงยังเขาให้รื่นเริง ด้วยพระคาถาอนุโมทนา ในข้อความใด ที่ยังมีข้อหลงเหลืออันควรกล่าวถึง ข้อความนั้นก็เหมือนกับที่กล่าวไว้แล้ว ใน เรื่องของพระอัญชนวนิยเถระ ส่วนข้อที่แปลกกันมีดังนี้

ได้ยินว่า พระเถระนี้บวชแล้ว โดยนัยดังกล่าวแล้วอยู่ในกุฏิเก่าหลังหนึ่ง ไม่คิดจะบำเพ็ญสมณธรรม คิดแต่จะก่อสร้างอย่างเดียวว่า กุฏิของเราเก่าแล้ว เราควรทำกุฏิหลังใหม่. เทวดาผู้ใคร่ประโยชน์ต่อท่าน กล่าวคาถานี้ ที่มีความชวนให้สลดใจ ภาษาง่ายๆ แต่มีใจความลึกซึ้งว่า

กุฎีนี้เป็นกุฎีเก่า ท่านปรารถนากุฎีใหม่หลังอื่น ก็จงละความหวังในกุฎีใหม่เสีย ดูก่อนภิกษุ กุฎีใหม่นำทุกข์มาให้ ดังนี้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อยํ เป็นคำชี้ให้เห็นสิ่งที่อยู่ใกล้. บทว่า อหุ มีความหมายว่า ได้มีแล้ว เพื่อความสะดวกในการประพันธ์คาถา ท่านจึง กล่าวเป็นทีฆะ.

บทว่า ปุราณิยา ความว่า มีมาในกาลก่อน คือ มีมานานแล้ว.

บทว่า อญฺญํ ปตฺถยเส นวํ กุฏึ ความว่า ท่านปรารถนา คือ ประสงค์ ได้แก่อยากได้กุฏิชื่อว่าอื่นหลังจากนี้ เพราะเป็นกุฎิที่จะพึงบังเกิดในบัดนี้


ความคิดเห็น 3    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 22 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 291

เพราะความที่กุฏิหลังนี้ทรุดโทรมโดยความเป็นของเก่า ก็ท่านจงละความหวังในกุฏิหลังใหม่เสียทั้งหมด คือ จงคลายความหวังคือ ความอยาก ได้แก่ ความเห่อ แม้ในกุฏิหลังใหม่เหมือนในหลังเก่า ย่อมเป็นผู้มีจิตปราศจากความอยากได้ในกุฏิหลังใหม่นั้น โดยประการทั้งปวง. เพราะเหตุไร? เพราะกุฏิหลังใหม่นำทุกข์มาให้ คือ ดูก่อนภิกษุ เพราะกุฏิที่ชื่อว่าใหม่ คือ ที่จะพึงให้เกิดในบัดนี้ ชื่อว่าเป็นทุกข์ เพราะนำทุกข์มาให้ ฉะนั้น เธออย่าทำทุกข์ใหม่อย่างอื่นให้เกิด จงอยู่ในกุฏิหลังเก่านั่นแหละ กระทำกิจที่ตนควรกระทำ ก็ในคาถานี้มีอธิบายดังนี้ ดูก่อนภิกษุ ท่านคิดว่า กุฏิที่มุงด้วยหญ้าหลังนี้ ชำรุดทรุดโทรม จึงหวังจะสร้างกุฏิที่มุงด้วยหญ้าใหม่หลังอื่น ไม่บำเพ็ญสมณธรรม ก็เมื่อปรารถนาอย่างนี้ ชื่อว่ายังปรารถนากุฏิคืออัตภาพ ต่อไป เพราะไม่พ้นจากการเกิดในภพใหม่ โดยไม่ได้ขวนขวายในภาวนา จึงชื่อว่ายังปรารถนาเพื่อจะสร้างอยู่นั่นเอง. ก็กุฏิคืออัตภาพนั้น เปรียบเหมือนกุฏิที่มุงด้วยหญ้าหลังใหม่ ชื่อว่าเป็นทุกข์ เพราะเกี่ยวข้องกับทุกข์ต่างๆ มีชรา มรณะ โศกะ และปริเทวะเป็นต้น ยิ่งเสียกว่าทุกข์ในการสร้างกุฏิ เพราะต้องลำบากในการกระทำ เพราะฉะนั้น ท่านจงคลายความหวัง ความเพ่งในกุฏิคืออัตภาพ เหมือนคลายความหวังในการสร้างกุฏิหญ้าฉะนั้น คือ จงเป็นผู้มีจิตปราศจากความกำหนัดในอัตภาพนั้น โดยประการทั้งปวง วัฏทุกข์ จักไม่มีแก่ท่านด้วยอาการอย่างนี้ ก็พระเถระฟังคำของเทวดาแล้ว เกิดความสลดใจ เริ่มตั้งวิปัสสนา เพียรพยายามอยู่ ดำรงอยู่แล้วในพระอรหัตตผลต่อกาล ไม่นานเลย. สมดังคำที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า

เมื่อพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ เชษฐบุรุษของโลก ผู้คงที่สงบระงับ มั่นคง ประทับนั่ง


ความคิดเห็น 4    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 22 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 292

บนอาสนะที่ลาดด้วยหญ้า เราเอาดอกอ้อมาผูกเป็นพัด แล้วน้อมถวายแด่พระพุทธเจ้า ผู้เป็นจอมประชา ผู้คงที่ พระสัพพัญญูผู้เป็นนายกของโลก ทรงรับพัด แล้วทรงทราบความดำริของเรา ได้ตรัสพระคาถานี้ว่า กายของเราดับแล้ว ความเร่าร้อนไม่มี ฉันใด จิตของท่านจงหลุดพ้นจากกองไฟ ๓ กอง ฉันนั้น เทวดาบางเหล่าที่อาศัยต้นไม้อยู่ มาประชุมกันทั้งหมด ด้วยหวังว่า จักได้ฟังพระพุทธพจน์ อันยังทายกให้ยินดี พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่ง ณ ที่นั้น แวดล้อมด้วยหมู่เทวดา เมื่อจะทรงยังทายกให้รื่นเริง จึงได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า ด้วยการถวายพัดนี้ และด้วยการตั้งจิตไว้ ผู้นี้จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มีพระนามว่า สุพพตะ ด้วยกรรมที่เหลือนั้น อันกุศลมูลตักเตือนแล้ว จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มีพระนาม ว่า "มาลุตะ" ด้วยการถวายพัดนี้ และด้วยการนับถืออันไพบูลย์ ผู้นี้จักไม่เข้าถึงทุคติตลอดแสนกัป ในกัปที่สามหมื่น จักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๘ พระองค์ มีพระนามว่า สุพพตะ ในกัปที่สองหมื่นเก้าพัน จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ พระนามว่า มาลุตะ อีก ๘ ครั้ง. เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำสอน ของพระพุทธเจ้าเรากระทำสำเร็จแล้ว ดังนี้.


ความคิดเห็น 5    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 22 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 293

ก็พระเถระ ตั้งอยู่ในพระอรหัตตผลแล้ว ได้กล่าวคาถานั้นแหละ ซ้ำอีกว่า คาถานี้เป็นขอสับในการบรรลุพระอรหัตตผลของเรา. ก็คาถานั้นแหละ ได้เป็นคาถาพยากรณ์พระอรหัตตผลของพระเถระ. ก็พระเถระนั้น ได้มีนามว่า กุฏิวิหารีเถระ เพราะท่านได้คุณพิเศษ เพราะโอวาทเรื่องกุฏิ ฉะนี้แล.

จบอรรถกถาทุติยกุฏิวิหารีเถรคาถา